มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2114
“ผลการฝึกตนเทพมารระดับหนึ่งกระจอก ๆ การที่เจ้าสามารถทำถึงขั้นนี้ได้นั้น ตั้งแต่โบราณกาลมาก็ถือเป็นอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานแล้ว”
เมื่อเห็นว่าตนเองกระตุ้นโลงศพทองสัมฤทธิ์แล้วยังไม่สามารถสังหารหลัวซิวได้ในกระบวนท่าเดียว ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ถัดจากนั้นมือใหญ่อีกข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากโลงศพโบราณ แล้วขยำไปทางหลัวซิวด้วยแรงอย่างไม่มีสิ่งใดมาหยุดยั้งได้
“วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ!”
เมื่อเห็นว่ามือใหญ่ที่น่าสยดสยองใกล้เข้ามา หลัวซิวจึงแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะคอกเสียงดังลั่น วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่แฝงชุบอยู่ในจุดตันเถียนชี่ไห่มาเป็นเวลานานบินออกมาพร้อมกับเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
วินาทีนี้ มีเสียงสะเทือนดังลั่นมาจากฟ้าดิน พลังแห่งเกณฑ์วัฏสงสารทั้งหมดที่แฝงซ่อนอยู่ในตำหนักวัฏสงสารและลูกแก้วความเป็นตายถูกหลัวซิวกระตุ้น ก่อนจะมีเงาสะท้อนของวัฏสงสารปรากฏหนึ่งร่าง
“ตู้ม!”
เงาสะท้อนวัฏสงสารหมุนไปรอบ ๆ หมุนราวกับฐานหินกลมที่รองรับตัวโม่ พุ่งชนเข้ากับมือใหญ่โลงศพโบราณจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
ตำนานเล่ากันว่าพลังของวัฏสงสารได้ควบคุมกฎจักรวาลเทียนเต้า ซึ่งเป็นพลังแห่งเกณฑ์ที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลฟ้าดิน
ทว่าท้ายที่สุดผลการฝึกตนของตัวหลัวซิวเองก็ต่ำเกินไป ด้วยเหตุนี้เกณฑ์วัฏสงสารที่สามารถควบคุมได้จึงมีขีดจำกัดมาก
เงาสะท้อนวัฏสงสารถูกพลานุภาพของโลงศพโบราณทองสัมฤทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามทลายจนดับสลาย มือใหญ่ที่ยื่นออกมาจากโลงศพโบราณหม่นหมองลง รางเลือนไม่ชัดเจน หลังจากหยุดชะงักไปพักหนึ่ง มันก็ขยำมาทางหลัวซิวอีกครั้ง
หลัวซิวแทบจะเรียกกระบี่เหล็กที่คนชุดเขียวมอบให้เขาออกมาภายในพริบตา ทว่าสุดท้ายเขาก็อดกลั้นไว้ได้
เนื่องจากสามารถใช้กระบี่เหล็กได้เพียงสามหนเท่านั้น หากยังไม่จนปัญญาจริง ๆ เขาไม่อยากเสียโอกาสเช่นนี้ เพราะเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการที่คนชุดเขียวทิ้งกระบี่เหล็กให้เขานั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการบอกว่าตอบแทนหนี้บุญคุณเขา แต่แท้จริงแล้วให้ไว้เพื่อให้เขาใช้คุ้มกันบนวิถีของตนต่างหาก
ปลุกตื่นความทรงจำของไท่ซ่างฉิงแล้ว หลัวซิวจึงไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปที่ฝึกตนมาสามร้อยกว่าปีนั่นอีกต่อไปแล้ว เขาสามารถวางแผนเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่เมื่อหลายแสนล้านปีที่ผ่านมา แทบจะไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงด้านจิตใจและปัญญากับเขาได้เลย
“ถือซะว่าเป็นการฝึกฝนท่ามกลางความเป็นความตายครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”
หมื่นจักรวาลไร้รูป!
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น หมื่นจักรวาลไร้รูปที่ริเริ่มในชั่วชีวิตนี้ ก็คือธรรมสูงสุดที่ไท่ซ่างฉิงเขาในอดีตแสวงหานั่นเอง
วินาทีนี้เขาใช้หมื่นจักรวาลไร้รูปวิวัฒนาการพลังอมตะหลากหลายรูปแบบจนนับไม่ถ้วน มากมายเต็มไปทั่ว มืดฟ้ามัวดิน พุ่งตรงไปทางมือแห่งความตายสีดำขลับนั่น
ตู้มม!
เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังก้องไปทั้งห้วงดารา หลัวซิวกระอักเลือดสีแดงสดออกมาอีกครั้ง ร่างกายเขากระเด็นออกไป รู้สึกแค่ว่าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายล้วนแหลกสลาย ถึงแม้จะใช้เคล็ดวิชาฎีกาค่ายซ่อมแซมเส้นลมปราณให้กลับมาสมบูรณ์แบบเหมือนเก่า วินาทีนี้มันก็แหลกสลายไปครึ่งหนึ่งอยู่ดี
ร่างกายของเขาไม่ได้หยุดนิ่งเลยแม้แต่น้อย โคจรร่างอมตะฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บพลางบินหนีไปยังที่ไกล ๆ อย่างสุดกำลังสามารถ
“ยังไม่ตายหรือ?”
ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำขมวดคิ้วลง มาตรแม้นว่าศักยภาพของเขาจะไม่เหมือนช่วงสูงสุดอย่างอดีต ทว่าหากจะสังหารจ้าวมหาเทพคนสองคนในมหาโลกาพันสามนั้น ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากอยู่ แต่ทว่าเขาลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ก็ไม่สามารถกำราบเทพมารระดับหนึ่งที่มีผลการฝึกตนราชาเทพอย่างนั้นหรือ?
“อดีตข้าอาศัยบำเพ็ญพลิกทมิฬเป็นผู้ไร้เทียมทานในมหาโลกาพันสามกระทั่งปัจจุบัน ยังไม่เคยเห็นอัจฉริยะคนใดที่ลำเลิศกว่าเจ้า”
เสียงของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำค่อย ๆ สะท้อนมา “ข้ามีจิตที่ถนอมอัจฉริยะ หากจ้ายินดีส่งของล้ำค่าวัฏสงสารมา อีกทั้งยอมกราบไหว้เจ้าเป็นอาจารย์ แล้วข้าจักไว้ชีวิตเจ้า!”
“เจ้าคือมหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิหรือ!?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตัวตนของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำจึงถูกเปิดเผยอย่างสมจริงสมจัง
“มหาจักรพรรดิยุทธ์?”ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำหัวเราะเบา ๆ “มีเพียงพวกล้าสมัยในมหาโลกาพันสามเท่านั้นแหละถึงนึกว่าเทพมารระดับหกคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ ข้ารู้ตัวเองดีว่ายังไม่มีคุณสมบัติเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ ณ ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในอดีต ศักยภาพข้าก็เป็นเพียงเทพมารระดับหกเท่านั้น”