มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 211 ตำแหน่งซากโบราณ
บทที่ 211 ตำแหน่งซากโบราณ
คนที่ปรากฏตัวขึ้นมา แน่นอนว่าคือหลัวซิว
เขาต้องรู้ตำแหน่งของซากโบราณ นายท่านตระกูลจูตายไม่ได้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเขา
“กระบี่เพลิง!”
กระบี่ยุทธ์ชักออกมาจากดาบ ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารแผ่ซ่าน เพลิงมรณะควบแน่นกลายเป็นกระบี่ เปลวไฟดำทะยานขึน้มา
สีหน้าผู้อาวุโสสำนักเฉินเฟิงทั้งสองคนเปลี่ยนไปอย่างมาก สัญชาตญาณจากจิตวิญญาณของพวกเขาบอกว่า คนตรงหน้าแข็งแกร่งจนสามารถคร่าชีวิตพวกเขา
“ชิ้งชั้ง!”
ดาบของผู้อาวุโสหนึ่งในสำนักเฉินเฟิงถูกหัก กระบี่เปลวไฟดำกลืนกินเขา แม้กระทั่งเสียงร้องโอดครวญก็ยังไม่ทันได้ร้องตะโกนออกมา ก็ถูกแผดเผาจนกลายเป็นผุยผง ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งของสำนักเฉินเฟิงสีหน้าตกใจและสิ้นหวัง ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผู้อาวุโสในสำนักก็ถูกสังหารไปแล้ว
“คนๆนี้คือใครกันแน่ หรือว่าคือคนของตระกูลจูเหมือนกัน?”
ผู้อาวุโสสำนักเฉินเฟิงไม่เข้าใจ แต่เขารู้ดี ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนๆนี้
“โฮ่ก!”
ทันใดนั้นเอง เสียงร้องคำรามของมังกรดังขึ้น มังกรดำยาวหลายสิบฟุตพุ่งตัวขึ้นไปบนอากาศ รอบตัวเต็มไปด้วยเปลวไฟดำแผดเผา ลมปราณน่ากลัวอย่างมาก
ดาบเล่มหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ผู้อาวุโสคนที่สองของสำนักเฉินเฟิงไม่สามารถหนีไปได้ ก็ถูกมังกรที่เกิดจากการควบแน่นของเปลวไฟดำกลืนกิน
โดยทั่วไปแดนเดียวกัน ถึงแม้จะเป็นแดนฝึกจิตขั้น7ก็อยากที่จะสังหารฝึกจิตขั้น4
แต่ที่หลัวซิวสามารถทำได้แบบนี้ เป็นเพราะ《วิชาพลังมังกรแท้》ที่เขาฝึกตนนั้นเป็นวรยุทธ์ระดับ8 พลังการโจมตีของเพลิงมรณะแข็งแกร่งมาก ร่วมกับพลังแปรเสวียนเทียนหกเท่า บวกกับแรงสนับสนุนของห้วงยุทธ์กระบี่สังหาร
แน่นอน สิ่งนี้ก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งตามผลการฝึกตนของหลัวซิว เกี่ยวข้องกับการบรรลุแดนฝึกจิตขั้น2 รวมถึงความหวาดกลัวของผู้อาวุโสสำนักเฉินเฟิงที่เกิดขึ้นก่อนจะต่อสู้ อย่างมากก็ใช้พลังได้แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น
เวลานี้ ทุกคนต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้อาวุโสฝึกจิตทั้งสองของสำนักเฉินเฟิงที่สามารถทำลายตระกูลจูได้ ตายไปแบบนี้แล้วเหรอ?
ชายชุดคลุมดำนั่นคือใคร พลังของเขาถึงได้น่าหวาดกลัวเช่นนี้?
จูโหวนายท่านตระกูลจู ใบหน้าแก่ชราของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความตกใจ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่รู้ว่าการปรากฎตัวของชายชุดคลุมดำ เป็นศัตรูหรือเป็นมิตรกันแน่
สีหน้าของหลัวซิวไร้อารมณื ยกมือขึ้นแล้วฟันกระบี่ลงไป กระบี่ฟันลงไป ศิษย์สำนักเฉินเฟิงหลายสิบคนถูกฆ่าจนไม่เหลือซาก
“ผู้อาวุโสตายแล้ว ทุกคนหนีเร็วเข้า!”
