มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2451
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2451
ในส่วนของลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและชีชีนั้น ก็ไม่มีสวัสดิการนี้แล้ว บางทีพวกเขาอาจจะได้รับโชคโอกาสในตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งหลังนี้ไม่น้อย ทว่ากลับไม่มีทางมาถึงที่แห่งนี้ได้
ที่นี่คือศูนย์กลางตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่ง หลัวซิวก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า ก่อนจะมองเห็นแท่นหินทรงกลมหนึ่งแท่น ฐานของแท่นหินหลอมสร้างมาจากแก้วห้วงเวลา ด้านบนแท่นหินมีโลงน้ำแข็งวางอยู่หนึ่งโลง มีความเย็นยะเยือกแผ่กระจายออกมาจากโลง ราวกับทำให้ห้วงเวลาถูกแช่แข็ง ทำให้ห้วงเวลาไม่สามารถไหลไปข้างหน้า
หลัวซิวย่างเท้าเดินตรงไป บริเวณแท่นหินมีพลังเกณฑ์เวลาซัดสาด ทว่าเมื่อเขาเดินไป เกณฑ์เวลาทั้งหมดล้วนพากันหลบหลีก ราวกับยอมรับเขาตั้งนานแล้วยังไงอย่างนั้น ไม่หยุดยั้งเขาเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ภายในส่วนลึกของหัวใจจะมีการคาดเดาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อหลัวซิวเดินไปถึงหน้าโลงน้ำแข็ง และพบว่าภายในโลงน้ำแข็งมีเงาร่างนอนนิ่งอยู่หนึ่งร่าง จิตใจเขาก็สั่นไหวขึ้นมาอยู่ดี
ซึ่งผู้ที่นอนอยู่ภายในโลงน้ำแข็งโลงนี้ก็คือจักรพรรดิเทพเทียนหย่ง เมื่อใบหน้าที่งดงามอย่างไร้ที่ตินั่นปรากฏในม่านตา ก็ทำให้มีภาพความทรงจำฉากหนึ่งเมื่อหลายร้อยล้านปีในอดีตผุดขึ้นมาในหัวหลัวซิวอย่างควบคุมไม่ได้
“ไท่ซ่างฉิงเอ๊ยไท่ซ่างฉิง นี่เจ้าเป็นผู้ที่ไร้ความปราณีและไร้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์มากเพียงใดกัน?”หลัวซิวถอนหายใจพลางส่ายหน้า จิตใจของไท่ซ่างฉิงมีเพียงการแสวงหาวิถี แทบจะไร้ความปราณี แต่ก็ยังคงมีสตรีผู้ภาคภูมิของสวรรค์ที่นับไม่ถ้วนเลื่อมใสศรัทธาในตัวเขาอยู่ดี ทุ่มเทความรู้สึกลงไปอย่างลึกซึ้ง
เมื่อลองถามใจตัวเองดู จู่ ๆ หลัวซิวก็ค้นพบว่าดูเหมือนตัวเองจะไม่สามารถตัดสินไท่ซ่างฉิงได้เลย เนื่องจากเขาในภพชาตินี้ก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ที่อารมณ์อ่อนไหวเช่นกัน มีสตรีทั้งหลายโอบล้อมอยู่รอบกาย
สิ่งที่เขาแตกต่างจากไท่ซ่างฉิงคือเขาไม่ได้ไร้ความปราณีปานนั้น และไม่ได้เลือกที่จะตัดขาดความรักความผูกพันเช่นกัน แต่แสวงหาใจกลางแห่งวิถียุทธ์อย่างมุ่งมั่น
“พี่ใหญ่หวั้งฉิง ข้าเชื่อว่าท่านต้องกลับชาติไปเกิดสำเร็จแล้วแน่นอน ฉะนั้นข้าจึงสร้างตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งหลังนี้ไว้ในจักรวาลกันดาร……”
มีลายเส้นตัวอักษรบางอย่างสลักอยู่บนโลงน้ำแข็ง บรรยายถึงจิตใจของสตรีนางหนึ่ง ขณะที่สลักลายเส้นตัวอักษรเหล่านี้ นางมิใช่จักรพรรดิเทพเทียนหย่งที่สูงส่งเย็นชา แต่เป็นสตรีนางหนึ่งที่ทุ่มเทความรักออกไปอย่างลึกซึ้ง
“แท้จริงแล้วข้ายินดีที่จะตายไปพร้อมกับท่าน กลับชาติไปเกิดพร้อมท่าน ทว่าเหตุใดท่านจึงไม่ให้แม้แต่โอกาสที่จะให้ข้าตายไปพร้อมท่าน?”
