มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2522
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2522
การได้รับต้นมายาเมฆร้อยดาราหนึ่งต้นนั้น สามารถพูดได้เลยว่าเป็นดอกผลที่อยู่เหนือการคาดหมายของหลัวซิว แต่ทว่านี่ยังไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับยาเซียนจำนวนมากที่เจริญเติบโตอยู่ในห้วงกาลแดนแห่งนี้แล้ว สิ่งที่หลัวซิวสนใจมากกว่ากลับเป็นความลับที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของห้วงกาลแดนแห่งนี้
จากการที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป นอกจากหลัวซิวแล้ว คนอื่น ๆ ก็ประชิดใกล้เข้าไปตรงแถบศูนย์กลางของห้วงกาลแดนอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน ต่อให้ห้วงกาลแดนแห่งนี้จะกว้างใหญ่มากเพียงใด ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่มีทางกว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต
พระโอรสจ้านเทียน ฟางห้าวหยูและมู่จื่อเซียวล้วนเป็นบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์ ในมือของทุกคนล้วนยืนกุมท่าไม้ตายที่ทรงพลัง ถึงแม้ผลการฝึกตนจะอยู่ในระดับจ้าวมหาเทพ แต่กลับมีอุบายที่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเทพได้
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เหล่าผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสที่อยู่แดนจ้าวมหาเทพขั้นสูง ยอมสละโอกาสในการเข้ามาในห้วงกาลแดนแห่งนี้โดยการใช้ยาเซียนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แลก แต่เป็นการนำโอกาสมอบให้พวกเขา
เมื่อเปรียบเทียบจ้าวมหาเทพตลอดจนจักรพรรดิเทพที่อาวุโสกว่าหนึ่งรุ่นแล้ว บุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์อย่างพวกเขาถึงจะเป็นความหวังในอนาคตของสำนักและตระกูลต่างหาก พวกเขาทุกคนล้วนมีศักยภาพและโอกาสที่จะสามารถบรรลุกลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ในอนาคต
หากไม่มีอะไรผิดพลาด มหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ไร้เทียมทานในอนาคตต้องกำเนิดจากหนึ่งในพวกเขาอย่างแน่นอน
พวกเขาทุกคนล้วนมีจิตใจที่เย่อหยิ่ง แต่ทุกคนกลับเคยเสียเปรียบอยู่ในเงื้อมมือของคนคนหนึ่ง ซึ่งคนคนนั้นก็คือหลัวซิว
ทั้งห้วงกาลแดนล้วนมีป่าไม้ต้นไม้ใบขึ้นอยู่อย่างหนาทึบ หลัวซิวเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้วงกาลแดน และเป็นคนแรกที่มาถึงแถบศูนย์กลางของห้วงกาลแดนแห่งนี้เช่นกัน
เขตศูนย์กลางของห้วงกาลแดนแห่งนี้แตกต่างจากสถานที่อื่น ๆ เพราะมันรกร้างว่างเปล่าและเงียบเหงาจนแปลกประหลาด
ร่างลอยอยู่กลางนภา หลัวซิวเบิ่งมองออกไปไกล ๆ มีพลังออร่าสิบพลังลอยวนเป็นเกลียวอยู่ ณ สถานที่รกร้างว่างเปล่านั่น หนึ่งในพลังออร่านั้นมีปณิธานและพลังชีวิตที่มากมายมหาศาลอย่างไร้ที่สิ้นสุดแฝงซ่อนอยู่ เหล่าต้นไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวแห้งกลับมามีชีวิตชีวาบนแผ่นดินใหญ่ที่เงียบเหงาว่างเปล่า เปี่ยมล้นไปด้วยความมีชีวิตชีวา
อย่างไรก็ตามถัดจากนั้น กลับมีพลังออร่าที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งพรั่งพรูออกมา ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งจนไม่คงอยู่อีกต่อไป
เขตพื้นที่แห่งนี้อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตและพลังทำลายล้างสุดล้ำ หมุนเวียนเป็นวัฏจักร พืชไม้จำนวนมากเพิ่งงอกเงยขึ้นมาใหม่ จากนั้นมันก็จะถูกทำลาย หลังจากถูกทำลายล้างแล้วก็งอกเงยขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็ถูกทำลายล้างอีก……
หลัวซิวคุ้นเคยกับพลังแห่งการเวียนว่ายตายเกิดดีมาก ๆ ซึ่งมันก็คือพลังแห่งชิงเทียนในศิลาผนึกปีศาจนั่นเอง ส่วนพลังออร่าที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งนั้น หรือมันจะเป็นเทพปีศาจนี่เทียนที่ถูกชิงเทียนกดอัดในยุคไท่ชู?
หลัวซิวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าการคาดคะเนของตนถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากครั้นเมื่อไท่ซ่างฉิงในอดีตบุกรุกเข้าไปในหุบเขาผนึกปีศาจ เทพปีศาจนี่เทียนถูกกดอัดอยู่ ทำได้เพียงใช้ปณิธานสำรวจโลกภายนอกแล้วชี้แนะการฝึกตนให้แก่ไท่ซ่างฉิง แต่กลับไม่มีพลังออร่ารั่วไหลออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นหลัวซิวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าพลังออร่าของเทพปีศาจนี่เทียนเป็นอย่างไรกันแน่
ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็เห็นตราประทับหนึ่ง และตราประทับดังกล่าวได้ตรานาบอยู่ในอนัตตา ยังคงสามารถมองเห็นเค้าโครงของนิ้วมือทั้งห้าได้อยู่ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ภายในขอบเขตที่ตราประทับดังกล่าวแผ่คลุมล้วนดับสูญ ไม่คงอยู่อีกต่อไป แม้แต่พลังแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถซ่อมแซมอนัตตาที่ถูกตราประทับนี้ทำลายล้าง
ต่อมาหลัวซิวก็มองเห็นหลุมลึกอีกหนึ่งหลุม และพลังแห่งการเวียนว่ายตายเกิดที่มากมายมหาศาลก็พรั่งพรูออกมาจากหลุมดังกล่าวนี่แหละ เขาแผ่ขยายตัวสำนึกของตัวเองออกไป และมองเห็นเม็ดเลือดที่แวววาวปานอำพันหนึ่งเม็ด!
โลหิตแห่งชิงเทียน!
เมื่อตัวสำนึกของหลัวซิวสังเกตเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เขาก็ต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างอดไม่ได้ ก่อนจะมีภาพเหตุการณ์หนึ่งปรากฏในหัวเขาอย่างควบคุมไม่ได้ ในยุคสมัยอันไกลโพ้น ชิงเทียนและเขาเคยประมือกันที่นี่ ผู้ที่ไร้เทียมทานอย่างชิงเทียนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน จนมีเลือดไหลออกมาหนึ่งหยด
ณ เสี้ยววินาทีนี้ หลัวซิวเกิดอารมณ์ชั่ววูบบางอย่างลาง ๆ นั่นก็คือปลดปล่อยพลังอมตะอย่างกาลเวลาไหลรวย ทำการย้อนเวลาอีกครั้ง เขาจะสืบสาวราวเรื่องไปจนถึงสายน้ำแห่งกาลเวลาในอดีต ไปดูศึกสงครามที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นกับตาตัวเอง!