มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2031
ใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปมาวิวัฒนาการสรรพวิชา พลานุภาพในทุกการโจมตีของหลัวซิวล้วนเพียงพอที่จะสามารถสังหารมกุฎเทพ แต่เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงกลับอาศัยพระอาทิตย์สีทองเก้าดวงที่ตนผนึกรวมได้ ต้านรับการโจมตีทั้งหมดเอาไว้
“สุริยะล้นฟ้า!”
เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงตะคอกเสียงดังลั่น ปลดปล่อยพลังอมตะออกมา ดาราโบราณมกุฎเทพทั้งสี่ดวงถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็ถูกกระทบจนถอยหลังกลับไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ไม่สามารถขึ้นไปข้างหน้าได้
“สมกับที่เป็นเจ้าสำนักแดนมกุฎเทพขั้น 9 จริง ๆ การที่สามารถกลายเป็นผู้มีอิทธิพลในแดนมกุฎเทพได้นั้น ดูถูกไม่ได้แล้วสินะ”
หลัวซิวหรี่ตาลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข่นฆ่ากับผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพขั้น 9 โดยตรง และถือว่าได้พบเห็นรู้จักศักยภาพที่แท้จริงของมกุฎเทพขั้น 9 ด้วย
แต่ทว่าเขาไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เนื่องจากเขายังไม่ได้ใช้ไพ่เด็ดสุดท้าย ยังไม่ได้ลงมือทุ่มสุดกำลังสามารถและระเบิดกำลังรบออกมาอย่างแท้จริง
“พ่อหนุ่ม ถึงแม้เจ้าจะเป็นอัจฉริยะที่มาจากโลกาชั้นฟ้า แต่สุดท้ายผลการฝึกตนก็ต่ำเกินไป ไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างเยือกเย็น กระตุ้นพระอาทิตย์ม่วงที่ร้อนแรงโจมตีดาราโบราณมกุฎเทพทั้งสี่ดวงจนกระเด็นออกไปอีกครั้ง พลังออร่าบนตัวค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามจังหวะ ยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เขาเขม็งมองหลัวซิวด้วยสายตาที่เยือกเย็นพลางพูดอย่างเรียบนิ่ง: “หากข้าเดาไม่ผิดละก็ วรยุทธ์ที่เจ้าฝึกอย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าวรยุทธ์จักรพรรดิเทพระดับหนึ่ง หากเจ้ายินดีส่งมันออกมา ข้าสามารถพิจารณาไว้ชีวิตเจ้าได้”
“เจ้านึกว่าข้าเป็นเด็กอายุสามขวบหรือ? อีกทั้งมาตรแม้นว่าเป็นเด็กอายุสามขวบ ก็ไม่มีทางติดกับดักที่ไร้สมองนี่ของเจ้าหรอก”หลัวซิวดูหมิ่นดูแคลน
“ดูท่าเจ้าอยากตายอย่างเดียวเลยสินะ? ก็ดี! ข้าจักทำลายเจ้าให้สิ้นซาก จากนั้นค่อยค้นวิญญาณเจ้า ถึงครานั้นก็จะทราบเรื่องทุกอย่างเอง!”
แววตาของเจ้าสำนักอิมเอี๊ยงหม่นหมอง เห็นเพียงจู่ ๆ พระอาทิตย์สีทองเก้าดวงที่อยู่ด้านหลังเขาก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหลอมรวมเข้าไปในร่างกายเขา
ซึ่งนี่คือหนึ่งในเคล็ดวิชาวรยุทธ์จ้าวมหาเทพที่เขาฝึก ใช้พระอาทิตย์ทั้งเก้าหลอมรวมเข้าไปในร่างกาย แล้วจะทำให้ศักยภาพของตนเองพุ่งสูงขึ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ
เดิมทีเขาก็เป็นมกุฎเทพขั้น 9 อยู่แล้ว ปัจจุบันเมื่อมีเคล็ดวิชาปลุกเสกร่าง ทำให้พลังออร่าของเขาพุ่งขึ้นถึงระดับกึ่งจ้าวมหาเทพภายในชั่วพริบตา
มกุฎเทพขั้น 9 ห่างจากจ้าวมหาเทพเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ส่วนกึ่งจ้าวมหาเทพนั้นขาดอีกเพียงครึ่งก้าว ระยะความต่างของศักยภาพนั้นเรียกได้เลยว่าต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย!
หลังจากผลการฝึกตนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงจึงใช้มือรองพระอาทิตย์ม่วง ในระหว่างที่โบกมืออนัตตาก็แตกสลาย อัคคีเทพสีม่วงม้วนซัดเข้ามา ทำให้ห้วงดาราถูกแผดเผาจนตรีภพกลิ้งไหลไปมา จากนั้นอัคคีเทพสีม่วงก็กลายเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่ง แผ่คลุมมาทางหลัวซิว
“แค่เคล็ดวิชา ข้าก็ใช้เป็นเช่นกัน!”
หลัวซิวไม่ถอยแต่กลับก้าวเดินไปข้างหน้า พลังแห่งดาราทั้ง 72 ดวงปะทุพรั่งพรูออกมาจากร่างกาย รูขุมขนทั้งแสนแปดรูเปิดออกพร้อมกัน พลังและเลือดที่มากมายมหาศาลจึงพรั่งพรูออกมาดุจน้ำป่าไหลหลาก กำลังแรงจนไม่อาจยั้งอยู่
“ตู้ม!”
ในขณะที่พลังออร่าเพิ่มขึ้นถึงขีดสูงสุด หลัวซิวแทงหอกออกไป ดาราโบราณมกุฎเทพทั้งสี่ดวงจึงพุ่งบินออกไปพร้อมกับกระบวนหอก ทำให้ทุกสรรพสิ่งสูญหายไปหมด
คลื่นพลังที่น่าสยดสยองซัดสาด หลัวซิวและเจ้าสำนักอิมเอี๊ยงได้ทำการปะทะกันอย่างดุเดือดบนห้วงดารา
ถึงแม้ที่นี่จะเป็นห้วงดาราที่อยู่ในส่วนลึกของจักรวาล แต่พลังออร่าที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ก็ส่งตรงไปถึงโลกแสงดาว ตลอดจนโลกาเทพฟ้าจำนวนมากที่อยู่บริเวณรอบ ๆ อยู่ดี
เทพมารแต่ละคนที่กำลังฝึกตนปิดขังอยู่ต่างตื่นตกใจ ล้วนมองไปทางห้วงดาราด้วยแววตาที่ช็อกและหวาดกลัว
ในโลกแสงดาว ฮู๋ชิงชิงที่วางแผนจะออกจากโลกแสงดาวเพื่อมุ่งหน้าไปยังโลกเสวียนเทียนในตอนแรกก็มาถึงห้วงดาราแล้วเช่นกัน เนื่องจากนางสัมผัสลมปราณที่คุ้นเคยของหลัวซิวจากออร่าที่น่าสยดสยองนั่นได้
ส่วนลึกของจักรวาลอันไกลโพ้น มีรังสีที่แยงตาปรากฏอย่างต่อเนื่อง เหมือนดั่งดอกไม้ไฟที่เกิดจากดาวเคราะห์ถูกทำลายล้าง
ถึงแม้ระยะห่างจะห่างกันไกลโพ้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ฮู๋ชิงชิงก็สัมผัสความเล็กน้อยของตัวเองได้อยู่ดี นี่จึงทำให้นางรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย หลัวซิวบรรลุถึงแดนระดับนี้แล้ว นางจะไล่ตามรอยเท้าของเขาได้เมื่อไหร่?