มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1917
ย่างเท้าที่งามดุจหยกนั่นของนางออกมาอย่างแผ่วเบา เพียงย่างก้าวเดียวเท่านั้น ก็ก้าวข้ามผ่านการขวางกั้นของปริภูมิ ปรากฏข้างกายหลัวซิวโดยตรง
“ศิษย์พี่ พวกเขาคือผู้ใดหรือ?”จีเสี่ยวจื่อขมวดคิ้วคู่ที่งดงามนั่นลง บนจมูกที่สวยงามนั่นมีฝุ่นละอองติดอยู่เล็กน้อย จึงทำให้นางยิ่งดูสวยน่ารักมากขึ้น ทำให้คนมองอยากทะนุถนอม
จีเสี่ยวจื่อไม่ชอบผู้คนที่เหยียบย่ำอยู่บนมังกรทองห้าอุ้งเท้ามาก ๆ โดยเฉพาะชายหนุ่มที่อยู่ในเสื้อคลุมงูยักษ์สีทองนั่น แววตาที่มองนางยิ่งทำให้นางรู้สึกสะอิดสะเอียน
“พระโอรสจ้านเทียน”หลัวซิวตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ก่อนจะยื่นมือออกไปเช็ดฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนจมูกที่งดงามนั่นของนาง
กิริยาท่าทางที่ใกล้ชิดเช่นนี้ จีเสี่ยวจื่อและหลัวซิวต่างไม่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมแต่อย่างใด อย่างไรเสียความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็สนิทสนมกันมาก ๆ แล้ว แต่ทว่าภาพเหตุการณ์ดังกล่าวที่อยู่ในสายตาพระโอรสจ้านเทียน กลับทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมาก
“ขอแสดงความยินดีกับแม่นางด้วยที่บรรลุสู่แดมกุฎเทพสำเร็จ ไม่ทราบว่าแม่นางได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้มาจากที่ใดหรือ?”พระโอรสจ้านเทียนอมยิ้ม มองไปทางจีเสี่ยวจื่ออย่างอ่อนโยนพลางพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดไปเองว่ามันดูอ่อนโยนเรียบง่ายน่าคบหาและมีอัธยาศัยดี
หลัวซิวไม่ถูกเขาเอาไปไว้ในสายตาเลยด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะคนดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับแม่นางชุดม่วงคนนี้ เขาคงออกคำสั่งให้คนสังหารเจ้าหมอนี่ที่รกหูรกตาไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“จีเสวียนคงคือท่านปู่ของข้า เขาคือศิษย์พี่ของข้า เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของท่านปู่ข้า”จีเสี่ยวจื่อตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สดใสไพเราะ
นางเป็นคนที่ฉลาดใสซื่อบริสุทธิ์ สัมผัสได้อยู่ว่าพวกพระโอรสจ้านเทียนประสงค์ร้ายต่อศิษย์พี่หลัว ดังนั้นนางจึงยกชื่อและสมญานามของจีเสวียนคงออกมาเสียเลย
ในฐานะที่เป็นมหาปรมาจารย์ยาเซียนเพียงหนึ่งเดียวในมหาโลกายอดอัมพร มาตรแม้นว่าอยู่ในมหาโลกาพันสาม ชื่อเสียงของจีเสวียนคงก็โด่งดังเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อดูจากภาพรวมของมหาโลกาพันสาม จำนวนมหาปรมาจารย์ยาเซียนก็มีน้อยนิดมาก ซึ่งมหาปรมาจารย์ยาเซียนทุกคนล้วนเป็นผู้ที่สำนักจักรพรรดิชั้นยอดต่างพากันแก่งแย่งเพื่อดึงเข้าสำนักตน
