มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2134
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2134
“เลือดมังกรหรือ?”หลัวซิวหรี่ตาลง เพื่อเลือดมังกรหนึ่งหยด ผู้คนที่อยู่ด้านนอกยังต้องเข่นฆ่ากันอย่างสุดชีวิตเลย ทว่าที่นี่กลับมีหนึ่งบ่อใหญ่ มันช่างเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเสียจริง
ต้องท้าวความก่อนเลือดมังกรในทะเลสาบมังกรทองนั้นล้ำค่าอย่างยิ่ง มิเช่นนั้นละก็ บรรพอาจารย์เทียนคุนที่มีผลการฝึกตนกึ่งจ้าวมหาเทพก็คงไม่โจมตีรุ่นหลังอย่างเซียวอันจนบาดเจ็บเพียงเพราะจะแก่งแย่งเลือดมังกรหรอก
ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้เลยว่าเลือดมังกรก็เป็นของล้ำค่าหายากสำหรับผู้แข็งแกร่งกึ่งจ้าวมหาเทพเช่นกัน เนื่องจากภายในเลือดมังกรไม่เพียงมีพลังงานที่บริสุทธิ์แฝงซ่อนอยู่ ยังมีแก่นชีวีที่มากมายมหาศาลแฝงซ่อนอยู่อีกด้วย เมื่อกินกลั่นแปรมัน สามารถเพิ่มอายุไขให้แก่ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจ้าวมหาเทพ
เวิ่ง!
มีแสงสีทองแย้มบานออกมาจากเลือดมังกร จากนั้นแสงทองที่ล้นฟ้าก็รวมกันกลางอากาศห้องโถงใหญ่ แล้วกลายเป็นเงาลวงมนุษย์ที่อยู่ในชุดคลุมยาวทองร่างหนึ่ง
“เผ่าพันธุ์มนุษย์?”เงาลวงสีทองเพ่งมองหลัวซิวพลางกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับกำลังดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วมามิได้หรือ?”หลัวซิวยิ้มอ่อนพลางถาม
เขาต้องทราบอยู่แล้วว่าเงาลวงสีทองที่อยู่ตรงหน้า คือเศษความคิดที่มังกรทองโบราณทิ้งไว้ที่นี่ อีกทั้งเศษความคิดดังกล่าวไม่มีผลการฝึกตนศักยภาพใด ๆ ด้วย
“ไม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หากเจ้าคือเผ่าพันธุ์มารละก็ จักคู่ควรกับการได้รับการถ่ายทอดสืบสานที่ข้าทิ้งไว้มากกว่า หากคือเผ่ามังกร เช่นนั้นก็จักยิ่งดีเลย”เงาลวงสีทองส่ายหน้า พลางพูดดั่งทอดถอนใจเล็กน้อย
“ปีศาจมารก็ดี มนุษย์ก็ช่าง เป้าหมายสุดท้ายก็เป็นเช่นเดียวกันอยู่ดี”หลัวซิวกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เงาลวงสีทองก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพ่งมองหลัวซิวพลางพูด: “ไม่ว่าอย่างไร การที่เจ้าสามารถมาถึงที่แห่งนี้ได้นั้น แสดงว่าเจ้ามีบุพเพสันนิวาสต่อข้าหลงเอ้าซู ข้าหวังว่าหลังจากที่เจ้าได้รับการถ่ายทอดสืบสานของข้าแล้ว หากเจ้าฝึกมันสำเร็จ อนาคตอย่าเป็นศัตรูเผ่ามังกรของข้า”
“ขอเพียงเผ่ามังกรของพวกเจ้าไม่มารุกรานข้า ข้าก็จักไม่ไปรุกรานเผ่ามังกรของพวกเจ้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”หลัวซิวผงกหัวพลางพูด
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคำตอบดังกล่าวของหลัวซิวไม่สามารถทำให้หลงเอ้าซูพึงพอใจ ทว่าเขาเป็นเพียงเศษความคิด จึงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
“ช่างเถอะ ๆ ……”เงาลวงสีทองถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ สลายหายไป
หลัวซิวทราบอยู่ว่าจะเรียกเศษความคิดนี้ว่าความลุ่มหลงอย่างหนึ่งก็ได้ ถึงแม้ร่างหลงเอ้าซูนี่จะตายและดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นห่วงเผ่ามังกร จะว่าไปเขาก็เป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีอยู่
แม้เศษความคิดของหลงเอ้าซูจะหายไปแล้ว แต่จากความละเอียดรอบคอบของหลัวซิว เขากลับไม่ได้พุ่งเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม
หลังจากผ่านการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาถึงจะเดินไปข้างหน้า เก็บเลือดจำนวนมากที่อยู่ในบ่อน้ำขึ้นมา เลือดมังกรปริมาณน้อย ๆ สามารถยกระดับผลการฝึกตน ประสิทธิผลไม่ดีมากนัก แต่ถ้าเกิดมีเลือดมังกรที่ปริมาณมากเช่นนี้ หลัวซิวก็จะสามารถใช้เลือดมังกรล้างร่างเนื้อ อย่างน้อยก็สามารถยกระดับพลังสายเลือดของตัวเองให้ขึ้นไปถึงระดับเทพมารระดับสี่
สิ่งที่น่าเสียดายคือที่นี่ไม่มีพลังและเลือดของหลงเอ้าซูแต่อย่างใด มิเช่นนั้นละก็ หากยกระดับพลังสายเลือดให้ขึ้นไปถึงเทพมารระดับห้าได้ก็จะดีเยี่ยมกว่ามาก ๆ
แหวนที่วางอยู่บนแท่นบูชานั่นก็ถูกหลัวซิวเก็บไปเช่นกัน เมื่อแผ่ตัวสำนึกเข้าไปภายใน เขาก็ค้นพบม้วนหยกโบราณที่ถูกทำลายชิ้นหนึ่ง
หลัวซิวหยิบม้วนหยกชิ้นนั้นออกมาอย่างอดใจรอไม่ไหว ทว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดหวังคือสิ่งที่บันทึกอยู่ภายในคือเนื้อหาส่วนหนึ่งของฎีกาค่ายก็จริง ทว่ากลับไม่ใช่วิชาสลักยันต์ค่าย แต่เป็นบทประพันธ์ที่บรรยายเกี่ยวกับค่ายกล
สำหรับนักค่ายกลทุกคนแล้ว ม้วนหยกชิ้นนี้คือของที่ล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่มันกลับไม่ใช่สิ่งที่หลัวซิวต้องการมากที่สุด
แต่ถ้าจะบอกว่ามันไม่มีประโยชน์เลยนั้น มันก็ไม่ใช่เช่นกัน เขาสามารถตรัสรู้ความลึกลับและมหัศจรรย์ของค่ายกล เพื่อยกระดับความเข้าใจในวิถีค่าย สลักจารึกยันต์ค่ายที่ทรงพลังมากกว่าลงไปในร่างเนื้อ