มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2022
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2022
ผ่านมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยมีผู้ใดมาแตะต้องสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านหลังคาฟางเลย มีฝุ่นละอองเกาะเต็มอยู่ทุกที่
หลัวซิวและพี่สาวทำความสะอาดห้องพักด้วยกัน หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ทุกอย่างก็ถูกเก็บกวาดจนเข้าที่เข้าทาง
“เสี่ยวซิว……”
ท่านแม่ที่อายุมากหลิวชูหยุนกุมมือของหลัวซิว บนใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยเหี่ยวย่นทำให้มองไม่เห็นใบหน้าในอดีต ทว่ากลับเปี่ยมล้นไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“แม่กับพ่อลูกแก่แล้ว ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ลูกคอยอยู่เคียงข้างพ่อกับแม่ได้ไหม?”
นางรู้อยู่ว่าลูกชายคนนี้ของตน เป็นบุคคลที่มีบทบาทยิ่งใหญ่ในฟ้าดินผืนนี้ เป็นผู้แข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขายุ่งอยู่กับการฝึกตนมาโดยตลอด ในทางตรงกันข้ามกลับมีเวลาอยู่ข้างกายพวกเขาสามีภรรยาทั้งสองน้อยมาก ๆ
นางไม่โทษลูกชายตนเอง เพราะการเป็นชายชาตรีควรทำเรื่องที่ทำให้ตนได้รับผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สู้เพื่อชีวิตของตัวเอง ทว่าปัจจุบันพวกเขาสามีภรรยาแก่ชราแล้ว นางอยากให้ลูกชายตนเองสามารถอยู่เคียงข้างกาย
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหลัวซิวจึงสั่นคลอนอย่างควบคุมไม่ได้ เขาก็ทราบเช่นกันว่าช่วงเวลาที่ตนอยู่เคียงข้างพ่อแม่นั้นน้อยมาก ๆ ถือเป็นลูกอกตัญญูคนหนึ่ง
อีกทั้งตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ พ่อแม่เขาก็ทุกข์ยากลำบากกับเขามาไม่น้อย ได้รับความเป็นธรรมไม่น้อย
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ต่อไปข้าจักไม่ไปที่ใดอีกแล้ว ข้าจักอยู่เคียงข้างท่านทั้งสอง!”หลัวซิวกล่าว
อายุไขของมนุษย์ธรรมดามีไม่ถึงร้อยปี มาตรแม้นว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้หลัวซิวจะใช้ยาทิพย์ยืดชีวิตพวกท่านทั้งสอง ทว่าอายุไขที่ใกล้จะถึงสามร้อยปี ส่วนใหญ่ก็ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว
ในส่วนของยาเซียนที่สามารถยืดอายุไขของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์นั้น จากร่างกายของมนุษย์ธรรมดา ต้านทานไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ ส่วนยาที่ร่างกายมนุษย์ธรรมดาสามารถรับไหวกลับมีประสิทธิผลน้อยมาก
หลัวซิวเตรียมใจสำหรับความเจ็บปวดจากการเกิดแก่เจ็บตายแล้ว ทว่าเมื่อวันนั้นใกล้จะมาเยือน เขาก็รู้สึกเจ็บใจอย่างอดไม่ได้อยู่ดี
การจากลาที่เจ็บปวดที่สุดในโลก การจากลาที่เจ็บปวดที่สุดคือการเกิดและตาย……
เอี๊ยดด
หลังจากจัดแจงเรื่องทุกอย่างของพ่อแม่เสร็จเรียบร้อย หลัวซิวก็ผลักประตูของบ้านหลังคาฟางออก ก่อนจะมองเห็นคนกลุ่มใหญ่ที่ดำเป็นแถบกำลังคุกเข่าอยู่ด้านนอก
หลังจากทราบมาจากปากลู่เมิ่งเหยาว่าตัวตนของเขาก็คือจ้าวเซียน คนจำนวนมากก็ส่งข่าวแจ้งสำนักและมิตรสหายของตนเอง หลังจากที่คนกลุ่มนี้มาถึงแล้ว ต่างก็คุกเข่ารอคอยอยู่นอกบ้านหลังคาฟาง ไม่มีผู้ใดกล้าเสียงดังโวยวายที่นี่
จ้าวเซียนคือตำนานของโลกแสงดาว เขาได้ริเริ่มเทพนิยายของไท่เสวียน เป็นตำนานในยุคสมัยนั้น
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์!”
หลัวซิวยังมองเห็นเกาเหลียนหงด้วย เมื่อปีนั้นเขาได้พาคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปยังโลกเสวียนเทียน เกาเหลียนหงอยู่ในโลกามนุษย์ต่อ และกลายเป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองของสำนักไท่เสวียน
ครั้นเมื่อออกจากโลกแสงดาว หลัวซิวได้ทิ้งโชคอย่างหนึ่งไว้ให้เขา ดังนั้นผลการฝึกตนของเกาเหลียนหงในปัจจุบันก็ถึงเทพมารแล้ว
“ลุกขึ้นมาเถิด”หลัวซิวเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง
เมื่ออยู่ในบ้านหลังคาฟางที่อยู่ด้านหลัง เขาคือลูกชายที่ยังเด็กในสายตาพ่อแม่ แต่เมื่ออยู่นอกบ้านหลังคาฟาง เขาก็คือผู้ประกาศคำสั่งในโลกหล้า จ้าวเซียนของยุคสมัยหนึ่งที่เทพมารก้มหัวให้!
“เรื่องผู้คนโลกภายนอกรุกราน ข้าได้จัดการไปแล้ว การกลับมาในครั้งนี้ของข้าก็เพื่อให้พ่อแม่ได้ใช้ชีวิตในวัยชราอย่างสุขสบาย ข้าไม่อยากให้มีคนมารบกวนพวกท่าน”หลัวซิวค่อย ๆ เอ่ยปากพูด
“น้อมฟังปณิธานของจ้าวเซียนขอรับ!”บุคคลที่มีบทบาทสูงจำนวนมากที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างตอบรับโดยที่มีเกาเหลียนหงเป็นผู้นำ
ก่อนหน้านี้พวกเขาทราบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโลกะอิมเอี๊ยงจากปากลู่เมิ่งเหยาแล้ว ขณะเดียวกันก็ทราบถึงความแข็งแกร่งของจ้าวเซียนเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าจะสามารถสังหารมกุฎเทพในตำนานอย่างนั้นหรือ!
“แยกย้ายกันเถิด”หลัวซิวปัดมือ เขาไม่อยากถามเหตุการณ์ในโลกแสงดาวมากนัก การกลับมาจัดการเรื่องราวของสมาคมเฟยหยางในครั้งนี้ ก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น