ดังนั้นไม่ใช่แค่เพียงมหาโลกายอดอัมพรเท่านั้น ในมหาโลกาอื่น ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างจีเสวียนคงและผู้แข็งแกร่งสำนักจักรพรรดิต่าง ๆ ล้วนไม่เลวเลย ด้วยเหตุนี้ถึงแม้เขาจะไม่ถูกกับหอยอดอัมพรมาก ๆ เจ้าหอยอดอัมพรก็ไม่กล้าทำอะไรเขา
แรงดึงดูดของมหาปรมาจารย์ยาเซียนคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย หากหัวร้อนขึ้นมาจริง ๆ การที่จะดึงผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพเข้ามาเป็นพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน
“เหอะ ๆ ที่แท้ก็เป็นลูกหลานและลูกศิษย์คนเก่งของมหาปรมาจารย์จีเสวียนคงนี่เอง ขึ้นมาพูดคุยกันหน่อยเป็นอย่างไร?”พระโอรสจ้านเทียนหัวเราะเหอะ ๆ แล้วพูด เขาต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของจีเสวียนคงมาก่อนอยู่แล้ว
“ไม่มีอารมณ์ ข้าต้องใช้เวลาทำให้ผลการฝึกตนมั่นคงแข็งแรงขึ้น”จีเสี่ยวจื่อปฏิเสธโดยตรง
“ฮ่า! ข้าน้อยล่วงเกินไปเอง”พระโอรสจ้านเทียนหัวเราะอย่างเก้อเขิน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ มังกรทองห้าอุ้งเท้าก็สะบัดหัวสะบัดหางแล้วโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะหายวับไปจากสุดปลายขอบฟ้า
ก่อนจะจากไป หลัวซิวสังเกตเห็นว่าเยาเย่รวมไปถึงเหล่าอัจฉริยะเผ่าพันธุ์มารจากโลกาบรรพมาร ล้วนใช้ตัวสำนึกทิ้งตราประทับไว้บนตัวเขา
จากตัวสำนึกของหลัวซิว เขาสามารถทำลายตราประทับเหล่านี้ให้แตกสลายได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเหตุใดพวกเยาเย่ถึงหมายตาตัวเองเอาไว้ หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายก็น่าจะเป็นเพราะอสูรดูดจิตและวิชาบรรพเทพโลหิต
“ศิษย์พี่ ท่านต้องระวังพระโอรสจ้านเทียนนั่นด้วยนะเจ้าคะ ข้ารู้สึกว่าสายตาที่เขามองท่านในเมื่อครู่นี้มันไม่ปกติ”หลังจากที่พวกพระโอรสจ้านเทียนจากไปแล้ว จีเสี่ยวจื่อจึงเดินมาพูดข้างกายหลัวซิว
จีเสี่ยวจื่อรู้สึกซึ้งในพระคุณของศิษย์พี่ท่านนี้ของตัวเองอยู่ เนื่องจากหากไม่ใช่เพราะเขา ตัวเองก็ไม่มีทางตระหนักรู้ในกฎปริภูมิได้ หากไม่ใช่เพราะเขาคอยคุ้มกันให้ตนเองอยู่ที่นี่ รวมไปถึงชี้แนะการฝึกตนให้แก่ตัวเอง ตนไม่มีทางบรรลุสู่แดนมกุฎเทพรวดเร็วเช่นนี้แน่นอน
“เหอะ ๆ ข้ารู้สึกว่าสายตาที่เขามองเจ้าต่างหากที่ผิดปกติ”หลัวซิวหัวเราะพลางพูด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของจีเสี่ยวจื่อจึงแดงก่ำขึ้นมาเพราะความเขินทันที ก่อนจะทำท่าถุยน้ำลายแล้วพูด: “สภาพอันน่ารังเกียจนั่นของมันน่ะ ข้าไม่ชอบหรอก”
“นั่นมันพระโอรสจ้านเทียนเชียวนะ อัจฉริยะอันดับหนึ่งในมหาโลกาพันสามเลยนะ”หลัวซิวยิ้งพลางพูดถากถาง
“ชิ เมื่อเปรียบเทียบกับศิษย์พี่แล้ว มันก็ถือเป็นอัจฉริยะหรือ?”จีเสี่ยวจื่อกระพริบตาถี่ ๆ