มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2482
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2482
หลัวซิวไม่ได้เรียกอสูรดูดจิตออกมาแต่อย่างใด เนื่องจากอสูรดูดจิตเป็นจ้าวมหาเทพขั้นสูงแล้ว ทันทีที่ปรากฏที่นี่ละก็ จะถูกลงโทษจากกฎเทียนเต้า
แต่ทว่าทันทีที่เขาออกจากเมืองมังกรครามยักษ์ ก็มีแสงกลดวงหนึ่งบินมาจาห้วงดารา ปรากฏตรงหน้าสกัดกั้นเขาเอาไว้
เมื่อเขม่นตามอง พบว่าผู้ที่มาขวางหลัวซิวคือชายหนุ่มผมขาวโพลน สีหน้าเสมือนเด็กคนหนึ่ง มีออร่าผู้แข็งแกร่งแดนจ้าวมหาเทพขั้นสูงแผ่กระจายออกมาจากร่างกาย
ถึงแม้เขาจะไม่เคยพบหน้าคนดังกล่าวมาก่อนก็ตาม แต่กลับคุ้นเคยออร่าของฝ่ายตรงข้ามอยู่ ขณะที่เขาสังหารเว่ยหนิง มีร่างผันตัวสำนึกร่างหนึ่งบินออกมาจากตัวหยั่งรู้ของเว่ยหนิง ซึ่งมีออร่าเหมือนคนดังกล่าวทุกประการเลย
ไม่ต้องพูดก็รู้แล้วว่าคนดังกล่าวก็คือจ้าวเกาะของเกาะเทียนเหอนั่นเอง ในห้วงดาราระดับล่างนี้ ก็มีเพียงคนดังกล่าวเท่านั้นที่สามารถใช้ผลการฝึกตนแดนจ้าวมหาเทพขั้นสูงออกเคลื่อนไหวได้ตามอำเภอใจ
“มึงคือผู้ใดกันแน่? แล้วมึงหลบเลี่ยงการลงโทษจากกฎเทียนเต้าได้อย่างไร?”ลักษณะภายนอกของจ้าวเกาะเทียนเหอดูหนุ่มมาก ๆ แต่น้ำเสียงกลับแก่เฒ่ามาก
“กูไม่มีเวลามาเสวนากับมึง ไสหัวไป!”บัดนี้หลัวซิวกำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของช่าจื่อเยียนและฉียู่หรงอยู่ ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นจ้าวเกาะเทียนเหอปรากฏตัว สีหน้าของเขาจึงเย็นยะเยือกถึงขีดสุด
“ช่างปากดียิ่งนัก กูก็อยากเห็นเช่นกันว่าศักยภาพของมึงจะเก่งเท่าปากหรือไม่”จ้าวเกาะเทียนเหอทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง พลังออร่าบนตัวค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามจังหวะ กดอัดห้วงดาราบริเวณรอบ ๆ จนแตกร้าว
“ไม่ไสหัวไปก็ตายซะ!”เงาร่างหลัวซิวกระพริบทีหนึ่ง ก่อนจะปล่อยหมัดไปทางจ้าวเกาะเทียนเหอจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
ปัจจุบันเขาเป็นร่างยุทธ์ระดับจ้าวมหาเทพขั้นสูงแล้ว ร่างกายของเขาสามารถเทียบทัดภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพ ไม่จำเป็นต้องใช้ของขลังอาวุธสงครามใด ๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับการลงมือโจมตีของหลัวซิว จ้าวเกาะเทียนเหอก็สุขุมมาก เขายกมือโบกทีหนึ่ง แหขนาดใหญ่ที่มีหลากหลายสีสันก็ถูกเขาเรียกออกมา ผนึกห้วงดาราผืนนี้เอาไว้ภายในเสี้ยววินาที
ตู้ม!
หมัดของหลัวซิวดูเรียบง่าย แท้จริงแล้วเขาได้กระตุ้นพลังอมตะอย่างหมัดจ้านเทียนด้วย การผนึกของแหใหญ่หลากหลายสีสันถูกฉีกกระชากจนเกิดเป็นช่องโหว่หนึ่งจุดภายในพริบตา
“ร่างยุทธ์จ้าวมหาเทพ!”
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ สีหน้าของจ้าวเกาะเทียนเหอก็เปลี่ยนไป มิน่าล่ะฝ่ายตรงข้ามถึงไม่ได้เรียกของขลังอาวุธสงครามออกมา การชุบร่างกายจนเทียบทัดภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพนั้น เลิศล้ำกว่าของขลังอาวุธสงครามทั้งปวงอย่างแน่นอน
หลังจากทลายการผนึกของแหใหญ่หลากหลายสีสันแล้ว หลัวซิวก็ใช้มือทั้งสองข้างประสานอิน ถัดจากนั้นหอกยุทธ์สีแดงเลือดล้วนเล่มหนึ่งก็ผนึกรวมกันในมือเขา
นี่คือพลังอมตะของหอกโลหิตสังหารสวรรค์ ซึ่งเป็นพลังอมตะไร้เทียมทานที่ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคย้อนสังหารสวรรค์!
จิตสังหารที่น่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตพรั่งพรูมา จ้าวเกาะเทียนเหออุทานคำว่าแย่แล้วในใจ ทว่าเขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย ก็รู้สึกว่าห้วงเวลาบริเวณรอบ ๆ ถูกทำให้หยุดนิ่งไปแล้ว
หอกโลหิตสังหารสวรรค์เหมือนดังมังกรพิษตัวหนึ่ง ประชิดใกล้เข้ามาตรงหว่างคิ้วของเขาด้วยความเร็วที่รวดมาก
เวลาหยุดนิ่งเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากพลังอมตะของกฎเวลาแต่อย่างใด แต่เป็นเกณฑ์เวลาที่ตระหนักรู้ได้จากแดนเทวนิรันกาล
ภายใต้การหยุดนิ่งจากพลังเกณฑ์ประเภทนี้ ทำให้จ้าวเกาะเทียนเหอไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะดิ้นรนหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้
อย่างไรก็ตามในขณะที่หอกโลหิตสังหารสวรรค์กำลังจะสังหารจ้าวเกาะเทียนเหออยู่นั้น จู่ ๆ หว่างคิ้วของจ้าวเกาะเทียนเหอก็แยกออก และมีแสงทองดวงหนึ่งบินออกมา พุ่งชนเข้ากับหอกโลหิตสังหารสวรรค์อย่างเงียบ ๆ
แคว็ก!
หอกโลหิตสังหารสวรรค์ที่ผนึกรวมกันอยู่ในมือหลัวซิวแหลกสลายแล้ว ราวกับแสงทองนั่นมีพลังที่แข็งแรงจนไม่อาจทำลายล้างได้ ฉีกกระชากการหยุดนิ่งของเกณฑ์เวลา ทำให้จ้าวเกาะเทียนเหอกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง ก่อนจะถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
“พลังแห่งสวรรค์?”
สีหน้าที่เยือกเย็นของหลัวซิวก็เปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน เขาต้องคุ้นเคยต่อพลังแห่งสวรรค์เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ความน่าสยดสยองของมฤตยูมหากาพย์ของชางเทียนหมิงทำให้เขาจดจำได้อย่างลึกซึ้งเลยล่ะ