มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2491
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2491
หลังจากล้มล้างตระกูลจ้าวไปแล้ว หลัวซิวไม่ได้ซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลฉีอีก เมื่อเขาพาเสี่ยวเจียงหมิงปรากฏตรงหน้าช่าจื่อเยียน ช่าจื่อเยียนก็ปล่อยโฮออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นช่าจื่อเยียนหรือเสี่ยวเจียงหมิง ต่างไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เสี่ยวเจียงหมิงก็เหมือนอย่างที่หลัวซิวกล่าวมาจริง ๆ รูปร่างลักษณะของเขายังคงเป็นเด็กเช่นเคย ไม่ได้เจริญเติบโตขึ้นเพราะกาลเวลาที่ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลัวซิวไม่พูด ก็จะไม่มีผู้ใดทราบ เพื่อเป็นการฟื้นคืนชีพเสี่ยวเจียงหมิง เขาได้ย้อนเวลากลับและตนก็เกือบเสียชีวิตไปด้วย
“ท่านชาย……”
ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ฉียู่หรงล้วนยุ่งอยู่กับกิจธุระในตระกูล นางหาเวลาว่างจากงานที่ยุ่งเหยิงมาพบหลัวซิว
นางไม่ได้ถามหลัวซิวว่าเหตุใดจึงต้องลงมายังโลกามนุษย์ สำหรับนางแล้ว ตัวนางเองเฝ้ารำพึงหาและอยากเจอเขาทุกวินาที และในเมื่อเขามาแล้ว เหตุใดจึงต้องถามถึงเหตุผลด้วยเล่า?
สิ่งที่นางรู้สึกใส่ใจมากกว่ากลับเป็นเรื่องที่หลัวซิวจะจากไปเมื่อใด เนื่องจากนางทราบอยู่ว่าทันทีที่หลัวซิวจากไปแล้ว การที่นางอยากจะพบเขาอีกครั้งนั้น ก็ไม่รู้แล้วว่าต้องรออีกนานเท่าไหร่
นั่งประจันหน้ากัน ฉียู่หรงลุกขึ้นมาชงชาให้เขาอย่างอ่อนโยน หลัวซิวมองดูกิริยาท่าทางของนางพลางถอนหายใจในใจเบา ๆ ก่อนจะพูด: “ยู่หรง เจ้ายังวางแผนที่จะอยู่ที่นี่ต่อหรือ? จะไม่ไปยอดอัมพรพร้อมข้าจริง ๆ หรือ?”
ร่างกายอันอ่อนช้อยของฉียู่หรงสั่นคลอนเล็กน้อย “ท่านชายอยากให้ข้าไปพร้อมท่านมากเลยหรือ?”
หลัวซิวยกถ้วยชาขึ้นมา “สุดท้ายแล้วโลกะดาราอัมพรเทวก็เป็นเพียงห้วงดาราระดับล่าง เมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ก็จะไม่มีวันบรรลุถึงแดนจ้าวมหาเทพ เจ้าไม่ใฝ่หาฟ้าดินที่กว้างใหญ่กว่าหรือ? เหตุใดจึงต้องเฝ้ารักษาอยู่ในตระกูลฉีด้วย?”
“ข้ารู้ว่าตระกูลฉีมีความสำคัญต่อเจ้ามาก แต่ข้าสามารถจัดแจงเรื่องทุกอย่างเพื่อเจ้าได้ ข้าสามารถทิ้งทางหนีทีไล่ไว้ให้ตระกูลฉี ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถแตะต้องตระกูลฉีที่อยู่ในโลกะดาราอัมพรเทวได้”
สามารถพูดได้เลยว่าฉียู่หรงเป็นหนึ่งในคนใกล้ชิดที่หลัวซิวใส่ใจ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น หลัวซิวไม่มีทางพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินหลัวซิวพูดเช่นนี้ ฉียู่หรงจึงยิ้ม “ท่านชายไม่เข้าใจจริง ๆ หรือว่าเหตุใดข้าถึงต้องอยู่ในตระกูลฉี?”
นางกำลังยิ้มอย่างพราวเสน่ห์ ดวงตาที่ใสแจ๋วปานดวงดาวเขม็งมองดวงตาหลัวซิว
มือที่จับถ้วยชาของหลัวซิวชะงักลงไปเล็กน้อย เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรเล่า แต่ทว่าเรื่องของความรู้สึกมันจะอธิบายง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร?
เขาเข้าใจจิตใจของฉียู่หรงที่มีต่อตนเองอยู่ แต่ในใจเขามีเยว่เอ๋อร์และซีโรว่แล้ว ฉียู่หรงที่อยู่ในใจเขานั้น ก็เป็นแค่สหายที่ค่อนข้างใกล้ชิด ซึ่งไม่มีความรู้สึกระหว่างหนุ่มสาวแต่อย่างใด
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาอะไรกับฉียู่หรง เนื่องจากเขาไม่มีทางหลอกนาง และจะไม่ใช้เรื่องเช่นนี้มาหลอกตัวเองด้วย
หลัวซิวนิ่งเงียบไปแล้ว เขาไม่สามารถให้คำมั่นสัญญากับฉียู่หรง เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
ฉียู่หรงก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน ภายในใจนางอยากจากไปพร้อมกับหลัวซิวมากถึงมากที่สุด แต่นางไม่อยากคอยติดตามอยู่ข้างกายเขา แล้วสุดท้ายกลับทำได้เพียงมองดูเงาหลังของเขาเงียบ ๆ
ถ้าเกิดหลัวซิวยอมรับความรู้สึกของนาง นางก็ยินดีที่จะทอดทิ้งทุกอย่างแล้วคอยติดตามเขา แต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหลัวซิวยังไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ เช่นนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการเฝ้ารอความรักที่ไม่มีวันได้ครอบครอง นางยินดีที่จะลืมเลือนซึ่งกันและกันอยู่ในยุทธจักร นำความรู้สึกนี้ฝังอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจตลอดไป
ทั้งสองต่างเป็นคนที่มีเจตนาเดิมและหลักการที่ยึดถือ ไม่มีผู้ใดยอมประนีประนอมเรื่องความรักเลย
หลัวซิวเดินทางไปตระกูลหวู ตระกูลโปและตระกูลไป๋เที่ยวหนึ่ง จากหกตระกูลใหญ่แห่งโลกะดาราอัมพรเทวในอดีต ตระกูลจู้และตระกูลจ้าวไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่าฉียู่หรงจะยินดีหรือไม่ยินดีที่จะจากไปพร้อมตัวเอง หลัวซิวก็รู้สึกว่าตัวเองมีความจำเป็นต้องทำเรื่องราวบางอย่างเพื่อนาง
เขาเดินทางไปสามตระกูล และไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาพูดแค่สองประโยค ประโยคแรกคือข้าเป็นผู้ดูแลตระกูลฉี ประโยคที่สองคืออย่าได้เป็นศัตรูกับตระกูลฉี