มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2038
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2038
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าการสูญเสียผู้แข็งแกร่งจำนวนมากในทีเดียวของสำนักอิมเอี๊ยง ทำให้พวกเขาทราบแล้วว่าตนเองได้รุกรานผู้ที่ไม่ควรรุกราน ดังนั้นจึงถอนกำลังพลทั้งหมดกลับไป เกรงว่าจะนำพาหายนะที่ทำให้สำนักล่มสลายกลับมา
สำหรับการรู้จักวางตัวของสำนักอิมเอี๊ยง หลัวซิวก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปหาเรื่องพวกเขาอยู่แล้ว แม้ก่อนหน้านี้คนจำนวนมากในโลกแสงดาวจะถูกสมาคมเฟยหยางจับไปขาย แต่สำหรับผู้คนในโลกแสงดาวแล้ว การได้มาโลการะดับจ้าวมหาเทพในทันทีนั้น สามารถพูดได้เลยว่าเป็นโอกาสที่หายากมาก ๆ
เดิมทีการเข้ามาในโลกะอิมเอี๊ยง หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทว่าการเดินทางในจักรวาลยังเงียบเหงาอยู่ จีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ยัยหนูทั้งสองดึงดันที่จะผ่อนคลายเที่ยวสนุกอยู่ที่นี่ก่อนให้ได้
ภายใต้ความบังเอิญจึงได้กลับไปยังโลกแสงดาว เวลาหกสิบกว่าปีก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว หลัวซิวจึงไม่มีความคิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อให้เสียเวลา
เรือรบทองคำพุ่งขึ้นไปในห้วงดารา หลังจากเวลาผ่านพ้นไปหลายเดือน หลัวซิวเดินทางตามสัญลักษณ์บนแผนที่ดาว มาถึงโลกะอัมพรเทว
สำหรับโลกะอัมพรเทวนั้น ภายในจิตใจหลัวซิวเปี่ยมล้นไปด้วยคำถามมากมาย เนื่องจากตำหนักวัฏสงสารปรากฏครั้งแรกที่นี่ และข่าวลือเล่ากันว่าตำหนักวัฏสงสารปะทุออกมาจากสถานที่ที่ชื่อว่าเหวญาณปีศาจ
ทว่าหลัวซิวไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปยังตำแหน่งที่ตั้งของเหวญาณปีศาจโดยตรง และไม่ได้เดินทางไปดาวเคราะห์หลักของโลกะอัมพรเทวเช่นกัน แต่เป็นการมาถึงดาวเคราะห์ที่เป็นตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลเทพสงคราม
สำหรับตระกูลเทพสงครามนั้น มีตำนานหลากหลายรูปแบบที่เล่าขานในโลกะอัมพรเทว ในบรรดาตำนานเรื่องเล่าทั้งหมด ตำนานที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุดก็คือประวัติความเป็นมา รวมไปถึงความเก่าแก่ของตระกูลเทพสงคราม บรรพบุรุษของพวกเขาคือเทพที่เกะกะระรานถึงขีดสุดองค์หนึ่ง
ถึงแม้ตระกูลเทพสงครามจะตกต่ำลงแล้ว แต่ผู้คนในตระกูลเทพสงครามมีพรสวรรค์ด้านการฝึกยุกธ์ที่เหนือกว่ามนุษย์ตั้งแต่กำเนิด อีกทั้งผู้คนในตระกูลเทพสงครามเกิดมาก็เป็นนักรบแล้ว เชี่ยวชาญการเข่นฆ่า สามารถเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วท่ามกลางการสู้รบ
เมื่อพูดตามหลักแล้ว ตระกูลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ควรจะเรืองรองอย่างยิ่ง แต่แท้จริงแล้วแต่ละยุคในอดีตของตระกูลเทพสงคราม ผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยบังเกิดก็เป็นเพียงกึ่งราชเทพเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นเทพสงครามเอกภพเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ก็คือกึ่งราชาเทพนั่นเอง ในแต่ละยุคของตระกูลเทพสงคราม จำนวนกึ่งราชาเทพที่เคยบังเกิดนั้นมีเยอะมาก ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับไม่เคยมีราชาเทพบังเกิดมาก่อน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือราชาเทพเลย
สาเหตุที่เกิดปัญหานี้นั้น กลับเป็นเพราะตระกูลเทพสงครามไม่เหมาะกับการฝึกวรยุทธ์อื่น ๆ พวกเขาฝึกได้เพียงวรยุทธ์ที่วงศ์ตระกูลสืบทอดต่อกันมา แต่วรยุทธ์สูงสุดของตระกูลเทพสงครามฝึกได้ถึงแดนเทพฟ้า ไม่มีวรยุทธ์แดนราชาเทพ
ตั้งแต่โบราณกาลมา ปรัชญาเมธีในตระกูลเทพสงครามที่นับไม่ถ้วนทุ่มกำลังกายและกำลังสมองทั้งหมด อยากทำให้วรยุทธ์ดังกล่าวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่พรสวรรค์ด้านความสามารถในการตระหนักรู้ของตระกูลเทพสงครามกลับย่ำแย่มาก ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งถึงบัดนี้ ก็ไม่มีผู้ใดสามารถปรับปรุงให้มันสมบูรณ์ได้เลย
เทพสงครามเอกภพเมื่อครั้นนั้นมุ่งหน้าไปยังมหาโลกา ก็เพื่อแสวงหาโอกาสและโชคทลายพันธนาการของตระกูลเทพสงคราม ทว่าเนื่องจากมูลเหตุเศษใจแห่งศุภร ได้นำพาหายนะแห่งความตายมาเยือน
ดาวเคราะห์ที่ตระกูลเทพสงครามอาศัยมีนามว่าดาวฉีกฟ้า ตั้งอยู่เขตชายแดนของธาตุดาราอัมพรเทว จากศักยภาพของตระกูลเทพสงคราม เพียงพอที่จะถูกขนานนามว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในแถบนี้แล้ว
“ผู้อาวุโสหวงเทียน เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตเหมือนดั่งหมอกควัน ข้าพาท่านกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง ขอให้ท่านไปสู่สุคติด้วยเถิด”
เมื่อเหยียบย่ำลงบนดาวเคราะห์ดวงนี้ สีหน้าของหลัวซิวก็หม่นหมองลงอย่างควบคุมไม่ได้ เกราะเทพที่เทพสงครามเอกภพทิ้งไว้ รวมไปถึงเศษใจแห่งศุภร ในช่วงเวลาที่เขายังบรรลุไม่ถึงแดนเทพมาร ของสองชิ้นนี้สร้างผลประโยชน์ให้เขาเยอะมาก
อสูรดูดจิตที่เกาะอยู่บนไหล่หลัวซิวคำรามเสียงยาว มันต้องคุ้นเคยออร่าบนดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เนื่องจากช่วงเวลาที่มันเพิ่งกำเนิดได้ไม่นาน มันก็เริ่มใช้ชีวิตกับเทพสงครามเอกภพอยู่ที่นี่แล้ว