มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2428
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2428
สิบกว่าคนที่บินออกมาจากตระกูลหลี่ คนที่เหลือล้วนเป็นมกุฎเทพ มีเพียงผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงนี่เท่านั้นที่เป็นจ้าวมหาเทพ อีกทั้งผลการฝึกตนไม่ถือว่าสูง เป็นเพียงจ้าวมหาเทพขั้นปฐมภูมิ และยังเป็นจ้าวมหาเทพขั้น 1
หลัวซิวไม่มีทางนำผลการฝึกตนเช่นนี้มาไว้ในสายตาอยู่แล้ว ก่อนจะตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง: “ข้าได้ยินมาว่าสหายของข้าหลี่ยู่ประสบเรื่องราวบางอย่างที่นี่ พวกเจ้าวางแผนจะให้คำอธิบายข้าอย่างไร?”
ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงขมวดคิ้วลงเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ผู้เพื่อนยุทธ์ นี่เป็นเรื่องของตระกูลหลี่เรา มาตรแม้นว่าเจ้าจะเป็นสหายของหลี่ยู่ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในตระกูลหลี่หรือไม่?”
“สิทธิ์?”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วง หลัวซิวกลับหัวเราะออกมา “มึงนี่มันเป็นจ้าวมหาเทพเสียเปล่าเลยนะ การฝึกตนตลอดหลายร้อยหลายพันปีนี่ ผลการฝึกตนมันไปอยู่บนตัวหมาหมดแล้วรึ? ในโลกของจอมยุทธ์ ศักยภาพของผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้นั้นก็ล้วนมีสิทธิ์ กูก็จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในตระกูลหลี่ของมึงนี่แหละ มึงจะทำอะไรกูได้ล่ะ?”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น มีพลังออร่าที่เกะกะระรานพรั่งพรูออกมาจากตัวหลัวซิว ถึงแม้จะไม่อาศัยกำลังภายนอกใด ๆ พลังออร่าของเขาก็เทียบเท่าผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพช่วงปลายแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น พลังออร่าของอสูรดูดจิตแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียอีก มีพลังแห่งอาณาจักรที่เป็นเอกลักษณ์ของอสูรดูดจิตแฝงซ่อนอยู่ พลังออร่าทั้งสองกดอัดพร้อมกัน จึงสยบคนนับสิบของตระกูลหลี่ได้ภายในพริบตา!
มีความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่งปรากฏบนใบหน้าผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงที่มีผลการฝึกตนเป็นจ้าวมหาเทพ เนื่องจากชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนี้ยังไม่ได้ลงมือเลยด้วยซ้ำ แค่อาศัยพลังออร่าของเขาและอสูรกายตัวหนึ่ง ก็กดอัดจนเขาขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นคือผลการฝึกตนที่อยู่ภายในร่างกายก็ถูกพลังหนึ่งผนึก สามารถพูดได้เลยว่าไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าหากฝ่ายตรงข้ามอยากสังหารตนละก็ เขาจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะต่อต้าน
พ่อลูกหลี่เฟยเฉินรู้จักกับผู้แข็งแกร่งระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
สาเหตุที่ตระกูลหลี่ย้ายจากโลกจักรภพลงมายังโลกามนุษย์นั้น เป็นเพราะเกิดเรื่องราวบางอย่างในโลกจักรภพ เดิมทีตระกูลหลี่ก็มีจ้าวมหาเทพหลายคนเช่นกัน ทว่าส่วนมากล้วนดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว เหลือเพียงเขาที่เพิ่งบรรลุถึงจ้าวมหาเทพ ก่อนจะพาผู้ที่เหลือรอดในตระกูลหลี่ลงมายังโลกามนุษย์
ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลหลี่รวบรวมกำลังทั้งหมดพัฒนาภูมิฐาน ทว่าเนื่องจากทรัพยากรในมหาโลกาพันสามหายากกว่าโลกมหาศักดิ์ ดังนั้นจึงบ่มเพาะจ้าวมหาเทพคนที่สองไม่ได้ตลอดมา
ในขณะที่ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวม่วงกำลังจะยอมแพ้อยู่นั้น เรือรบลำหนึ่งก็พุ่งทะลุฟ้าย่างกรายมาถึง บนดาดฟ้ามีคนยืนอยู่สามคน ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าสุดคือชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลังด้วยสีหน้าอารมณ์ที่หยิ่งยโส
เมื่อหลัวซิวเห็นคนดังกล่าว จึงมีรอยยิ้มปรากฏตรงมุมปาก เนื่องจากเขารู้จักคนดังกล่าวอยู่ ซึ่งเขาก็คือผู้สืบทอดนายท่านตระกูลมู่คนต่อไป มู่จื่อเซียว
ข้างกายมู่จื่อเซียวยังมีคนยืนอยู่อีกสองคน คือชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสีดำคนหนึ่ง กำลังกอดกระบี่ไว้ในอ้อมอก และมีสตรีอีกนางหนึ่ง อยู่ในชุดเกราะสีม่วงอ่อน บุคลิกองอาจห้าวหาญพร้อมกับแบกเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ไว้ด้านหลัง
ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มชุดดำหรือสตรีนางนั้น ผลการฝึกตนของทั้งสองต่างไม่สูง เป็นเพียงแดนมกุฎเทพ น่าจะเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลมู่บ่มเพาะขึ้นมาใหม่
อย่างไรเสียมู่ช่าวหวงก็ตายไปแล้ว วัยรุ่นยุคใหม่ของตระกูลมู่ต้องการเลือดที่สดใหม่
ในขณะเดียวกันสิ่งที่หลัวซิวสังเกตเห็นคือ ผลการฝึกตนของมู่จื่อเซียวบรรลุถึงจ้าวมหาเทพช่วงกลางแล้ว เห็นได้เลยว่าตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ให้ความสำคัญกับเขามากจริง ๆ วางแผนที่จะให้เขาบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ จากนั้นค่อยสืบทอดตำแหน่งนายท่านตระกูล
“หลัวซิว เจ้าเองหรือ!”
เมื่อมู่จื่อเซียวมาถึงที่นี่ จึงต้องจำหน้าหลัวซิวตั้งแต่แวบแรกที่เห็นอยู่แล้ว สีหน้าดูย่ำแย่ลงไปภายในพริบตา เขาไม่มีวันลืมครั้นเมื่ออยู่ในสถานฌาปนนภาสวรรค์หรอกนะ เรื่องที่ตัวเองถูกเขาจับมาผนึก
มาตรแม้นว่าอนาคตเขาจะกลายเป็นนายท่านตระกูลมู่แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นจุดด่างพล้อยในชีวิตเขา นายท่านตระกูลมหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้สง่าผ่าเผยเป็นเชลยของคนดังกล่าว แค่คิดก็ทำให้มู่จื่อเซียวรู้สึกปวดตับ ปวดไต ปวดไปทั้งร่างแล้ว!