มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2101
หลังจากที่เขาหมดสติไปแล้ว ชายหนุ่มที่ผมขาวโพลน ทว่าใบหน้ากลับหล่อเหลางดงามอย่างยิ่งก็เดินออกมาจากตำหนักวัฏสงสาร
ซึ่งชายหนุ่มที่แก่ชรานี้ก็คือ เทพแห่งวัฏจักรชีวิต ตัวมรณา!
“เจ้ายุทธจักรดาบ หากมึงยังลงมือต่อละก็ เกรงว่าเขาคงจะได้ตายในทันที!”
วินาทีนี้ บนใบหน้าของตัวมรณามีรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นปนอยู่เล็กน้อย เขายื่นมือออกไป ใช้นิ้วชี้ไปทางญาณเทวร่างมนุษย์นั่นของหลัวซิวที่หมดสติไปแล้ว
“เมิ่งเชียนชาง มึงมันสมควรตาย!”
จิตสังหารที่น่าทึ่งม้วนซัดแผ่คลุมมา ฝ่ามือที่ขาวดุจหยกแปรเปลี่ยนไปกะทันหัน กลายเป็นรูปร่างของสตรีนางหนึ่งที่อยู่ในชุดเกราะสีขาว บุคลิกองอาจห้าวหาญ ทว่าน่าเสียดายที่เป็นเพียงเงาลวงร่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีร่างแท้แต่อย่างใด
“ผู้ที่สมควรตายคือมึงจี้หวูชวง! แล้วก็ไท่ซ่างฉิง!”มีความดุร้ายปรากฏบนใบหน้าเมิ่งเชียนชาง “เมื่อปีนั้นหากไม่ใช่เพราะมึงร่วมมือกับไท่ซ่างฉิง เมิ่งเชียนชางกูคงยึดกุมจักรภพแปดทิศได้ตั้งนานแล้ว!”
“จี้หวูชวง มึงคิดว่าตัวเองยังเป็นผู้ไร้เทียมทานในจักรวาล และเป็นมหาวิถีดาบที่ทรงพลังในเก้าสวรรค์อยู่อีกหรือ? มึง ณ ปัจจุบันก็เป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ มึงยังกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้ากูอีกหรือ?”
ตัวมรณา ณ วินาทีนี้แตกต่างจากตัวมรณาที่หลัวซิวรู้จักโดยสิ้นเชิง ใบหน้าของเขาดุร้ายน่ากลัว ชั่วร้ายหม่นหมอง
“มึงเมื่อปีนั้นแข็งแกร่งก็จริง ไท่ซ่างฉิงก็แข็งแกร่งยิ่งกว่า พวกมึงสองคนร่วมมือกันโจมตีกงล้อวัฏจักรธรรมจนแตกสลาย ทำลายกิจการงานที่ยิ่งใหญ่ของกูที่ยึดกุมในจักรภพแปดทิศ แต่พวกมึงดูถูกเมิ่งเชียนชางกูมากเกินไป!”
ตัวมรณาแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น “กงล้อวัฏจักรธรรมเป็นสิ่งล้ำค่าที่จ้าววัฏสงสารรุ่นแรกหลอมสร้างขึ้นมา พลังที่วัฏสงสารทลาย หากไม่ใช่เพราะไท่ซ่างฉิงช่วยชีวิตมึงไว้อย่างสุดกำลังสามารถ มึงคงตายไปตั้งนานแล้ว คงไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน!”
“แต่ว่ามึงคงคิดไม่ถึงสินะ? ก่อนไท่ซ่างฉิงจะตาย วิญญาณหนึ่งของมันถูกกูจับกุมไป กูให้มันกลับชาติไปเกิดแล้วสามครั้ง ปัจจุบันมันก็ถูกควบคุมอยู่ในกำมือกู!”
