มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2527
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2527
มีรังสีแห่งความสุขใจปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว เดิมทีเขาคิดว่าต้องใช้อำนาจฝืนบุกเข้าไปถึงจะได้ครอบครอง ไม่นึกเลยว่าแค่พลังแห่งชิงเทียนที่แฝงซ่อนอยู่ในศิลาผนึกปีศาจก็สามารถดึงดูดให้โลหิตแห่งชิงเทียนบินออกมาได้แล้ว
อย่างไรก็ตามความคิดนี้ของเขากลับไร้เดียงสามากไปหน่อย สิ่งที่ตลบฟุ้งอยู่ในเขตพื้นที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงพลังแห่งชิงเทียนของพลังเต๋าเท่านั้น ยังมีพลังเต๋าของพลังแห่งนิพพานด้วย!
ตราประทับที่ตรานาบอยู่ในอนัตตาก็ผนึกรวมมาจากพลังแห่งนิพพานนี่แหละ แล้วความหมายที่มันคงอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้นั้น ก็คือกดอัดโลหิตแห่งชิงเทียนของสถานที่แห่งนี้
เพราะฉะนั้นขณะที่โลหิตแห่งชิงเทียนถูกศิลาผนึกปีศาจดึงดูดแล้วบินออกมา จู่ ๆ ตราประทับที่ตรานาบอยู่ในอนัตตาก็สั่นเทิ้มขึ้นมา ก่อนจะมีมือใหญ่ที่ดำสนิทดั่งหมึกกดอัดลงมา
เสี้ยววินาทีที่ตราประทับดังกล่าวกดอัดลงมา หลัวซิวก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าตัวเองดับหายไปหมด ราวกับทั้งฟ้าดินในเหลือเพียงตราประทับสีดำนั่น สรรพวิชาและทุกสรรพสิ่งในโลกหล้าล้วนถูกทำลายล้าง ไม่คงอยู่อีกต่อไปเมื่ออยู่ภายใต้ตราประทับดังกล่าว!
หลัวซิวตกตะลึงหนักมากจนหน้าถอดสี เขาโคจรวิถีไร้ลักษณ์โดยที่ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย วิวัฒนาการกฎห้วงเวลา พยายามลองต้านทานมือใหญ่ที่กดอัดลงมา แต่ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าตราประทับดังกล่าว กฎทั้งปวงก็เหมือนภาพมายา ไม่มีแรงที่จะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
ตู้มม!
หลัวซิวเผาผลาญพลังและเลือด เมื่ออยู่ภายใต้การกระตุ้นและเผาผลาญพลังและเลือดทั้งร่างกาย ตรงหว่างคิ้วเขาก็ปริแยกออก จากนั้นศิลาผนึกปีศาจก็บินออกมา
ขณะที่ศิลาผนึกปีศาจถูกเขาเรียกออกมา ตราประทับสีดำก็ประชิดใกล้ศีรษะเขาแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากศิลาผนึกปีศาจบินออกมาแล้ว มันก็ได้พุ่งชนเข้ากับตราประทับสีดำ
ไม่มีเสียงดังลั่นที่มโหฬารพันลึก มีเพียงความเงียบเหงาในฟ้าดิน ระลอกคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระเพื่อมออกไป ทุกตำแหน่งที่ระลอกคลื่นเคลื่อนผ่าน ทุกสิ่งอย่างล้วนดูเงียบสงบมาก แต่มันกลับเงียบสงัด
หลัวซิวกระอักเลือดสีแดงสดออกมาจากปากอย่างบ้าคลั่ง เขาถึงขั้นลืมไปแล้วว่าตัวเองกระอักเลือดออกมามากเท่าไหร่ เขารู้สึกว่าพลังชีวิตในร่างกายตัวเองแทบจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว ร่างกายเปราะบางมากจนสามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ แล้วกลายเป็นฝุ่นผง
