มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2489
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2489
ณ ตำหนักตระกูลฉี ปริภูมิข้างจ้าวฉีเชิงสั่นเทิ้ม ก่อนจะมีระลอกคลื่นสั่นกระเพื่อมออกไป ถัดจากนั้นก็มีเงาดำร่างหนึ่งเดินออกมาจากระลอกคลื่นปริภูมิ ซึ่งคนดังกล่าวก็คือบรรพอาจารย์ใหญ่แห่งตระกูลจ้าว จ้าวฉีเทียน!
จ้าวฉีเทียนขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งโลกะดาราอัมพรเทว จำนวนกึ่งจ้าวมหาเทพในโลกะดาราอัมพรเทวมีไม่น้อย แต่เขากลับถูกเรียกว่าบุคคลอันดับหนึ่ง ศักยภาพจึงไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
ในความเป็นจริงจ้าวฉีเทียนไม่เคยลงไม้ลงมือมานานมาก ๆ แล้ว เวลาส่วนมาก การคงอยู่ของเขาก็คือการกดอัดอย่างหนึ่ง ทำให้กองกำลังอื่น ๆ หรือสำนักตระกูลแม้นจะมีกึ่งจ้าวมหาเทพคอยคุ้มกันรักษา ก็ไม่กล้ามารุกรานตระกูลจ้าวง่าย ๆ
เสี้ยววินาทีที่จ้าวฉีเทียนปรากฏ ก็มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากตัวเขา แต่ทว่าเมื่อเขาเห็นหน้าหลัวซิว รูม่านตาจึงหดลงกะทันหันอย่างควบคุมไม่ได้
“เจ้าเองหรือ!”
จ้าวฉีเทียนจะไม่รู้จักหลัวซิวได้อย่างไร เขาก็เข้าร่วมงานประมูลในเมืองมังกรครามยักษ์เช่นกัน หลังจากงานประมูลสิ้นสุดลงแล้ว เขายิ่งเห็นหลัวซิวสังหารผู้อาวุโสจ้าวมหาเทพของเกาะเทียนเหอด้วยตาตนเอง
“ผู้ช่วยมาถึงแล้วหรือ? ในเมื่อมาครบแล้ว เช่นนั้นเดี๋ยวกูจะส่งพวกมึงไปลงนรกพร้อมกันเอง!”
สีหน้าหลัวซิวไร้อารมณ์ เขาตัดสินใจที่จะถอดรากถอนโคนตระกูลจ้าวแล้ว เพื่อเป็นการทำให้ฉียู่หรงและตระกูลฉีปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ก่อนสภาพอาการบาดเจ็บของตนจะฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมและจากไป เขายิ่งวางแผนที่จะช่วยตระกูลฉีขจัดอุปสรรคทั้งปวงทิ้ง ประคองตระกูลฉีขึ้นมา
“ช้าก่อน……”สีหน้าของจ้าวฉีเทียนเปลี่ยนไป เขาสามารถสัมผัสได้ว่าจิตสังหารของหลัวซิวไม่ได้เป็นการข่มขู่ หากสามารถจัดการเรื่องนี้อย่างสันติภาพ เขาไม่มีทางอยากเป็นศัตรูกับคนอย่างหลัวซิวแน่นอน
แต่หลัวซิวกลับไม่ให้โอกาสเขาได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ง้างมือแล้วปล่อยหมัดออกไปโดยตรง
หมัดจ้านเทียน!
ท้องฟ้าถูกฉีกกระชาก กำปั้นของหลัวซิวก้าวรุดไปข้างหน้าอย่างองอาจ ราวกับสามารถบดขยี้พลังกีดกันทั้งปวงในโลกหล้านี้ให้แหลกสลายได้ยังไงอย่างนั้น
“หลัวซิว เจ้าอย่าได้ข่มเหงรังแกกันจนมากเกินไปนะ!”
จ้าวฉีเทียนตะคอกเสียงดังลั่นอย่างพิโรธ เมื่อเห็นว่าหลัวซิวไม่ให้ตัวเองมีโอกาสได้พูดอะไร เขาก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้จบไม่สวยแน่นอน เจ้าหมอนี่จะจัดการตระกูลจ้าวของพวกเขาให้ได้เลย
เห็นเพียงมีรังสีเป็นประกายระยิบระยับตรงจุดตันเถียนของจ้าวฉีเทียน จากนั้นก็มีสมบัติที่เหมือนดั่งลูกแก้วบินออกมา ลอยอยู่เหนือศีรษะเขา และมีออร่ากฎเทียนเต้าที่ล้ำลึกถึงขีดสุดไหลเทลงมา
ในขณะเดียวกัน จ้าวฉีเชิงก็เรียกภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพออกมาอย่างไม่ลังเลใจเช่นกัน จิตสังหารและควันหลงที่มากมายมหาศาลม้วนซัดออกไป ทำลายสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในตำหนักตระกูลฉี
“ถอย!”
บรรพอาจารย์ตระกูลฉีตัดสินใจโดยเร็วอย่างเด็ดขาดในช่วงนาทีวิกฤต ตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง ก่อนจะคุ้มกันผู้คนในตระกูลฉีแล้วถอยออกไปจากเขตพื้นที่นี้
ตู้มม!
หมัดจ้านเทียนและภัณฑ์ล้ำจ้าวมหาเทพพุ่งชนกัน ควันหลงที่น่ากลัวซัดกระหน่ำออกไป มีคนจากตระกูลจ้าวจำนวนมากที่ถอยไม่ทันถูกกระทบกระเทือน แล้วดับสลายสูญสิ้นคาที่ เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเผชิญหน้ากับร่างยุทธ์ระดับจ้าวมหาเทพขั้นสูง ของขลังของจ้าวฉีเชิงถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปแล้วแตกร้าว ส่วนตัวจ้าวฉีเชิงเองก็ถูกพลังแว้งโจมตีเช่นกัน กระอักเลือดคาที่
สำหรับคู่ต่อสู้ระดับคนอย่างจ้าวฉีเชิงนั้น หลัวซิวไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ แต่สมบัติที่จ้าวฉีเทียนเรียกออกมากลับทำให้เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย
สมบัติชิ้นนั้นเป็นสมบัติลักษณะทรงกลมที่เหมือนหลอมสร้างมาจากผลึกหิน เหมือนดั่งดาราดวงหนึ่ง มีออร่าของกฎในจักรวาลฟ้าดินไหลเทออกมา ครอบจักรวาล
หลัวซิวคุ้นเคยกับพลังออร่าประเภทนี้มาก เพียงแวบเดียวเขาก็ดูออกแล้ว นี่คือของขลังชิ้นหนึ่งที่กลั่นมาจากกมลโลกา!
กมลโลกาเป็นสมบัติที่ผนึกรวมมาจากกฎเทียนเต้า จอมยุทธ์ที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงราชาเทพเป็นต้นไป ก่อนนั่งฌานละสังขารเมื่อนำดั้งเดิมของตนเองหลอมรวมกับกมลโลกา ก็จะสามารถบุกเบิกโลกาดาราออกมาได้หนึ่งใบ คอยจ้องหาโอกาสครองวิญญาณกำเนิดใหม่
จ้าวมหาเทพที่บุกเบิกโลกะดาราอัมพรเทวคือบรรพบุรุษตระกูลจ้าว กมลโลกาที่ใช้บุกเบิกโลกะดาราอัมพรเทว จึงกลายเป็นสมบัติที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณของตระกูลจ้าวอยู่แล้ว สืบทอดต่อรุ่นสู่รุ่น