มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1969
“กระบี่ผงาดตรีภพ!? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร……”
พระโอรสจ้านเทียนตกตะลึงพรึงเพริด เห็น ๆ อยู่ว่าโอรสสวรรค์โชคลาภตายไปแล้ว เจ้าหมอนั่นกระตุ้นกระบี่ตรีภพเล่มนี้ได้อย่างไร?
เขาจำได้ดีมาก ๆ ว่าเมื่อนั้นคนดังกล่าวก็เคยลองแตะต้องกระบี่ตรีภพเช่นกัน แต่ทว่ากลับไม่ถูกกระบี่ตรีภพยอมรับ
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งวิกฤตการณ์ พระโอรสจ้านเทียนไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย มีดาบรบเล่มหนึ่งปรากฏบนมือ จะต้านทานพลานุภาพของปราณกระบี่เล่มนี้
ตู้ม!
ภายใต้การฟาดฟันจากปราณกระบี่ตรีภพ ถึงแม้ระดับขั้นของดาบรบที่อยู่ในมือพระโอรสจ้านเทียนจะไม่ธรรมดา แต่ก็ต้านทานพลานุภาพของกระบี่ผงาดตรีภพไม่ไหวอยู่ดี ตรงคมดาบแตกร้าวจนแหว่ง ดาบรบยิ่งหลุดลอยออกไปจากมือ รังสีหม่นหมอง ออร่าเทพลดฮวบ
ฉึก!
พระโอรสจ้านเทียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาอย่างบ้าคลั่ง มีรอยกระบี่ที่น่ากลัวปรากฏกลางหน้าอก แผลลึกจนสามารถมองเห็นกระดูก เลือดสดหลั่งไหล
ยิ่งกว่านั้นคือเกราะเทพระดับเจ้ายุทธจักรที่อยู่บนตัวพระโอรสจ้านเทียนก็ถูกผ่าออกแล้วเช่นกัน!
“ให้ตายเถอะ!”
พระโอรสจ้านเทียนอ้าปากแล้วกระอักเลือดออกมา ภายในจิตใจรู้สึกเสียใจทีหลัง
เขารู้ว่าตัวเองประมาทมากเกินไปแล้ว เขาคิดว่าหลัวซิวได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่ากลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะสามารถควบคุมกระบี่ตรีภพได้
หากเขามีการเตรียมตัว ถึงแม้พลานุภาพของกระบี่ผงาดตรีภพจะฮึกเหิม เขาก็ไม่มีทางบาดเจ็บเช่นนี้เด็ดขาด แต่ทว่าเป็นเพราะตัวเองประมาทไม่ได้เตรียมป้องกัน จึงทำให้เสียเปรียบอย่างมากในทันที
“อั่ก!”
พระโอรสจ้านเทียนเด็ดเดี่ยวมาก ๆ เขาอ้าปากแล้วพ้นพลังและเลือดออกมาโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะรีบโคจรเคล็ดวิชา ร่างกายผันเป็นแสงสีทองดวงหนึ่ง หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
มาตรแม้นว่าหลัวซิวจะโคจรกฎห้วงเวลา ก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อความเร็วในการเคลื่อนที่บินหนีของแสงทองนั่นได้เลยแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดเจนเลยว่านี่น่าจะเป็นวิชาหลบหนีที่ดีเยี่ยมมาก ๆ วิชาหนึ่ง แต่ทว่าราคาที่ต้องแลกกับการใช้วิชาดังกล่าวก็ไม่น้อย ซึ่งสามารถใช้คุ้มกันชีวิตเมื่อตกอยู่ในจุดเป็นจุดตาย
หลัวซิวไม่ได้ไล่ตามไป และเขาก็ไม่มีพละกำลังไปไล่ตามแล้วจริง ๆ ร่างกายที่ขาดออกเป็นสองท่อนยังคงอยู่ในสภาวะเชื่อมสมานกัน เมื่อครู่เมื่อเห็นว่าพระโอรสจ้านเทียนนำความสนใจเพ่งเล็งไปบนตัวจีเสี่ยวจื่อ หลัวซิวถึงใช้กระบี่ตรีภพจู่โจมจนทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสแล้วตกใจหนีไป
อย่างไรก็ตามจะควบคุมพลานุภาพของกระบี่ตรีภพได้ง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า? บาดแผลที่สมานกันเล็กน้อยในเมื่อครู่นี้เริ่มปริออกอีกหลายจุด ทำให้สีหน้าของหลัวซิวดูขาวซีด
วินาทีนี้เขากำลังกำกระบี่ผงาดที่มีออร่าตรีภพลอยวนเป็นเกลียวอยู่บนกระบี่ไว้ในมือ แม้สีหน้าจะขาวซีด แต่ทว่าภายในแววตากลับเปี่ยมล้นไปด้วยราศีของความตื่นเต้นดีใจ
เนื่องจากมันเป็นอย่างที่เขาคาดคะเนเอาไว้จริง ๆ กระบี่ตรีภพกีดกันทุกคน ทว่าจะยอมรับเพียงนักยุทธ์ที่มีออร่าตรีภพ
เขาใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปวิวัฒนาการแก่นแท้ของตัวเองให้กลายเป็นร่างตรีภพ เขาจึงสามารถใช้งานกระบี่ตรีภพได้ ไม่มีท่าทีของการกีดกันเลยแม้แต่น้อย
หลัวซิวนั่งขัดสมาธิอยู่ในอนัตตา ด้านล่างของเขามีก้อนเมฆกลุ่มหนึ่งปรากฏ มีคราบเลือดติดอยู่ตามร่างกายเขา สีหน้าขาวซีด แต่ทว่ากลับมีความองอาจกล้าหาญไร้เทียมทานที่เข้มงวดไร้รูปแผ่กระจายออกมา
หอกมังกรแดงเลือดถูกเขาเก็บเข้าไปแล้ว วินาทีนี้กระบี่ตรีภพถูกวางอยู่บนเข่าทั้งสองข้างของเขา แค่กระบี่เล่มนี้เล่มเดียวก็ก่อให้เกิดพลังอานุภาพที่มองไม่เห็น ทำให้ทุกคนต่างไม่กล้าเข้าใกล้
ด้านหลังของหลัวซิวมีสายฟ้าผ่าสลับไปมา อัสนีเทวสีม่วงตัดสลับไปมา ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธของเสิ่นปิงหยูยังคงดำเนินการต่อไป
ส่วนด้านหน้าของหลัวซิวนั้น มีวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากรวมตัวกัน แต่ทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาใกล้เลย
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้มันน่าช็อกมากเกินไปจริง ๆ เพิ่งแย่งกระบี่ตรีภพมาได้ จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมได้ไม่นาน โอรสสวรรค์โชคลาภก็ถูกสังหาร กระบี่ตรีภพก็ถูกแก่งแย่งไป!
ถัดจากนั้นดาวร้ายชุดคลุมยาวดำที่แย่งกระบี่ตรีภพไปได้ก็ใช้กระบี่ตรีภพโจมตีพระโอรสจ้านเทียนจนบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง เป็นผู้ไร้เทียมทานในอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากในแดนเทวนิรันกาลแล้ว!
“ศิษย์พี่ท่านเป็นผู้ไร้เทียมทานแล้ว……”
จีเสี่ยวจื่อยืนอยู่ด้านหลังเขา เมื่อเห็นว่าบาดแผลที่อยู่บนตัวหลัวซิวกำลังสมานกันด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่า จีเสี่ยวจื่อก็ไม่กังวลใด ๆ อีกต่อไป บนใบหน้ามีรอยยิ้มและความเลื่อมใสศรัทธาปรากฏ