มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2526
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2526
มือใหญ่สีเขียวทั้งหลายถูกเขาเฉือนสับจนแหลกเป็นชิ้น ๆ ทว่าถัดจากนั้นมือใหญ่ที่แตกสลายเหล่านั้นก็ต่างพากันประกอบเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้ง พุ่งขยำเข้าไปทางเขาต่อโดยที่พลานุภาพไม่ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งนี่คือคุณสมบัติที่การเวียนว่ายตายเกิดของพลังแห่งชิงเทียนนั่นเอง แทบจะไม่สามารถทำลายล้างพลังประเภทนี้ได้เลย
“หอกโลหิตสังหารสวรรค์!” “ตราประทับปรปักษ์สวรรค์!” “มนตราควานฝัน!” ……
หลัวซิวปลดปล่อยพลังอมตะต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการสรรพสิ่ง แต่พลังอมตะทั้งหลายล้วนไม่สามารถทำลายมือใหญ่สีเขียวได้โดยสิ้นเชิง
ตู้มม!
จากการที่มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้นจนท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือน ร่างกายของหลัวซิวก็กระเด็นออกไป พร้อมกับกระอักเลือด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฝั่งเขา ก็ทำให้พวกพระโอรสจ้านเทียนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการตระหนักรู้พลังเต๋าตื่นตกใจเช่นกัน สายตาทั้งหลายล้วนเพ่งเล็งไปบนตัวหลัวซิวพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
หลัวซิวไม่ได้สนใจคนอื่น เขานั่งท่าขัดสมาธิลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า กฎไร้ลักษณ์กำลังโคจรอยู่ในร่างกาย บดขยี้ ทำลายล้างพลังแห่งชิงเทียนเสี้ยวหนึ่งที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
แต่พลังเสี้ยวนี้กลับเวียนว่ายตายเกิด ไหลเวียนอยู่ในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังออร่าของเขายิ่งอยู่ยิ่งไม่มั่นคง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจสักทีว่าเหตุใดชิงเทียนถึงถูกขนานนามว่าเป็นสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคไท่ชูแล้ว เนื่องจากแม้นพลังแห่งชิงเทียนจะดูธรรมดาเรียบง่าย ทว่าแท้จริงแล้วมันกลับน่ากลัวมาก พลังประเภทนี้เวียนว่ายตายเกิด คาดว่าพลังแห่งเวหาหรือพลังแห่งปรโลกที่มีพลังโจมตีและพลังทำลายล้างแข็งแกร่งก็น่าจะถูกกดอัดได้เช่นกัน
พลังประเภทนี้เหมือนดั่งชั่วนิรันดร์ ขอแค่คงอยู่ มันก็จะสามารถคงอยู่ได้ตลอดไป ไม่อาจทำลายล้าง ไม่อาจมอดไหม้
นี่จึงทำให้หลัวซิวนึกถึงหินนิรันดร์อย่างอดไม่ได้ ภายในหินนิรันดร์มีเกณฑ์นิรันดร์แฝงซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นพลังอีกขั้นหนึ่งของกฎชีวิต หลัวซิวรู้สึกว่าอันที่จริงเกณฑ์นิรันดร์ก็ใกล้เคียงกับพลังแห่งชิงเทียนมาก ๆ แล้ว
“ท่านชาย ท่านเป็นกระไรหรือไม่?”เสิ่นปิงหยูเดินตรงเข้ามา กอดปลอกกระบี่ไว้ในอ้อมอก คอยระแวดระวังพวกพระโอรสจ้านเทียนที่อยู่รอบ ๆ
