มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2117
เมื่อมีความทรงจำของไท่ซ่างฉิงแล้ว การอนุมานวิถีหมื่นจักรวาลไร้รูปของหลัวซิวก็สบายมือขึ้นมาเยอะมาก ๆ เขารู้สึกว่าใช้เวลาอีกไม่นาน ก็สามารถอนุมานวรยุทธ์การฝึกวิถีหมื่นจักรวาลไร้รูปแดนราชาเทพได้สมบูรณ์แล้ว ถึงครานั้นผลการฝึกตนของเขาก็จะได้รับการยกระดับอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแผนต่อการบรรลุสู่แดนมกุฎเทพในอนาคต
ระหว่างทางที่ทะลุผ่านห้วงดาราเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ดารานภากาศทมิฬ จิตใจหลัวซิววอกแวก พลางเร่งเดินทางพลางอนุมานวิถีหมื่นจักรวาลไร้รูปให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากความรู้โลกทัศน์ของตัวหลัวซิวในอดีตมีขีดจำกัด ดังนั้นอัตราความเร็วในการอนุมานวิถีหมื่นจักรวาลไร้รูปจึงช้ามาโดยตลอด และมีจุดบกพร่องเยอะมากด้วย
แต่ไท่ซ่างฉิงกลับแตกต่างจากเขา ไท่ซ่างฉิงคือหนึ่งในมหาผู้แข็งแกร่งของจักรภพแปดโลกพิภพเมื่อหลายแสนล้านปีก่อน อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นด้านความปราดเปรื่อง พรสวรรค์หรือเรื่องแดนยุทธ์ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้อื่นไม่สามารถเทียบเคียงได้
เมื่อปลุกตื่นความทรงจำของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นนี้ แดนยุทธ์และความรู้โลกทัศน์ของหลัวซิวก็ยกระดับขึ้นถึงระดับที่ไกลเกินเอื้อมในทันที
ครั้งนี้เขาอาศัยหลอมรวมจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในความทรงจำของไท่ซ่างฉิง หาจุดบกพร่องทั้งหมดในการฝึกตนของตัวเองแล้วบูรณะให้สมบูรณ์ พลางยกระดับความสามารถทุกประเภทของตน ณ ปัจจุบัน
ขอบเขตของธาตุดาราแห่งหนึ่งนั้นกว้างใหญ่มาก ๆ ไม่มีการสนับสนุนจากค่ายวาร์ฟล่องหน แค่อาศัยการบิน การที่อยากไปถึงดารานภากาศทมิฬนั้น มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
บวกกับระดับความเร็วในการบินของหลัวซิวต้องเทียบเคียงกับความเร็วของเรือรบทองคำไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เขาก็ยังโบยบินอยู่ในห้วงดาราอยู่ บริเวณรอบ ๆ มีเพียงความมืดและความเย็นที่ไร้ขอบเขต ไม่รู้ว่าจะไปถึงเป้าหมายปลายทางเมื่อใด
ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ ดอกผลที่หลัวซิวได้รับนั้นโดดเด่นอย่างยิ่ง ลำดับแรกคือเขาได้ทำการอนุมานภาคต่อของวิถีหมื่นจักรวาลไร้รูปสมบูรณ์แล้ว ทำให้ผลการฝึกตนที่หยุดนิ่งของเขาเริ่มมีการเลื่อนขั้น บรรลุขึ้นมาถึงแดนราชาเทพขั้น 3 อย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักรู้ในการกลั่นยาและค่ายกล เนื่องจากผลการฝึกตนของตัวเองมีขีดจำกัด จึงยังคงอยู่ในระดับอาจารย์ขั้นสูงอยู่เช่นเคย แต่แดนและการตระหนักรู้ของเขากลับสูงส่งมาก ๆ สำหรับเขาแล้วพวกมหาปรมาจารย์ที่ว่านั้นก็ไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงด้วยซ้ำ
เวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งเดือนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลัวซิวเดินทางตามตำแหน่งที่ตัวเองผนึกไว้ ในที่สุดก็มาถึงดารานภากาศทมิฬสักที
ดารานภากาศทมิฬตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของธาตุดาราอัมพรเทว ซึ่งถือเป็นแถบชายแดนของธาตุดาราอัมพรเทวแล้ว
บริเวณรอบ ๆ ของธาตุดาราอัมพรเทวก็มีอาณาเขตติดกับโลกะธาตุดาวต่าง ๆ ปริภูมิของพื้นที่ที่สองธาตุดาราเชื่อมต่อกันค่อนข้างไม่เสถียรภาพ
ซึ่งเป้าหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้ของหลัวซิวก็คือดารานภากาศทมิฬ ซึ่งมันตั้งอยู่ตรงพรมแดนที่ทั้งสามธาตุดาราติดต่อกัน โดยแบ่งออกธาตุดาราอัมพรเทว ธาตุดาราคุนหลุน รวมไปถึงธาตุดาราจันทราสลาย
ปริภูมิในสถานที่ประเภทนี้ไม่เสถียรภาพมาก ๆ ซึ่งมีภยันตรายมากมายคงอยู่ สามารถมองเห็นเศษซากดาวเคราะห์ได้ทุกจุด สามารถพูดได้เลยว่ามีเพียงดารานภากาศทมิฬเท่านั้นที่เป็นดาวเคราะห์สมบูรณ์
ประวัติศาสตร์การคงอยู่ของดารานภากาศทมิฬยาวนานมาก ๆ และถูกเรียกว่าโบราณสถานนภากาศ เล่ากันว่ามีหิวเทวก้อนหนึ่งตกลงมาจากโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปด หลังจากผ่านการหล่อเลี้ยงโดยพลังแห่งห้วงดารามายาวนานอย่างไม่รู้จบ จึงวิวัฒนาการกลายเป็นดาวเคราะห์ดวงนี้
ขณะที่หลัวซิวใกล้จะไปถึง เขาก็มองเห็นปริภูมิที่แตกร้าวเป็นจำนวนมาก มีคมลมปริภูมิและมีบริภูมิที่ทรุดลง ยิ่งกว่านั้นเคยยังมีโซนทำลายล้างที่น่าสยดสยองมากกว่าด้วย
บนตัวจีเสี่ยวจื่อสตรีทั้งสามนางมีตราสำนึกที่เขาทิ้งไว้ ดังนั้นเขาจึงสัมผัสพิกัดของสตรีทั้งสามนางได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลัวซิวก็มองเห็นพวกจีเสี่ยวจื่อ วินาทีนี้พวกนางทั้งสามกำลังลอยอยู่นภาเหนือคูเมืองแห่งหนึ่งของดารานภากาศทมิฬ กำลังรอคอยอะไรบางอย่างอย่างร้อนใจ
“ท่านพี่!”
หนิงหานยู่เป็นคนแรกที่สัมผัสออร่าของหลัวซิวได้ จากนั้นจีเสี่ยวจื่อและฉียู่หรงก็ต่างพากันมองมา