เมื่อเห็นภาพนี้ ศิษย์ทุกคนในสำนักเฉินเฟิงคับแค้นใจที่พ่อแม่เกิดตนมาแค่สองคน หนีจากที่นี่อย่างสุดชีวิต
หลัวซิวไม่ได้ฆ่าคนเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะเขาจิตใจดีหรือใจอ่อน แค่เป็นเพราะไม่อยากเสียเวลา
เขาคว้าตัวนายท่านตระกูลจูที่สีหน้าอิดโรยขึ้นมา ขณะร่างของเขากะพริบ ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของจูเสวียนกวง ปราณกระบี่เปลวไฟดำนับสิบพุ่งตัวออกไป ศิษย์สำนักเฉินเฟิงที่อยู่รอบตัวจูเสวียนกวงถูกฆ่าทั้งหมด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาพาจูเสวียนกวงและจูโหวปู่หลานสองคน เข้าไปในป่าที่ไกลห่างออกไปนับสิบเมตร
“ท่านปู่……”
จูเสวียนกวงคุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำตานองหน้า เกิดหายนะขึ้นกับตระกูลจู คนในตระกูลตายกันหมด ถึงแม้ว่าเขาจะถูกคนในตระกูลดูถูกและหยามเกียรติ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสายเลือดที่แท้จริงของตระกูล
จูโหวไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ถอนหายใจ สายตาของเขาจับจ้องไปที่หลัวซิว เขาเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าของคนที่ช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าจะยังอายุน้อยแค่นี้ ดูเหมือนว่าเขาจะอายุไล่เลี่ยกับจูเสวียนกวงเท่านั้น
แต่อายุน้อยแค่นี้ กลับบรรลุปรมาจารย์ฝึกจิต ทั้งยังสามารถสังหารฝึกจิตขั้น4ได้ในวินาทีเดียว!
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในเขตการปกครองหวู่เฟิงมีอัจฉริยภาพแบบนี้
อย่างกะทันหัน ตาแก่ชราของจูโหวหรี่ลง ชุดคลุสีดำ อายุประมาณสิบห้าสิบหก หรือว่า……
“ใช่คุณชายหลัวซิวรึเปล่า?” จูโหวลองเอ่ยถาม
“ท่านรู้จักผม?” หลัวซิวมองนายท่านตระกูลจูด้วยความแปลกใจ
จูโหวส่ายหน้า “การต่อสู้เพื่อช่วงชิงลำดับในสิบสามเขตการปกครอง ฉันเคยได้ยินมาบ้าง ว่ากันว่าคุณชายหลัวซิวทะลุผ่านหอคอยมังกรบินชั้นเจ็ด ความสามารถเหนือชั้นยิ่งกว่าฝึกจิตขั้น7ระยะหลัง คนหนุ่มรูปงามในสิบสามเขตการปกครอง นอกจากคุณชายหลัวซิวแล้ว คิดว่าไม่มีใครมีความสามารถเทียบเท่า”
เพราะถึงอย่างไรจูโหวคนนี้ก็ฝึกตนเกือบสี่ร้อยปีแล้ว ตามเบาะแสบางอย่าง ก็เดาตัวตนของหลัวซิวได้
“ขอบคุณคุณชายหลัวซิวที่ช่วยชีวิตเอาไว้” จูโหวโน้มตัวทำความเคารพ
“ไม่ต้องขอบคุณผม ผมช่วยท่านเพราะมีจุดประสงค์ ยิ่งไปกว่านั้นใช่ว่าผมช่วยท่านเอาไว้จริงๆ” หลัวซิวพูดเสียงเรียบ