“ข้าไม่เป็นอะไร”หลัวซิวส่ายหน้า แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เขาไม่สามารถทำอะไรกับพลังแห่งชิงเทียนได้จริง ๆ สุดท้ายจึงอาศัยศิลาผนึกปีศาจเก็บพลังแห่งชิงเทียนที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายไป
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวไม่เป็นอะไร เสิ่นปิงหยูจึงพยักหน้า แต่กลับไม่ได้ตระหนักในพลังเต๋าของสถานที่แห่งนี้ต่อ คอยยืนคุ้มกันอยู่ข้างกายหลัวซิวอย่างเงียบ ๆ
“เจ้าไม่ต้องสนใจข้า การที่สามารถตระหนักรู้ในพลังเต๋าของสถานที่แห่งนี้ได้นั้น ถือเป็นโชคโอกาสหนึ่งของเจ้า หากสามารถตระหนักความล้ำลึกได้เสี้ยวหนึ่ง มันจะส่งผลที่ไม่อาจจินตนาการต่อการฝึกกฎตรีภพในอนาคตของเจ้า”หลัวซิวมองความตั้งใจของเสิ่นปิงหยูออกแล้ว จึงยิ้มพลางพูด
“ได้เจ้าค่ะ”เสิ่นปิงหยูยิ้มแย้ม นางเชื่อมั่นในตัวหลัวซิวมาก ๆ ถึงแม้จะไม่มีการผูกมัดของคำมั่นสัญญาด้วยตัวธรรมเมื่อปีก่อน นางก็จะเชื่อมั่นในตัวเขาโดยธรรมชาติ ซึ่งความเชื่อมั่นเช่นนี้มันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ๆ แต่เป็นเพราะคนอย่างหลัวซิวมีเสน่ห์ส่วนบุคคลของตัวเขาเอง
ฟางห้าวหยูขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เขาสามารถดูออกอยู่ว่าหลัวซิวบาดเจ็บเพราะเมื่อครู่เขาอยากบุกเข้าไปในสถานที่ที่มีพลังเต๋าสองประเภทนี้ตลบฟุ้ง พลังเต๋าสองประเภทนี้ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้ แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ การที่เขาสามารถตระหนักในพลังเต๋าได้นั้นก็ถือว่ายากลำบากมาก ๆ แล้ว ซึ่งเขายังไม่เคยมีความคิดที่จะบุกเข้าไป
แต่สิ่งที่เขาไม่กล้าทำ หลัวซิวกลับกล้าทำ อีกทั้งยังสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยด้วย
ไม่เพียงแค่ฟางห้าวหยูเท่านั้น คนอื่นที่เหลือต่างก็มีความคิดในทำนองเดียวกันเช่นกัน พลังเต๋าของสถานที่แห่งนี้แข็งแกร่งมากจนทำให้ผู้คนเคารพยำเกรง พวกเขาแค่กล้าตระหนักรู้ความลี้ลับที่แฝงซ่อนอยู่ภายในอยู่ตรงบริเวณแถบขอบนอกเท่านั้น แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะก้าวข้ามผ่านไปแม้แต่ก้าวเดียว
หลัวซิวเบื่อที่จะไปคาดเดาว่าคนอื่นคิดอย่างไร และเขาก็ไม่อยากไปสนใจด้วย จากการหยั่งเชิงในเมื่อครู่นี้ เขาก็ทราบแล้วว่าหากจะอาศัยศักยภาพของตัวเองฝืนบุกเข้าไปนั้น มันไม่มีโอกาสสำเร็จแม้แต่น้อยแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวจึงพักผ่อนครู่หนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังเขตพลังเต๋าอีกครั้งหนึ่ง ศิลาผนึกปีศาจที่อยู่ในห้วงจักรหยั่งรู้ส่องสว่างโชติช่วง มีรัศมีสีเขียวดวงเล็ก ๆ บินออกมาจากร่างกายเขา และกลายเป็นม่านแสงคุ้มกัน คอยคุ้มกันอยู่รอบกายเขา
เวิ่ง!
บางทีอาจเป็นเพราะเกิดความรู้สึกร่วมกับพลังแห่งชิงเทียน จึงมีแรงสั่นที่ทรงพลังสะท้อนออกมาจากหลุมที่อยู่ในเขตพลังเต๋านั่น ถัดจากนั้นก็มีแสงที่สีสันงดงามดวงหนึ่งบินออกมา แล้วพุ่งตรงไปทางหลัวซิว
ซึ่งภายในรัศมีที่สีสันงดงามดวงนั้น ก็คือโลหิตแห่งชิงเทียนที่แวววาวปานอำพันนั่นเอง!