ตัวมรณาหัวเราะเสียงดังลั่น หัวเราะเสียงดังอย่างอุกอาจ บ้าคลั่งดุร้าย
“จริงหรือ? เมิ่งเชียนชาง มึงคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกควบคุมอยู่ในกำมือมึงจริงหรือ?”
สิ่งที่ทำให้เมิ่งเชียนชางรู้สึกแปลกใจคือเขาไม่เห็นความรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างบ้าระห่ำบนใบหน้าจี้หวูชวงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามสีหน้าอารมณ์ของนางกลับดูเย็นยะเยือก ราวกับกำลังมองตัวตลกที่กำลังโอ้อวดความสามารถต่อหน้าตัวเอง
“มึงหมายความว่าอย่างไร?”เสียงหัวเราะของเมิ่งเชียนชางหยุดลงกะทันหัน เนื่องจากเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวที่หลัวซิวค่อย ๆ หลุดพ้นจากการควบคุมของตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้
ซึ่งตัวตนของหลัวซิวก็คือไท่ซ่างฉิงที่ถูกเขาจับกุมวิญญาณเสี้ยวหนึ่งไปเมื่อปีนั้น และกลับชาติมาเกิดแล้วสามครั้งนั่นเอง เมิ่งเชียนชางใช้วิธีการเช่นนี้ ทำให้หลัวซิวเชื่อมั่นในอดีตของตนเองโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย
และต่อมาภายใต้การจัดแจงของเขา หลัวซิวก็ได้รับลูกแก้วความเป็นตาย จากนั้นภายใต้การโน้มนำของเขา หลัวซิวก็ค่อย ๆ เข้าสู่เส้นทางแห่งวัฏสงสาร
ไท่ซ่างฉิงเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ปราดเปรื่อง ถึงแม้จะเป็นการกลับชาติมาเกิดของวิญญาณเสี้ยวหนึ่ง แต่ก็ยังมีพรสวรรค์และความสามารถในการตระหนักรู้สูงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อยู่เช่นเคย และจุดประสงค์ของเมิ่งเชียนชางก็คือสักวันจะให้หลัวซิวรวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมดของกงล้อวัฏจักรธรรมที่พังทลายไปแล้ว หลอมสร้างกงล้อวัฏจักรธรรมกลับคืนมาใหม่อีกครั้ง
เดิมทีทั้งหมดทั้งมวลล้วนอยู่ในแผนการของเมิ่งเชียนชาง ทว่ากลับนึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวจะเลือกเดินอีกเส้นทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่เส้นทางแห่งการหลอมสร้างเส้นทางแห่งวัฏสงสารกลับคืนมาใหม่
ศึกสงครามเมื่อหลายแสนล้านปีที่ผ่านมา กงล้อวัฏจักรธรรมแตกสลาย เมิ่งเชียนชางก็แทบจะดับสลายสูญสิ้นด้วย ฝากฝังวิญญาณชีวีเพียงเสี้ยวเดียวที่หลงเหลืออยู่ไว้ในเศษชิ้นส่วนหนึ่งของกงล้อวัฏจักรธรรม ต่อมาชิ้นส่วนดังกล่าวก็กลายเป็นลูกแก้วความเป็นตาย
อนาคตทันทีที่สามารถหลอมสร้างวัฏสงสารกลับคืนมาใหม่ เขาก็มีความมั่นใจอย่างแน่นอนว่าตนสามารถยึดกุมกงล้อวัฏจักรธรรม ถึงครานั้นหลัวซิวที่ถูกเขาหลอกใช้ก็จะสูญเสียมูลค่าในการใช้งานไปโดยปริยาย
แต่ช่วงก่อนหน้านี้ หลัวซิวกลับวางแผนที่จะล้มเลิกในวิถียุทธวัฏสงสาร แต่จะเปลี่ยนไปฝึกวิถีหมื่นจักรวาลไร้รูปอะไรนั่น ประกาศศักดาว่าจะสร้างวิถีที่อยู่เหนือวัฏสงสารออกมา!