มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1985
แดนเทวนิรันกาลหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีข้างหน้าจึงจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หลังจากกลับมาจากแดนเทวนิรันกาล หลัวซิวก็ออกมาจากดารายอดอัมพร จีเสี่ยวจื่อก็ดื้อดึงจะตามติดเขามาให้ได้ หลัวซิวก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
ผ่านไปไม่นาน หลัวซิวก็มาถึงยังจินเฮ่าซิงพื้นที่ริมขอบของมหาโลกายอดอัมพร
ในตอนนั้นเขาออกไปจากที่นี่ โดยทิ้งฉียู่หรงและหนิงหานยู่เอาไว้ที่นี่ เวลาหมุนเวียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว นับรวมตอนที่อยู่ในแดนเทวนิรันกาลแล้ว ก็ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว
ฉียู่หรงและหนิงหานยู่ระมัดระวังมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยกเว้นที่ไปซื้อทรัพยากรเพื่อฝึกตนปิดขังระยะยาวไว้ในลานสวนแล้ว ก็ไม่ค่อยออกไปข้างนอก
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกหลัวซิวไม่คิดว่าตนจะจากไปนานขนาดนี้ แม้ว่าจะทิ้งทรัพยากรฝึกตนเอาไว้ให้พวกนางอยู่มากก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถที่จะรองรับระยะเวลาสิบกว่าปีได้
เมื่อทรัพยากรฝึกตนใช้หมด ฉียู่หรงและหนิงหานยู่ก็ทำได้แค่ต้องหาทางออกไปซื้อทรัพยากร เนื่องจากในตอนที่หลัวซิวจากไป ก็ยังทิ้งแก้วเทวเอาไว้ให้พวกนางจำนวนมหาศาล
ช่วงแรก ๆ ยังไม่เป็นไร เพราะฉียู่หรงะมัดระวังตัวมาก ทุกครั้งที่ออกไปซื้อทรัพยากร จะไม่ทำตัวให้โดดเด่นจนเป็นที่สังเกตได้
แต่เมื่อเวลายิ่งผ่านไปนานวันเข้า ก็ย่อมถูกคนจับตามอง
นักยุทธ์ที่มาจากโลกามนุษย์ ต่างก็ต้องมายังจินเฮ่าซิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจินเฮ่าซิงกองกำลังเล็ก ๆ ใหญ่ ๆ ต่างก็ผสมปนเปกันไป นักยุทธ์จำนวนมากมักจะใช้เล่ห์เหลี่ยมในการฆ่าและยึดสมบัติเพื่อทรัพยากรฝึกตน
ในวันนี้ ฉียู่หรงออกไปซื้อยาเซียนระดับเจ็ดที่ใช้สำหรับฝึกตน แต่ก็ถูกคนสองคนขวางเอาไว้
นี่คือชายวัยกลางคนสองคน มีกระแสชี่ฉกรรจ์กระจายอยู่บนร่างกาย เห็นได้ชัดว่าในวันปกติไม่ค่อยได้ฆ่าคน
ชายคนหนึ่งที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าจ้องมองไปที่ฉียู่หรง พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เอาอาวุธของขลังและแหวนเก็บของบนตัวเจ้าส่งออกมาให้หมด พวกข้าจะไว้ชีวิตเจ้าครั้งหนึ่ง ไม่เช่นนั้นตาย!”
หลังจากฝึกตนผ่านไปกว่าสิบปี รวมถึงมีผังค่ายสีมาเพลาที่หลัวซิวทิ้งไว้ให้ ผลการฝึกตนของฉียู่หรงได้บรรบุถึงแดนราชาเทพขั้นเก้าแล้ว
แต่ผู้ที่สามารถอยู่รอดได้ในจินเฮ่าซิง ทุกคนไม่ใช่คนธรรมดาหรือคนดี อย่างสองคนที่หยุดนางไว้ ต่างก็มีผลการฝึกตนกึ่งมกุฎเทพ!
ฉียู่หรงเห็นได้ชัดว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสองคนนี้อย่างแน่นอนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความขมขื่นในหัวใจ
“ช่างเป็นแม่นางที่งดงามเหลือเกิน!”
ทันใดนั้น เสียงบางเบาก็ดังขึ้น รถม้าปีกฟ้าคันหนึ่งบินมาในอากาศ บนรถม้าปีกฟ้า มีชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่ และรอบตัวเขาห้อมล้อมด้วยหญิงงาม ท่าทีอรชรงดงาม
“ท่านชายเซวียน หรือ่าท่านจะให้เรามีพี่น้องเพิ่มอีกคนหรือ?” ด้านข้าของชายหนุ่ม ผู้หญิงในชุดผ้าโปร่งเย้ายวนใจเม้มริมฝีปากสีแดงของนางและพูดอย่างยั่วยวน
ชายหนุ่มหัวเราะราวกับว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น เอื้อมมือไปตบบั้นท้ายของผู้หญิงคนนั้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกสตรีต้อยต่ำเอาแต่แต่งตัวแต่งหน้าไปวัน ๆ อย่างพวกเจ้า จะเทียบกับสตรีที่งดงามอย่างแท้จริงราวกับนางฟ้าที่ตกจากสวรรค์ได้อย่างไร?”
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ฉียู่หรงที่อยู่เบื้องล่าง ถึงแม้ว่าฉียู่หรงจะสวมผ้าคลุมหน้าอยู่ แต่จากประสบการณ์มากมายนับไม่ถ้วนของเขาในการมองผู้หญิง ก็สามารถตัดสินได้ว่า นี่จะต้องเป็นความงามที่สง่างามและน่าทึ่งอย่างยิ่ง
ผู้หญิงเช่นนี้ สำหรับเซวียนจิงหยุนที่มุ่งมั่นที่จะลิ้มรสสาวงามทั้งหมดในโลก จะพลาดไปได้อย่างไร?
ท่านชายเซวียน?
เมื่อได้ยินชื่อนี้ และมองไปที่สภาพแวดล้อมที่เย้ายวนใจของชายหนุ่ม ใบหน้าสวยของฉียู่หรงที่ซ่อนอยู่หลังผ้าคลุมก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน จอมยุทธ์วัยกลางคนทั้งสองที่ขวางนางไว้ ต่างก็พากันรี่ตาลง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาเฝ้าดูมานานแล้ว ,จนกระทั่งยืนยันได้ว่านางไม่มีภูมิหลังที่มีอำนาจ จึงได้ตัดสินใจลงมือ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะต้องงมาบังเอิญเจอเข้ากับเซวียนจิงหยุนอีก และท่านชายเสวียนผู้คนนี้ก็ยังบังเอิญเป็นผู้ชายที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมากอีกเสียด้วย