พวกพระโอรสจ้านเทียนก็ตกตะลึงหนักมากจนหน้าถอดสีเช่นกัน ต่างพากันถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็วโดยที่หวาดผวามาก ระลอกคลื่นสั่นกระเพื่อมขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างเงียบ ๆ ทุกคนล้วนรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ต่างกระอักเลือดเฮือกใหญ่
หลังจากทุกสิ่งอย่างค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาสงบเหมือนเก่าแล้ว ร่างกายของหลัวซิวก็ล้มนอนลงบนพื้นเหมือนโคลน รัศมีของศิลาผนึกปีศาจหม่นหมองลง และบินกลับเข้ามาในห้วงจักรหยั่งรู้ ฝ่ามือข้างขวาของเขากำลังกำเลือดสดที่แวววาวปานอำพันหนึ่งหยด
เลือดหยดนี้เหมือนอัญมณีหนึ่งเม็ด เมื่อกำอยู่ในมือแล้วไม่มีความรู้สึกเหนี่ยวเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามมันกลับเหมือนแก่นแท้ซะมากกว่า
ตราประทับสีดำไม่ได้หายไปแต่อย่างใด มันยังคงตรานาบอยู่ในอนัตตาเขตพลังเต๋า แต่โลหิตแห่งชิงเทียนถูกเขาเอาไปแล้ว พลังเต๋าของพลังแห่งชิงเทียนจึงหายไป ดังนั้นเขตพื้นที่ที่มีพลังเต๋าสองประเภทอัดแน่นอยู่ในตอนแรก จึงเหลือเพียงพลังเต๋านิพพาน
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น พลังเต๋านิพพานยังมีแนวโน้มที่จะแผ่ขยายไปทั่วทุกสารทิศอย่างรวดเร็วด้วย ใช้เวลาไม่นาน ทั้งห้วงกาลแดนก็จะจมหายไปในพลังแห่งนิพพาน พื้นที่แห่งนี้ก็จะสลายหายไปพร้อมกับนิพพานเช่นกัน และไม่คงอยู่โดยสมบูรณ์!
ปฏิกิริยาแรกของหลัวซิวก็คือรีบหนีออกจากที่นี่ แต่ทว่าภายใต้การโจมตีของตราประทับนิพพานในเมื่อครู่นี้ ร่างกายเขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักมาก แม้แต่นิ้วมือก็ขยับไม่ได้เลย
โครมม!
มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้อนลงมาจากท้องฟ้า แสงดาบสีทองดวงหนึ่งจุติลงมา แสงดังกล่าวยาวหลายสิบไมล์ มโหฬารพันลึก กดอัดทุกสรรพสิ่ง เฉือนสับไปทางหลัวซิว
ร่างกายของเสิ่นปิงหยูเหมือนดั่งห่านฟ้าที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กระบี่ตรีภพที่อยู่ในอ้อมอกหลุดออกมาจากปลอกอย่างรวดเร็ว แต่กลับรู้สึกว่ากิริยาท่าทางของมือช้าลงกะทันหัน กระบี่เทพที่สามารถชักออกมาได้ภายในเสี้ยววินาทีในตอนแรก วินาทีนี้ถึงขั้นช้าลงสิบกว่าเท่า!
“ฟางห้าวหยู! เจ้าอยากตายหรือ?”
เสิ่นปิงหยูตะคอกอย่างเยือกเย็น กฎตรีภพปะทุออกมาจากร่างกาย ถึงแม้ยังหลุดพ้นจากผลกระทบของกฎเวลาไม่ได้โดยสิ้นเชิง แต่ท่าทางในมือกลับเร็วขึ้นไม่น้อย
เตี๊ยงง!
ชักกระบี่ตรีภพออกมาจากปลอก แต่กลับมีห้วงดารายุทธ์แผ่คลุมลงมา ทำให้เสิ่นปิงหยูไม่มีเวลาไปช่วยหลัวซิว
พระโอรสจ้านเทียน ฟางห้าวหยูและเซียวจื้อหยวนทั้งสามคนไม่มีการปรึกษาหารือใด ๆ ต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกันแล้วลงมือพร้อมกันในเวลานี้