มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2055
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2055
“รีบว่ามาเลยเจ้าค่ะว่าคือหนทางอะไร?”จีเสี่ยวจื่อรีบเอ่ยปากพูด เมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิว นางไม่มีท่าทีที่จะเกรงใจเลยแม้แต่น้อย
หลัวซิวก็ไม่ได้ลีลาต่อเรื่องนี้เช่นกัน ก่อนจะตอบกลับ: “ก่อนอื่นปัญหาแรกก็คือปัญหาบนตัวเจ้าเอง ข้าคิดว่าเจ้าก็น่าจะเข้าใจเช่นกันว่าวิถีที่เจ้าวางแผนจะเดินในอนาคตนั้น คือวิถีแห่งปริภูมิ ฝึกกฎปริภูมิให้ถึงขีดสุด ใช่หรือไม่?”
“ใช่เจ้าค่ะ กฎปริภูมิคือหนึ่งในกฎชั้นยอด หากสามารถฝึกถึงแดนขั้น 10 มาตรแม้นว่าเป็นขั้น 10 ขั้นปฐมภูมิ ก็มีกำลังรบที่เทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์”จีเสี่ยวจื่อผงกหัวพลางตอบกลับ
“เช่นนั้นปัญหาก็มาแล้วล่ะ ในเมื่อเจ้าวางแผนที่จะเดินบนวิถีแห่งปริภูมิ เช่นนั้นของขลังอาวุธสงครามชีวีที่เหมาะสมกับเจ้ามากที่สุด ก็ต้องเป็นสำนักเต๋าเสวียนเทียนอย่างแน่นอน”
หลัวซิวอมยิ้ม “ถึงแม้ระดับขั้นในตอนนี้ของสำนักเต๋าเสวียนเทียนจะไม่สูง ทว่ามันกลับเป็นของขลังพรสวรรค์ที่สามารถวิวัฒนาการได้ และความเป็นมาของของขลังชิ้นนี้ยิ่งใหญ่โตกว่ามาก มันกำเนิดจากอัญโลกะเสวียนของหนึ่งในโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปด”
“ของขลังที่หล่อเลี้ยงออกมาโดยอัญโลกะเสวียน อนาคตจะมีพื้นที่ในการวิวัฒนาการสูงมาก มีโอกาสบ่มเพาะฝึกเซ่นให้มันกลายเป็นของขลังที่เทียบทัดอัญโลกะเสวียนได้เช่นกัน”
“การวิวัฒนาการของของขลังอาวุธสงครามชีวี จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมันได้ผ่านพ้นการเข่นฆ่าและต่อสู้อยู่ข้างกายเจ้านายอย่างนับไม่ถ้วน และในขณะที่เข่นฆ่าและต่อสู้พร้อมกับเจ้า ต้องใช้สำนักเต๋าเสวียนเทียนให้น้อยที่สุด สิ่งที่ต้องพึ่งพาคือกระบี่ยุทธ์ระดับเจ้ายุทธจักรที่อาจารย์กลั่นให้เจ้า”
“พลานุภาพของกระบี่ยุทธ์ระดับเจ้ายุทธจักรเล่มนั้นแข็งแกร่งมาก แต่กลับถ่วงการพัฒนาของตัวเจ้าเองเอาไว้ นำพาเจ้าให้เข้าสู่เส้นทางที่ต่างกัน เข้าสู่เขตพื้นที่ที่ผิดพลาด ต่อให้ของขลังอาวุธสงครามของผู้อื่นจะแข็งแกร่งมากเพียงใด สุดท้ายแล้วมันก็เป็นของผู้อื่น ซึ่งไม่มีวันตกเป็นของตัวเจ้าได้”
คำพูดทั้งหมดที่หลัวซิวกล่าวมา สามารถพูดได้เลยว่าทุกคำพูดล้วนสอดคล้องตามหลักสำคัญ ในฐานะที่จีเสี่ยวจื่อเป็นหลานสาวของจีเสวียนคง ภายใต้สถานการณ์ที่เห็นจนชิน นางก็เข้าใจในวิถียุทธ์อยู่ไม่น้อยเช่นกัน เมื่อได้ฟังหลัวซิวกล่าวเช่นนี้ นางก็ตระหนักปัญหาของตนเองได้ทันที
