มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2412
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2412
การที่จะฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บของผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพคนหนึ่งนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้ยาเซียนระดับมหาจักรพรรดิ ซึ่งหลัวซิวไม่มีของเช่นนี้ในมือเลย
บาดแผลบนตัวนางเริ่มสมานกลายเป็นแผลเป็นแล้ว แต่แม้นจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความงดงามของเลือนรางนี้ นางกำลังหรี่ตานอนอย่างสงบ ไม่เพียงมีร่างกายที่งดงามสมบูรณ์แบบ ยังมีโฉมหน้าที่สมบูรณ์แบบด้วย ราวกับลูกรักสวรรค์
“จะช่วยให้นางฟื้นคืนมาหรือไม่?”หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เมื่ออาศัยกฎการเวียนว่ายตายเกิดขั้น 8 ให้เปลี่ยนเป็นพลังชีวิต ประสิทธิผลเพียงพอที่จะเทียบทัดกฎขั้น 9 แม้ยังไม่สามารถฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บของสตรีนางนี้ให้หายดีได้โดยสิ้นเชิง ทว่าการช่วยให้นางฟื้นคืนมาและทำให้สภาพอาการบาดเจ็บคงที่นั้น ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
แต่กลับมีปัญหาหนึ่ง นั่นก็คืออุปนิสัยของสตรีนางนี้เป็นอย่างไรกันแน่? ขณะนี้นางกำลังเปลือยกาย ไผ่เทวดวงครามก็ถูกตัวเองเอาไปแล้วด้วย ถ้าเกิดทันทีที่ตื่นขึ้นมาแล้วนางโกรธกันจะทำอย่างไรล่ะ?
แม้หลัวซิวจะไม่เคยกลัวผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคนหนึ่งที่บาดเจ็บโจมตี แต่ก็ไม่อยากทำให้ความประสงค์ดีในตอนแรกของตัวเอง กลับกลายเป็นปัญหาที่ลุกลามมาถึงตน
ลังเลใจอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายหลัวซิวก็ตัดสินใจทำให้สตรีนางนี้ฟื้นตื่นคืนมา เขาไม่มีทางพานางติดตัวไปได้อยู่แล้ว หากทิ้งให้นางอยู่ที่นี่แล้วไม่สนใจละก็ มันจะรู้สึกไร้คุณธรรมมากเกินไป
แต่การที่จะทำให้นางฟื้นตื่นคืนมานั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลัวซิว เขาหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของเพื่อคลุมบนร่างสตรีนางนี้ก่อน จากนั้นก็ผนึกรวมพลังชีวิต ฟื้นฟูลายเส้นชีวิตที่เสียหายของนาง
ลายเส้นชีวิตของผู้แข็งแกร่งกลั่นร่างแข็งแกร่งกว่าลายเส้นชีวิตของจอมยุทธ์ทั่วไปมาก ในขณะเดียวกันหากได้รับบาดเจ็บละก็ ระดับความยากในการฟื้นฟูก็ค่อนข้างที่จะยากกว่า
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงกว่า ขนตาของสตรีที่อยู่ในอาการสลบไสลก็เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่นางจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เสี้ยววินาทีที่นางลืมตาขึ้นมา ก็มีออร่าที่น่ากลัวปะทุออกมาจากร่างกาย จากนั้นนางก็ลุกขึ้นมานั่งภายในพริบตา
ตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพแผ่กระจายออกมา สายตาของนางร่วงลงบนตัวหลัวซิวภายในเสี้ยววินาที “เจ้าเองหรือ?”
สีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวดูเก้อเขินเล็กน้อย เนื่องจากสตรีนางนี้ลุกขึ้นมานั่งกะทันหัน ทำให้เสื้อผ้าที่คลุมอยู่บนตัวนางในตอนแรกตกหล่นลงไป เรือนร่างนางจึงปรากฏในตาเขาโดไร้สิ่งบดบัง
ถึงแม้เขาจะเห็นร่างกายของสตรีนางนี้มาหมดเปลือกแล้ว ทว่าขณะนั้นนางอยู่ในสภาวะบาดเจ็บและสลบไสล วินาทีนี้นางอยู่ในสภาวะได้สติ เรื่องเก้อเขินจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ราวกับสตรีนางนี้ดูไม่ใส่ใจต่อเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก ขมวดคิ้วที่โค้งได้รูปงามนั่นลงไปเล็กน้อย “เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้หรือ?”
วินาทีนี้นางก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกันว่าตัวเองอยู่ในสภาพเปลือยกาย ทว่ากลับไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย หยิบยาออกมาจากแหวนเก็บของอย่างเรียบนิ่งมาก ๆ แล้วกลืนกินยาต่อหน้าหลัวซิวโดยตรง จากนั้นถึงจะหยิบชุดกระโปรงสีชมพูหนึ่งชุดออกมาใส่
ราวกับสำหรับนางแล้ว การหยิบยาออกมาบำบัดรักษาบาดแผลเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าตัวเองเปลือยกายต่อหน้าหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่ง
หลัวซิวสลัดความคิดออก พยักหน้าด้วยแวาตาที่มุ่งมั่นพลางตอบกลับ: “ข้าเป็นผู้ช่วยชีวิตเจ้าไว้จริง ๆ เจ้าบาดเจ็บในเขตแสงม่วงแล้วหมดสติไป หากไม่ใช่เพราะข้าช่วยเจ้าไว้ละก็ เจ้าจะตายอยู่ภายใน”
สำหรับเรื่องที่ตัวเองหมดสตินั้นสตรีนางนี้รู้ตัวดีอยู่ ทว่าเมื่อคำพูดดังกล่าวหลุดออกมาจากปากหลัวซิวจริง ๆ นางก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้อยู่ดี
“ผลการฝึกตนของเจ้าเป็นเพียงมกุฎเทพ แดนกลั่นร่างก็อยู่เพียงระดับจ้าวมหาเทพ เจ้าช่วยข้าออกมาจากเขตแสงม่วงได้อย่างไร?”
นาง ณ วินาทีนี้ใส่ชุดกระโปรงเสร็จเรียบร้อยแล้ว สายตาจ้องมองหลัวซิวโดยที่ไม่หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางถาม: “ไผ่เทวดวงครามอยู่ในมือเจ้าใช่หรือไม่?”