มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2120
“นี่คือศิษย์น้องของข้าจีเสี่ยวจื่อ นี่คือสหายของข้าฉียู่หรง นี่คือน้องสาวของข้าหนิงหานยู่”
การฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ข้างนอก เมื่อนักยุทธ์แปลกหน้าจะร่วมขบวนกัน ล้วนจะแนะนำตัวเป็นลำดับแรก เนื่องจากในเมื่อทุกคนอยู่ในกองกำลังเดียวกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเชื่อใจที่มีต่อกันและกัน
แน่นอนอยู่แล้วว่าหากมีคนจงใจปิดบังตัวตนจริง ๆ โดยทั่วไปแล้วก็ค้นพบได้ยากมาก ๆ ทว่าหากอยู่ในสถานการณ์ทั่วไป นอกเสียจากว่าจะมีคนคิดร้าย มิเช่นนั้นจะไม่มีผู้ใดจงใจปิดบังตัวตนของตนเอง
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวตกลง เซียวอันจึงยิ้มพลางผงกหัว แท้จริงแล้วสำหรับกองกำลังของพวกเขาทั้งสี่คน ศักยภาพก็ไม่ถือว่าอ่อนแอเช่นกัน แต่สถานที่อย่างทะเลสาบมังกรทองมันค่อนข้างอันตราย คนยิ่งมากจึงยิ่งปลอดภัยกว่าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
เรือรบดำมืดของเซียวอันคือของขลังมกุฎเทพชั้นสูง ความเร็วเร็วกว่าเรือรบลำนี้ของหลัวซิว ดังนั้นภายใต้การเชื้อเชิญของเขา พวกหลัวซิวจึงมาถึงบนเรือรบของฝ่ายตรงข้าม
“สหายหลัว ผลการฝึกตนของเจ้าไม่ใช่ราชาเทพขั้นปฐมภูมิจริง ๆ หรอกใช่ไหม?”หลังจากที่หลัวซิวเดินขึ้นเรือแล้ว โกวหมิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างรู้สึกสงสัย
ซึ่งโกวหมิงเฉินก็คือผู้ที่มีผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้น 4 และคำถามนี้ของเขาก็เป็นคำถามที่คนอื่น ๆ อยากถามเช่นกัน แต่ทว่าเซียวอันแค่เกรงใจที่จะสอบถามโดยตรง
หลัวซิวต้องทราบอยู่แล้วว่านี่คือการทดสอบหยั่งเชิงอย่างหนึ่ง หากเขาเป็นราชาเทพจริง ๆ ต้องถูกพวกเซียวอันคิดว่าตนไม่มีสิทธิ์ร่วมกองกำลังแน่นอน อย่างไรเสียในกองกำลังของเขายังมีหนิงหานยู่อีกคนหนึ่งที่มีผลการฝึกตนเป็นเพียงมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิ หากไปทะเลสาบมังกรทองละก็ โดยส่วนใหญ่แล้วก็เท่ากับตัวถ่วงตัวหนึ่ง
ในโลกของการฝึกยุทธ์ ไม่ว่าจะไปถึงที่ใด ผู้แข็งแกร่งก็ย่อมเป็นเจ้าเสมอ ดังนั้นหลัวซิวจึงทราบเช่นกันว่าพวกเขาจำเป็นต้องแสดงศักยภาพที่มากพอออกมา มิเช่นนั้นก็จะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่มีความจำเป็นตามมาเป็นจำนวนมาก
หลัวซิวอมยิ้ม ไม่ได้ตอบกลับคำถามดังกล่าวโดยตรง แต่เป็นการโบกมือเรียกหนิงหานยู่มา
“เจ้าคือมกุฎเทพขั้น 4 ส่วนนางนั้นคือกึ่งมกุฎเทพ ไม่ต้องให้ข้าพูดช่วงระยะความต่างบนผลการฝึกตนก็ได้ใช่ไหม?”
หลัวซิวหัวเราะเบา ๆ แล้วพูด: “สหายโกวทุ่มสุดกำลังสามารถได้เลย ดูซิว่าจะทำให้น้องสาวคนนี้ของข้าบาดเจ็บได้หรือไม่”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้ล้อเล่น?”
เมื่อโกวหมิงเฉินได้ยินคำพูดดังกล่าวก็ชะงักไปในทันที ถัดจากนั้นสีหน้าก็ดูย่ำแย่ลง เนื่องจากเขารู้สึกว่านี่เป็นการดูถูกเขาอย่างหนึ่ง
“หรือสหายหลัวคิดว่าผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้น 4 ของแซ่โกวเป็นของปลอม สร้างความเสียหายให้กึ่งมกุฎเทพคนหนึ่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ?”โกวหมิงเฉินถามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น พวกเซียวอันก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเช่นกัน อย่างไรเสียโกวหมิงเฉินก็เป็นคนในกองกำลังของพวกเขา
“สหายโกวอย่าเพิ่งพิโรธ ในเมื่อทุกคนจะร่วมกองกำลังกัน เช่นนั้นก็ต้องเข้าใจในศักยภาพของกันและกันก่อน เช่นนี้ถึงจะร่วมงานกันได้ง่ายขึ้นมิใช่หรือ?”
หลัวซิวอมยิ้มพลางมองเซียวอันรอบหนึ่งพลางถาม: “สหายเซียว เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ที่สหายหลัวกล่าวมานั้นมีหลักการอยู่ ทว่าแม่นางหนิงเป็นเพียงกึ่งมกุฎเทพ หากหมิงเฉินไม่ทันได้ระวังพลั้งมือทำร้ายนาง ก็จะแย่เอานะ”เซียวอันตอบกลับเช่นนี้
“เหอะ ๆ ไม่เป็นไร ในเมื่อข้าพูดเช่นนี้ อย่างนั้นก็ต้องมั่นใจในตัวน้องสาวข้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ขอแค่สหายหลัวลงมือก็พอแล้ว”
ในระหว่างที่พูดคุยกัน หลัวซิวยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่ง วาดยันต์ค่ายลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนที่ยันต์ค่ายจะร่วงหล่นลงมา
หึ่ง!
ขณะที่รัศมีกระพริบระยิบระยับ แสงค่ายทั้งหลายผสมผสกัน วิวัฒนาการออกมาเป็นค่ายกลหนึ่งค่าย ทำการแผ่คลุมทุกคนเอาไว้ภายใน
“ก่อค่ายเป็นยันต์?!”
เมื่อเห็นฝีมือดังกล่าวที่หลัวซิวแสดงออกมา พวกเซียวอันต่างก็ตะลึงงัน เนื่องจากนี้มันวิธีการในตำนานเชียวนะ มีเพียงตระหนักรู้ในแดนค่ายกลถึงระดับที่ล้ำลึกมาก ๆ ถึงจะทำเช่นนี้ได้