มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2064
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2064
“ชายชราจากสำนักไท่ฉือไม่เต็มใจที่จะจัดการเองหรือ?” หลัวซิวไม่แปลกใจเมื่อเขาได้ยินข่าวนี้
ซิงเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อเขาได้ยิน “สำหรับสำนักไท่ฉือกองกำลังใหญ่ ตระกูลเทพสงครามของเราเป็นเพียงมดที่สามารถเหยียบย่ำให้ตายได้อย่างง่ายดาย เป็นเรื่องง่ายสำหรับกองกำลังรองที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยที่ทำลายตระกูลเทพสงครามได้อย่างง่ายๆ”
“ในอดีต มีผู้เฒ่านภากาศคุ้มครอง กองกำลังธรรมดาจะไม่กล้าสร้างปัญหาให้กับตระกูลเทพสงครามของเรา แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป คู่ต่อสู้คือสำนักไท่ฉือ ผู้เฒ่านภากาศทำได้เพียงแค่ถอยกลับและไม่กล้ายืนออกมาต่อต้านเพื่อเรา”
“มีข้าออกมาต่อต้านให้พวกเจ้าก็พอแล้ว พวกเขากล้ามาเท่าไหร่ ข้าฆ่าเท่านั้น จนกว่าพวกเขาจะไม่กล้าส่งคนมาอีก!” หลัวซิวพูดด้วยรอยยิ้มเรียบ ๆ
…
ในไม่ช้า ข่าวที่ว่าผู้อาวุโสและศิษย์หลายคนที่ไปหยั่งเชิงถูกฆ่าตายได้แพร่ไปถึงสำนักไท่ฉือ
ผู้อาวุโสที่มีอำนาจหลายคนรวมตัวกันเพื่อประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้
สำนักไท่ฉือได้รับการสืบทอดมาเป็นเวลาหลายล้านปีและมีผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพจำนวนไม่น้อย แม้จะมีการกล่าวว่าตราบใดที่ผลการฝึกตนไปถึงแดนมกุฎเทพก็สามารถเป็นผู้อาวุโสได้ แต่ผู้อาวุโสส่วนใหญ่นั้น แค่มีชื่อเท่านั้นแต่ไม่มีอำนาจที่แท้จริง
ถ้าอยากกุมอำนาจที่แท้จริงจากด้านบนของสำนักไท่ฉือนั้นอย่างน้อยผลการฝึกตนจะต้องถึงมกุฎเทพช่วงปลาย
ในบรรดาผู้อาวุโส ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือเหวิน เฉิง หวู่ เต๋อ ผู้อาวุโสทั้งสี่ ซึ่งแต่ละคนมีแดนมกุฎเทพขั้น9
“ความกล้าหาญของชายหนุ่มคนนี้ไม่เล็กเลย ไม่เพียงแต่เขาจะดูหมิ่นสำนักไท่ฉือของเราเท่านั้น แต่เขายังกล้าที่จะอยู่ในตระกูลเทพสงครามทั้งที่รู้ว่าสำนักจักรพรรดิแห่ง มหาโลกายอดอัมพรได้ออกหมายจับเขา” ผู้อาวุโสเสวียนเหวินกล่าเสียงต่ำ
“ตามข้อมูลที่เรามี มีสตรีสองที่อยู่กับหลัวซิวมีผลการฝึกตนมกุฎเทพ แต่พวกนางทั้งคู่เป็นเพียงมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิ อย่างไรก็ตาม อัจฉริยะของโลกาชั้นฟ้าไม่สามารถตัดสินได้ด้วยหลักทั่วไป ความแข็งแกร่งของสตรีทั้งสองนับซะว่าเป็นเป็นมกุฎเทพช่วงปลายก็แล้วกัน”
ผู้อาวุโสเสวียนเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “สำหรับความแข็งแกร่งของหลัวซิว เขาจะไม่อ่อนแออย่างแน่นอน อย่างน้อยเขาก็เป็นมกุฎเทพช่วงปลายคนหนึ่ง และเขาอาจจะไม่อ่อนแอกว่าผู้อาวุโสทั้งสี่ที่เป็นมกุฎเทพขั้นสูงอย่างพวกเราก็ได้!”
“ผู้อาวุโสเสวียนเฉิงพูดถูก อัจฉริยะจากโลกาชั้นฟ้านี้ไม่ใช่คนที่จะถูกยั่วยุได้ง่ายๆ” ทันใดนั้นเสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้นและสายตาของผู้อาวุโสทุกคนก็จับจ้องไปที่ร่างของฉีเมี่ยวหลุน
ผู้อาวุโสกำลังหารือกันอยู่ แต่ฉีเมี่ยวหลุนที่เป็นผู้น้อยกลับมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้อาวุโสของสำนักไท่ฉือเหล่านี้ให้ความสำคัญกับนาง
ผลการฝึกฝนของฉีเมี่ยวหลุนเป็นมกุฎเทพครึ่งก้าวแล้วและจะใช้เวลาไม่นานก็จะไปถึงแดนมกุฎเทพอย่างแท้จริง พรสวรรค์สามารถกล่าวได้ว่าไม่มีใครเทียบได้
ถ้าอยู่ในโลกาชั้นฟ้า ด้วยพรสวรรค์ของฉีเมี่ยวหลุน ผลการฝึกตนอาจถึงมกุฎเทพไปนานแล้ว และตอนนี้เป็นไปได้ที่จะไปถึงมกุฎเทพช่วงปลาย
“เมี่ยวหลุน เจ้าเจ้าเคยพูดคุยกับหลัวซิวมาก่อน เจ้ามองอะไรออกไหม?” ผู้อาวุโสถาม
ฉีเมี่ยวหลุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดช้าๆ “คนๆนี้เกิดในโลกาชั้นฟ้า ยังถูกสำนักจักรพรรดิจากมหาโลกายอดอัมพรออกหมายจับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาคนหนึ่งอย่างแน่นอน”
“ข้าไม่จำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับสถานะของสำนักจักรพรรดิในมหาโลกา ข้าคิดว่าผู้อาวุโสทุกคนควรรู้เรื่องนี้ ลองนึกดูสิว่าคนๆ หนึ่งจะหลบหนีจากมหาโลกายอดอัมพรได้ยากเพียงใดหากเขารุกรานสำนักจักรพรรดิแล้ว”
“แต่หลัวซิวผู้นี้ทำได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่หลบหนีจากการไล่ล่าเท่านั้น แต่เขายังไม่แยแสหลังจากรู้ว่ามีหมายจับ บางคนอาจคิดว่าเขาจองหองไม่เจียมเนื้อเจียมตัว แต่เมี่ยวหลุนรู้สึกว่าไม่เป็นอย่างนั้น”