“ทว่าศิษย์พี่เจ้าคะ ปัจจุบันสำนักเต๋าเสวียนเทียนเป็นเพียงของขลังมกุฎเทพชั้นล่างชิ้นหนึ่ง ยังพอรับมือกับมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิทั่วไปได้อยู่ หากได้ประสบกับมกุฎเทพช่วงกลางเป็นต้นไป พลานุภาพก็จะลดฮวบลงไปเกือบครึ่ง ยิ่งกว่านั้นคือหากประสบกับมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิที่ยึดกุมของขลังอาวุธสงครามที่เก่งกาจ ก็ล้วนสามารถทำให้ข้าหวาดหวั่นได้เลยนะเจ้าคะ”
จีเสี่ยวจื่อก็พูดอย่างจนปัญญามาก ๆ เช่นกัน “แม้ของขลังชิ้นนี้สามารถวิวัฒนาการเลื่อนขั้น แต่ข้าไม่เข้าใจเรื่องการภัณฑ์กลั่นแต่อย่างใด และไม่ทราบเช่นกันว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถยกระดับขั้นของมันได้”
นางเข้าใจดีมาก ๆ ว่าพรสวรรค์ของตนเองมีขีดจำกัดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่มีทางแบ่งความสนใจไปศึกษาวิจัยวิถีแห่งการภัณฑ์กลั่นได้อีกแน่นอน
“นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย เจ้าไม่เข้าใจเรื่องภัณฑ์กลั่น แต่ศิษย์พี่เข้าใจไง”หลัวซิวยิ้มพลางตอบกลับ
ในระหว่างที่พูดคุยกัน หลัวซิวก็ยกมือขึ้นโบกทีหนึ่ง ก่อนจะมีวัตถุดิบต่าง ๆ เป็นกองปรากฏกลางอากาศ ก่อตัวกันเป็นภูเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่ง
ในวัตถุดิบเหล่านี้ มีเหล็กเศษณ์ทองเซียนส่วนมากยิ่งมีพลังแห่งปริภูมิแฝงซ่อนอยู่ ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้หลัวซิวเดินทางเข้าออกแดนปริศนาต่าง ๆ มามาก สังหารผู้แข็งแกร่งไปไม่น้อย วัตถุดิบที่ได้รับมานั้นน่าทึ่งอย่างยิ่ง การที่จะรวบรวมวัตถุดิบในการเลื่อนขั้นสำนักเต๋าเสวียนเทียนให้ครบนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
หลัวซิวไม่ต้องเอ่ยปากพูด จีเสี่ยวจื่อก็เข้าใจในเจตนาของหลัวซิวแล้ว นางจึงรีบใช้จิตนึกคิด กลางหว่างคิ้วเปิดออก ก่อนที่สำนักเต๋าเสวียนเทียนจะบินออกมา
“ศิษย์พี่ ท่านหลอมอาวุธเป็นจริง ๆ หรือ?”จีเสี่ยวจื่อมองหลัวซิวด้วยสายตาที่สงสัย นางทราบอยู่ว่าด้านการกลั่นยาของศิษย์พี่คนนี้ของตัวเองหาที่เปรียบได้ยาก แม้แต่ท่านปู่นางยังเอ่ยปากชื่นชมอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งดูเหมือนกับว่าระดับฝีมือในด้านค่ายกลของเขาก็สูงมากเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทาน
แต่ถ้าเกิดเขาหลอมอาวุธเป็นอีกละก็ เช่นนั้นก็เก่งกาจดุจปีศาจเกินไปแล้ว หรือว่าสรรพวิชาในโลกหล้า ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่เป็นเลย?
“หลอมอาวุธเป็นหรือไม่ เจ้าแค่รอดูก็จบแล้วมิใช่หรือ?”หลัวซิวแค่ยิ้ม ไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด นิ้วมือทั้งห้ากางออก อัคคีเทพซิวหลัวลุกโชน ทำการแผ่คลุมสำนักเต๋าเสวียนเทียนเอาไว้