มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2133
“หากสามารถทำให้เศษฎีกาค่ายสมบูรณ์ บางทีข้าก็อาจจะยึดกุมวิชาสลักแห่งตนได้แล้ว”
ทะลุผ่านประตูใหญ่ของตำหนัก ภาพเหตุการณ์ที่เลือนรางตรงหน้าหลัวซิวค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขาไม่ใช่ห้องโถงตำหนักที่สูงตระหง่านโดดเด่นอย่างแต่ใด แต่เป็นทางเดินแคบ ๆ ทางหนึ่ง ผนังห้องและพื้นบริเวณรอบ ๆ ล้วนสร้างมาจากวัสดุสีดำขลับชนิดหนึ่ง บนผนังห้องทั้งสองข้างมีตะเกียงที่มีแสงไฟอ่อน ๆ ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยออร่าของความลึกลับ
ภายในเวลาชั่วขณะความหวาดกลัวที่ส่งตรงมาจากเส้นลมปราณอันสมบูรณ์แบบ ทำให้หลัวซิวนึกโยงถึงเรื่องต่าง ๆ เยอะมาก บางทีมังกรทองโบราณที่เล่ากันว่าดับสลายสูญสิ้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ อาจเป็นผู้โชคดีที่ได้รับฎีกาค่ายนั่นก็เป็นได้
หลัวซิวย่างเท้าเดินไปข้างหน้า บนทางเดินที่คับแคบนี้อัดแน่นไปด้วยค่ายกลต้องห้ามหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากพื้นที่ของทางเดินเล็กเกินไป ดังนั้นจึงไม่สามารถเดินอ้อมค่ายกลต้องห้ามเหล่านี้ได้เลยด้วยซ้ำ
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้หลัวซิวนึกถึงภาพเหตุการณ์ครั้นเมื่อเดินขึ้นเขาในแดนปริศนาที่เทพสงครามเอกภพบุกเบิก ซึ่งขณะนั้นเขาค่อย ๆ อนุมานทลายค่ายเทพแต่ละค่าย จนทลายพันธนาการแล้วบรรลุถึงแดนนักค่ายเทพในทีเดียว
แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือหลัวซิวในปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่หลัวซิวในอดีตสามารถเทียบเคียงได้ โดยเฉพาะเมื่อหลอมรวมความทรงจำในภพชาตินั้นของไท่ซ่างฉิง ความเข้าใจและการยึดกุมในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติของเขานั้น เรียกได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงกับเขาได้
โครมคราม……
เสียงที่ดังสนั่นหูสะท้อนมาจากข้างนอก หลัวซิวจินตนาการความดุร้ายและความโกรธเกรี้ยวของคนเหล่านั้นได้ ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากรวมตัวกันยังหมดซึ่งหนทางปัญญา แต่เขากลับสามารถเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใด ก็ไม่มีทางใจเย็นได้อย่างแน่นอน
แต่ทว่าการที่จะทลายค่ายกลต้องห้ามบนประตูใหญ่ของตำหนักด้วยแรงฮึดนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน หลัวซิวก็ไม่ได้ร้อนรนมากนัก ก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าว ทันทีที่พบค่ายกลต้องห้าม เขาก็จะตรัสรู้ร่องรอยลายค่ายที่อยู่ด้านบน จนได้รับแรงบันดาลใจและเข้าใจตระหนักในสิ่งต่าง ๆ
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ในที่สุดหลัวซิวก็เดินมาถึงสุดปลายขอบเขตของทางเดินที่คับแคบนี้ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขาคือประตูหินที่ถูกแกะสลักเป็นรูปหัวอสูร ประตูหินทั้งบานคือหัวของสิงโตที่กำลังอ้าปาก ราวกับกำลังจะกัดกินมนุษย์
เมื่อหลัวซิวเดินขึ้นไปข้างหน้า ราวกับหัวสิงโตนั่นมีชีวิต มันแหงนหน้าคำรามจนสั่นสะเทือนไปทั้งเก้าสวรรค์
แต่หลัวซิวกลับเหมือนมองไม่เห็น มุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าอย่างสุขุมเยือกเย็นต่อ
นี่คือค่ายเสวียนหนึ่งค่าย แต่ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา ทว่าความรู้สึกที่มุ่งไปถึงก้นลึกของหัวใจนั้น ทำให้กิริยาท่าทางของมนุษย์เราจะถูกโน้มนำโดยสัญชาตญาณ
และทันทีที่เจ้ามองว่าสิ่งของทั้งหมดที่อยู่ภายในค่ายเสวียนเป็นของจริง เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นของจริง ซึ่งนี่คือจุดที่น่ากลัวของค่ายเสวียนต่างหาก
ขอเพียงฝีมือความสามารถด้านค่ายกลของเจ้าแข็งแกร่ง เจ้าก็จะสามารถวิวัฒนาการจิตสังหารต่าง ๆ ออกมาในค่ายเสวียนได้
ตัวธรรมของหลัวซิวหนักแน่นสุขุม ต่อให้ภาพเพ้อฝันที่จินตนาการไปมีเป็นหมื่นแสน ข้าก็สูงตระหง่านแข็งแกร่งไม่สั่นคลอน ข้ามทะลุประตูบานนี้ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังออร่าที่เข้มข้นถึงขีดสุด
เงยหน้ามองขึ้นไป ที่นี่คือห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่ง ตรงกลางของห้องโถงใหญ่มีแท่นบูชาหนึ่งแท่น และบนแท่นบูชามีแหวนวางอยู่หนึ่งวง
สายตาของหลัวซิวถูกแหวนที่วางอยู่บนแท่นบูชาดึงดูดไปในทันที เพราะหลังจากที่มาถึงที่นี่แล้ว เขายิ่งสัมผัสความรู้สึกร่วมที่มาจากเส้นลมปราณอันสมบูรณ์ได้ชัดเจนมากขึ้น
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าสิ่งที่อยู่ในแหวนต้องเกี่ยวข้องกับฎีกาค่ายอย่างแน่นอน เนื่องจากเส้นลมปราณที่สมบูรณ์ของเขาฝึกมาจากเค้าโครงของฎีกาค่าย
แต่หลัวซิวก็ไม่ได้ลงมืออย่างอุกอาจเช่นกัน เนื่องจากแท่นบูชาที่อยู่กลางห้องโถงใหญ่ถูกสร้างอยู่บนบ่อน้ำทรงกลม และภายในบ่อน้ำดังกล่าว มีเลือดสีทองรินไหล ซึ่งพลังงานอันบริสุทธิ์ที่เขาสัมผัสได้ก็แผ่มาจากเลือดสีทองที่อยู่ในบ่อน้ำนั่นเอง