นายท่านตระกูลจูคนนั้นสู้กับผู้อาวุโสสำนักเฉินเฟิงอย่างสุดกำลัง ไม่เสียดายที่จะแผดเผาพลังและเลือด วิธีการแผดเผาพลังและเลือดเป็นข้อห้ามในการแผดเผาอายุขัย ถึงแม้จะไม่ถูกผู้อาวุโสสำนักเฉินเฟิงฆ่า เขาก็มีเวลาเหลืออยู่อีกไม่นานแล้ว
นอกจากว่าเขาสามารถใช้ระยะเวลาสั้นๆสองสามปีในการบรรลุแดนราชายุทธ์ อายุขัยของเขาก็จะเพิ่มขึ้นหกร้อยปีอีกครั้ง
สีหน้าของจูโหวเศร้าหมอง สำหรับอาการของเขา เขาย่อมรู้ดี
“ขอถามคุณชายหลัวซิว ลูกแก้วดำน่าจะอยู่ในมือของคุณชายใช่ไหม” จูโหวหันไปมองจูเสวียนกวงแล้วพูด
หลัวซิวพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ พูด:”ฉันต้องการรู้ตำแหน่งของซากโบราณ”
“ถ้าหากฉันบอกกับคุณชาย คุณชายจะฆ่าพวกเราปู่หลานสองคนเพื่อปิดปากหรือไม่?” แววตาของจูโหวฉายลำแสง
หลัวซิวขมวดคิ้ว “ถ้าผมคิดอยากจะฆ่าก็สามารถค้นหาวิญญาณทันที อีกทั้งท่านเองก็น่าจะทราบดี ถึงแม้ว่าผมจะไม่ปรากฎตัว ตระกูลจูทั้งตระกูลของท่าน ต้องถูกสำนักเฉินเฟิงทำลาย”
จูโหวยิ้มเศร้าแล้วพยักหน้า เขาเองก็รู้ว่านี่คือความจริง
“สำนักเฉินเฟิงทำลายตระกูลจูของฉัน ฉันไม่มีกำลังจะแก้แค้น อยากจะเชิญคุณชายหลัวซิวให้การช่วยเหลือ” จูดหวหยิบม้วนหนังอสูรออกมาจากแหวนเก็บของแล้วพูด
ม้วนหนังอสูรนี้คือภาพปริศนาซึ่งเป็นตำแหน่งของซากโบราณ คล้ายว่าผ่านมาหลายปีแล้ว มีลมปราณของโบราณเคลื่อนไหว
จูโหวยังคงไม่ตายใจ ในใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความคับแค้น เขาหยิบภาพปริศนาออกมา หวังว่าจะสามารถอาศัยกำลังของหลัวซิว ทำลายสำนักเฉินเฟิง แก้แค้นให้กับตระกูลจู
ถึงแม้สำนักเฉินเฟิงจะไม่ใช่ขั้วอำนาจใหญ่ แต่ในสำนักก็มีปรมาจารย์ฝึกจิตสามคน
ถึงแม้จะถูกหลัวซิวสังหารปรมาจารย์ฝึกจิตไปสองคนแล้ว แต่เจ้าสำนักเฉินเฟิง คือผู้แข็งแกร่งแดนฝึกจิตขั้น8
นอกเหนือจากนี้ ด้านนอกสำนักเฉินเฟิง มีค่ายกลขนาดใหญ่ป้องกันเอาไว้ มีความเป็นไปได้ว่าค่ายกลจะสูงถึงขั้น5
ด้วยความแข็งแกร่งของหลัวซิวแล้วไม่เกรงกลัวสำนักเฉินเฟิง แต่ถ้าจะบอกว่าทำลายสำนักเฉินเฟิง กลับเป็นไปไม่ได้ นอกจากว่าผลการฝึกตนของเขาจะบรรลุถึงฝึกจิตระยะหลังขึ้นไป
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่มีหน้าที่ต้องช่วยตระกูลจูแก้แค้น
“เรื่องนี้ ผมช่วยไม่ได้” หลัวซิวปฏิเสธโดยไม่ลังเล
เมื่อได้ฟัง นายท่านตระกูลจูขมวดคิ้วเป็นปม “คุณชายหลัวซิวไม่ยอมให้การช่วยเหลือเรื่องนี้? ถึงแม้ฉันจะแผดเผาพลังและเลือดจนทำให้อายุขัยของผลการฝึกตนกระทบกระเทือนอย่างหนัก แต่ว่าจะทำลายภาพปริศนาก่อนที่คุณชายจะลงมือ ก็สามารถทำได้”
“ท่านกำลังขู่ผม?” แววตาของหลัวซิวเยือกเย็นขึ้นมา
########################