“ท่านบอกว่าท่านจะกลับชาติไปเกิดในจักรวาลกันดาร ข้าคอยมายาวนานอย่างไม่รู้จบ และคอยต่อไปมิไหวแล้ว ขณะที่ข้าใกล้จะสิ้นอายุไข ข้านอนอยู่ในโลงน้ำแข็งนี้ ก็เพื่อคอยวันที่ความทรงจำของท่านฟื้นฟูกลับคืนมาแล้ว จักสามารถมาพบหน้าข้าที่นี่หนหนึ่ง……”
“พี่ใหญ่หวั้งฉิง ท่านยังจำวันแรกที่เรารู้จักกันได้หรือไม่? ท่านคนเดียวต่อสู้กับเทพมารระดับเจ็ดสามคนพร้อมกัน มันช่างสง่างามและปราดเปรื่องมากเพียงใด งดงามดั่งหยก ทำให้ผู้พบเห็นไม่อาจลืมเลือน นับตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา ข้าก็ถูกท่านดึงดูดอย่างลึกซึ้ง จนไม่อาจถอนตัวออกมาจากความรู้สึกนั้น……”
หวั้งฉิงคือชื่อปลอมของไท่ซ่างฉิง ในชื่อของเขามีคำว่าฉิงซึ่งมีความหมายว่าความผูกพัน แต่เขากลับโบกมือตัดขาดความรักความผูกพัน เลือกที่จะปลงตกเพื่อทำให้จิตใจในการแสวงหาวิถีของตนมั่นคง
ตัดขาดความผูกพันแล้วลืมเลือน ทำร้ายหัวใจคนไปไม่รู้ตั้งเท่าใด
“เทียนหย่งเอ๊ย ไท่ซ่างฉิงมันคือไอ้ชาติชั่วคนหนึ่ง……”หลัวซิวเพ่งมองสาวงามแห่งยุคที่นอนหลับตาอยู่ในโลงน้ำแข็ง ภายในจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความขมขื่น
ถึงแม้ภพชาตินี้เขาจะไม่ใช่ไท่ซ่างฉิงอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเขาคือร่างที่ไท่ซ่างฉิงกลับชาติมาเกิด
เขาหลุดพ้นออกไปจากบ่วงกรรมทุกอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับไท่ซ่างฉิงไม่ได้
“เดิมทีแท้จริงแล้วข้าสามารถคงอยู่ได้หนึ่งยุคตรีภพ ทว่าหลังจากข้าทราบข่าวเรื่องท่านดับสลายสูญสิ้นไปพร้อมกับกงล้อวัฏจักรธรรมแล้ว สุดท้ายข้าก็กลั้นใจไม่ไหว ไปโลกสวรรค์แล้ว”
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ ดวงตาของหลัวซิวก็เปียกชุ่มขึ้นมาเล็กน้อย “เทียนหย่งเจ้านี่มันซื่อบื้อจริง ๆ ยังไม่ต้องพูดถึงผลการฝึกตนของเจ้าเป็นเพียงจักรพรรดิเทพระดับเก้า ต่อให้ท่านพ่อของเจ้ามหาจักรพรรดิยุทธ์โจ้เทียนยังคงอยู่ในโลก ก็ไม่กล้าบุกรุกเข้าไปในโลกสวรรค์ง่าย ๆ”