มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1977
“เจ้ามาช้าไปเสียแล้ว!” พระโอรสจ้านเทียนพูดเสียเย็นเยียบ ยกมือชี้ไปยังสถานที่ที่ดอกถานฮวาเทียนเต้าตั้งอยู่
หลัวซิวมองตามไปยังทิศทางที่นิ้วมือของพระโอรสจ้านเทียนชี้ไป ทันใดนั้นนัยน์ตาก็พลันรี่ลง เพราะว่าภายในอาณาเวลา เขามองเห็นร่างเงาของคนคนหนึ่ง
นั่นคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่สามชุดคลุมเต๋า นักปราชญ์อัจฉริยะมากมายต้องการบุกรุกเข้าไปในอาณาเวลา หมายจะแย่งชิงดอกถานฮวาเทียนเต้าต่างก็ถูกแช่แข็งเอาไว้ แต่ชายหนุ่มเต๋าผู้นี้กลับก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ระยะห่างจากดอกถานฮวาเทียนเต้าในตำนาน ก็ยิ่งใกล้เข้าไปทุกที
ผู้สืบทอดแห่งเขาดึกดำบรรพ์!
หลัวซิวมองปราดเดียวก็รู้ได้ถึงที่มาของชายหนุ่มเต๋าผู้นี้ ในตอนแรกบนดาวดวงที่กระบี่ตรีภพปรากฏขึ้น ผู้สืบทอดแห่งเขาดึกดำบรรพ์ผู้นี้ก็ปรากฎตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
แต่หลังจากการแย่งชิงกระบี่ตรีภพ ผู้สืบทอดแห่งเขาดึกดำบรรพ์กลับไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด ถึงขั้นที่ว่าไร้ชื่อเสียงเรียงนามตลอดมา
แต่ถึงอย่างไร สำหรับผู้สืบทอดแห่งเขาดึกดำบรรพ์ ไม่มีใครกล้ามองข้ามหรือดูถูกเขา ที่ต้องรู้คืออาจารย์ปู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์แห่งเขาดึกดำบรรพ์ เป็นถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่เก่าแก่ที่สุด การสืบทอดที่เขาทิ้งเอาไว้นั้น เรียกได้ว่าเป็นรากฐานของสำนักจักรพรรดิที่ลึกล้ำที่สุดในปัจจุบัน!
ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนที่เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานแห่งห้วงดาราในรุ่นนี้ สำหรับความเก่าแก่เช่นนี้ของเขาดึกดำบรรพ์ ก็ยังต้องแสดงความเคารพอยู่ห่าง ๆ ไม่คิดที่จะเข้าใกล้
ในขณะนี้ ในใจของพระโอรสจ้านเทียนรู้สึกไม่สบอารมณ์ถึงขีดสุด สำหรับพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของตน เขาประเมินตนเองเอาไว้ในจุดที่สูงที่สุดตลอดมา แต่สิ่งล้ำค่าสามชิ้นของแดนเทวนิรันกาล เขากลับไม่สามารถแย่งชิงมาได้แม้แต่ชิ้นเดียว
อาจจะเป็นไปได้ว่าหินนิรันดร์ตกอยู่ในมือของดาวสังหารชุดดำ กระบี่ตรีภพก็ถูกเขาแย่งชิงเอาไปได้ ดอกถานฮวาเทียนเต้าที่ลึกลับที่สุด ก็กลับไม่มีทางเข้าไปใกล้ได้แม้แต่น้อย
ผู้อื่นจึงไม่สามารถเข้าใกล้ได้ แต่เหตุใดชายหนุ่มเต๋าแห่งเขาดึกดำบรรพ์สามารถทำได้?
“เขาดึกดำบรรพ์สมแล้วที่เป็นสำนักจักรพรรดิที่ลึกซึ้งและเก่าแก่ที่สุด ชายหนุ่มเต๋าผู้นี้ที่แท้ก็คือยอดฝีมือที่ชำนาญกฎเวลา!”
เสิ่นปิงหยูยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิว ในดวงตาคู่สวยเผยความประหลาดใจและแปลกใจออกมา
กฎเวลานั้นลึกลับที่สุดตลอดกาล ต่อให้มีคนเคยฝึกตนมาก่อน ว่ากันว่าที่ผ่านมาอย่างมากก็ต้องหยุดอยู่ในแดนขั้นที่แปดหรือไม่ก็แดนขั้นที่เก้า ไม่สามารถบรรลุถึงแดนขั้นที่สิบเป็นจักรพรรดิเทพได้
ถึงกระนั้น จ้าวมหาเทพผู้หนึ่งที่ชำนาญกฎเวลาถึงแดนขั้นที่แปด ก็คือการมีอยู่ของความแข็งแกร่งเหนือฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพเหล่านั้น ก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ยังมีตำนานเหล่าไว้ว่า หากสามารถฝึกตนกฎเวลาถึงแดนขั้นที่สิบ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถบรรลุถึงขั้นที่สิบแดนบริบูรณ์ขั้นสูงได้ อาศัยแค่เพียงผลการฝึกตนของจักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิ ก็สามารถครอบครองพลังรบที่เทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์!
ถึงอย่างไร การชำนาญกฎเวลา ก็เป็นความสามารถที่เหนือฟ้าและน่ากลัวเหลือเกิน……
มหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์ที่ถูกพูดถึงในตำนานเก่าแก่ไม่ได้ฝึกตนกฎเวลา ผู้สืบทอดแห่งเขาดึกดำบรรพ์ผู้นี้สามารถตระหนักรู้ชำนาญกฎเวลา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเป็นคนรุ่นหลังที่มีพรสวรรค์น่าตกใจอย่างแน่แท้
“ทุกคนต่างก็เรียกเจ้าว่าดาวสังหารชุดดำ แต่กลับยังไม่รู้ว่าที่แท้แล้วเจ้ามีมาจากที่ใด ชื่องเสียงเรียงนามว่าอย่างไร?” พระโอรสจ้านเทียนจ้องเขม็งมายังหลัวซิว เอ่ยปากถามอย่างชัดเจนและใจเย็น
“อย่างไร? แอบสืบหาที่มาและตัวตนของข้า เพื่อวางแผนว่าเมื่อเจ้าออกจากแดนเทวนิรันกาลไปแล้วค่อยกลับมาสร้างปัญหาให้ข้าเช่นนั้นหรือ?”
หลัวซิวยิ้มออกมาบาง ๆ แววตาแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าที่ส่องประกาย “หากเจ้ายังกล้าสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับข้าอีก ข้าก็ยินดีที่จะฆ่าเจ้าทิ้งเสียที่นี่!”
เมื่อจบคำพูดนี้ สีหน้าของพระโอรสจ้านเทียนก็พลันเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาทันที สำหรับคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบกายนั้น ต่างก็ปิดปากเงียบ รักษาความนิ่งสงบเอาไว้
ทุกคนต่างต้องยอมรับว่า ถึงแม้คำพูดเหล่านี้ของหลัวซิวจะอวดดีจนไร้ขอบเขตสักเพียงใด แต่ความจริงที่ว่าเขาก็ครอบครองความแข็งแกร่งเช่นนี้มันก็ยังคงเป็นเรื่องจริงอยู่ดี
พระโอรสจ้านเทียนระงับความโกรธและเจตนาฆ่าในใจ เขารู้ดีว่าเขาไม่มีทุนพอที่จะต่อกรกับอีกฝ่าย เหตุผลที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือจริง ๆ อาจเป็นเพราะกังวลว่าเขาอาจจะมีกลยุทธ์ไพ่ตายใด ๆ ที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้ก็เป็นได้