มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2043
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2043
แต่ทว่าข้อแก้ต่างเช่นนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรต่อเทพธิดาของสำนักไท่ฉือ เนื่องจากขอแค่นางคิดว่าที่นี่มีของล้ำค่า เช่นนั้นไม่ว่าตระกูลเทพสงครามจะอธิบายอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ เมื่อเผชิญหน้ากับสำนักไท่ฉือที่ใหญ่โต ตระกูลเทพสงครามเล็ก ๆ ก็เล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงเลย
ขอถามหน่อยว่าขณะที่ช้างเชือกหนึ่งจะคลานลงเพื่อพักผ่อน มันจะถามหรือไม่ว่าการกระทำเช่นนี้จะทับมดตายหรือไม่?
ฉีผิงสวี่ร้องขอชีวิตอย่างไม่หยุดหย่อน ลักษณะท่าทางที่กําเริบเสิบสานในเมื่อครู่นี้หายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว เหมือนไอ้ลูกหมาตัวหนึ่งชัด ๆ
“ขยะ!”จีเสี่ยวจื่อแบะปาก นางรู้สึกว่าในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ก็ควรมีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างศิษย์พี่หลัว แข็งกร้าวตลอดไป ในส่วนของคนอย่างฉีผิงสวี่นั้น เป็นคนประเภทที่จีเสี่ยวจื่อรู้สึกรังเกียจมากที่สุด
แต่สีหน้าอารมณ์ของฉียู่หรงกลับเป็นไปตามปกติ เนื่องจากนางคุ้นเคยกับฉีผิงสวี่ดี ปกติเขาก็แค่อาศัยว่ามีท่านพี่และท่านปู่คอยหนุนหลัง จึงเที่ยวรังแกคนที่อ่อนแกกว่าไปทั่ว แต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่า
หากเป็นอดีต นางจะเกรงกลัวสำนักไท่ฉืออย่างมาก ทว่านาง ณ ปัจจุบันกลับรู้สึกว่าการที่คนในสำนักไท่ฉือได้รุกรานตัวคุณชายนั้น มันเป็นการกระทำที่ไม่รู้จักความเป็นความตายอย่างแท้จริงต่างหาก
หลัวซิวไม่ได้ฆ่าฉีผิงสวี่ เนื่องจากการจะฆ่าหรือไม่ฆ่าตัวละครเล็ก ๆ เช่นนี้นั้น มันไม่มีความสำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งเขายังจะให้เจ้าหมอนี่กลับไปส่งข่าวอีก เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ที่ตระกูลเทพสงครามต้องเผชิญ
“กลับไปบอกท่านพี่เจ้า ให้นางอย่าคิดที่จะทำอะไรต่อดาวเคราะห์ดวงนี้ของตระกูลเทพสงคราม มิเช่นนั้นละก็ ข้าจะไปเหยียบสำนักเขาของสำนักไท่ฉือพวกเจ้าให้กลายเป็นพื้นที่เรียบเอง!”
เมื่อได้ยินหลัวซิวพูดจาจองหองเช่นนี้ ฉีผิงสวี่อยากพูดคำพูดที่มีศักดิ์ศรีสักหน่อย แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ทะลุออกมาจากดวงตาของหลัวซิว เขากลับไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว ก่อนจะหนีหางจุกตูดไปภายในพริบตา
“ท่านผู้อาวุโส นะ……นี่มันเป็นการเป็นศัตรูกับสำนักไท่ฉือเชียวนะขอรับ สำนักไท่ฉือนั่นมีบรรพอาจารย์มกุฎเทพคอยปกปักรักษา ท่านผู้อาวุโสมีบุญคุณต่อตระกูลข้า ภัยพิบัติของตระกูลเทพสงครามข้า ให้ตระกูลเทพสงครามของพวกข้าไปเผชิญหน้าเองเถิดขอรับ จะให้ท่านผู้อาวุโสเข้ามาเกี่ยวพันด้วยไม่ได้”ซิงเฉินเอ่ยปากพูด
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวจึงมองซิงเฉินด้วยสายตาที่แปลกใจเล็กน้อย ในมุมมองของเขา คนที่ทรยศแม้กระทั่งพ่อแท้ ๆ ของตนเองไม่มีทางใช่คนดีอะไรแน่นอน เมื่อมีเครื่องมือให้พวกเขาหลอกใช้ มันต้องเป็นเรื่องที่พวกเขาปรารถนาเป็นอย่างยิ่งแน่นอน
ทว่าซิงเฉินกลับไม่ได้ทำเช่นนี้ ในทางตรงกันข้ามกลับแนะนำให้เขาจากไปจากที่นี่ ไม่ต้องสนใจความเป็นความตายของตระกูลเทพสงคราม
ดูเหมือนกับว่าซิงเฉินนี่จะไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่เขาจินตนาการเอาไว้ หรือว่ามีเงื่อนงำในเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปีนั้น?
ตกลงเรื่องราวในอดีตมันเป็นอย่างไรนั้น จริง ๆ หลัวซิวไม่ได้อยากสืบถามอะไรมากแล้ว เนื่องจากเทพสงครามเอกภพได้เสียชีวิตไปแล้วหลายหมื่นปี ตัวการที่ก่อกรรมทำชั่วอย่างซือถูเจิ้งดจี้ยนก็ตายไปแล้ว จะไต่ถามต่อเพื่อให้ได้ประโยชน์อะไรเล่า?
ซิงเฉินปฏิเสธเรื่องที่ตระกูลเทพสงครามมีของล้ำค่าลึกลับ หลัวซิวก็ไม่ได้ไต่ถามในเรื่องนี้เช่นกัน
วันนี้ ทางตระกูลเทพสงครามได้จัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ในเมืองเทพสงคราม มีเขตพื้นที่ที่ถูกแบ่งแยกออกไปโดยเฉพาะ เพื่อจัดเป็นที่ฝังศพของคนในตระกูลรุ่นก่อน ๆ
ทันใดนั้นเอง ก็มีแสงกลดวงหนึ่งบินมาจากท้องฟ้า ทว่าผู้มาเยือนกลับเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในชุดสีดำ
หลัวซิวแหงนหน้าขึ้นไปมองชายชราที่หุ่นกำยำนั่น เขากำลังหรี่ตา ลักษณะเหมือนท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก แต่ทว่ากลับเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพที่มีอำนาจระดับหนึ่งในธาตุดาราอัมพรเทว
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำนั่นมาถึง หัวหน้าตระกูลเทพสงคราม ซิงเฉินจึงรีบขึ้นไปต้อนรับ ก้มคำนับอย่างเคารพนอบน้อมครั้งหนึ่งแล้วพูด: “กราบคารวะผู้อาวุโสนภากาศ โปรดให้อภัยด้วยนะขอรับหากซิงเฉินดูแลไม่ทั่วถึง”
และผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำนี่ก็คือผู้เฒ่านภากาศที่ฉีผิงสวี่พูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพขั้น 4 เป็นอดีตเพื่อนสนิทของบรรพบุรุษท่านหนึ่งในตระกูลเทพสงคราม
ต่อมาบรรพบุรุษท่านนั้นในตระกูลเทพสงครามสิ้นอายุขัยนั่งฌานละสังขาร แต่ผู้เฒ่านภากาศกลับไม่ลืมความสัมพันธ์เก่า คอยคุ้มกันตระกูลเทพสงครามมาโดยตลอด