มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2532
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2532
“ช่วงนี้เกาะเทียนเหอมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?”หลัวซิวผงกหัว ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในจวนพลางถามอย่างเรื่อยเปื่อย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลัวซิว เสิ่นปิงหยูจึงยิ้มอย่างขมขื่นในใจ สตรีทั้งสองนางนั้นต่างชอบหลัวซิว แต่ดูเหมือนตัวหลัวซิวเองจะไม่รู้สึกอะไร ดูท่าผู้ที่รักข้างเดียวไม่ได้มีเพียงนางคนเดียว
“ช่วงนี้เกาะเทียนเหอเหมือนหายเข้าไปในกลีบเมฆยังไงอย่างนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวที่พิเศษใด ๆ เลยนะเจ้าคะ”ฉียู่หรงตอบกลับ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวจึงรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย ดูท่าหลังจากจัดการพวกซูอี้เฉินไปได้แล้ว เกาะเทียนเหอก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แล้ว ถึงแม้พวกซูอี้เฉินจะหวนกลับคืนมาใหม่ แต่ก็ไม่มีทางปรากฎในนามเกาะเทียนเหอได้อีกแน่นอน
เวลานี้หลัวซิวถึงจะนึกขึ้นมาได้แล้วกล่าวแนะนำ: “คนนี้คือสหายของข้า เป็นเทพธิดแห่งวังเซียนมหาวาล เสิ่นปิงหยู”
“ทั้งสองคนนี้นี่คือสหายของข้า นายท่านตระกูลฉี ฉียู่หรง ช่าจื่อเยียน”
สตรีทั้งสามนางพูดคุยกันพอเป็นพิธีรีตองรอบหนึ่ง จากนั้นผู้คนก็พากันเข้าไปนั่งลงในห้องโถงใหญ่ตระกูลฉี จากนั้นหลัวซิวก็ชี้แจงสาเหตุในการมาเยือนโดยตรง
“ปัจจุบันเรื่องราวของเกาะเทียนเหอถูกจัดการชั่วคราวแล้ว ข้าก็ควรกลับยอดอัมพรแล้วเช่นกัน”หลัวซิวกล่าวเช่นนี้
เมื่อได้ยินว่าหลัวซิวจะกลับไป สีหน้าของฉียู่หรงก็ดูหม่นหมองลงไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ใจนางอยากกลับยอดอัมพรพร้อมกับหลัวซิวมาก ๆ แต่กลับทราบอยู่ว่านอกเสียจากวันหนึ่งหลัวซิวจะยอมรับตัวเอง มิเช่นนั้นเมื่อตามเขาไปแล้ว ก็จะไม่มีดอกผลอะไรเช่นกัน บางทีชั่วชีวิตนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างนางและเขาอาจเป็นได้เพียงสหายที่ค่อนข้างใกล้ชิดกันเท่านั้นเอง
หลัวซิวก็ทราบความคิดในใจฉียู่หรงเช่นกัน แต่เขาก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ เขาไม่มีทางใช้เรื่องของความรู้สึกมาหลอกตัวเอง และไม่มีทางหลอกฉียู่หรงเช่นกัน ซึ่งนี่คือหลักการที่เขายึดถือ
ความรักจำเป็นต้องมีบุพเพสันนิวาส บางทีระหว่างพวกเขานั้นมีวาสนาต่อกัน แต่กลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้น……
ช่าจื่อเยียนและเสี่ยวเจียงหมิงย่อมต้องกลับยอดอัมพรพร้อมกับหลัวซิวอยู่แล้ว ขณะที่ฉียู่หรงยืนส่งเงาหลังของพวกเขาทั้งสี่คนจากไป ก็มีน้ำตาไหลออกมาจากลูกตาที่แวววาวดังน้ำในฤดูใบไม้ร่วง
ลืมเลือนซึ่งกันและกันในยุทธจักร? ลืมเลือนซึ่งกันและกันในยุทธจักร? ข้าจักตัดใจทำเช่นนั้นได้อย่างไร……
การจากลาในครั้งนี้ ฉียู่หรงทราบอยู่ว่าคาดคะเนวันที่จะได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้งไม่ได้เลย
ในช่วงเวลาที่หลัวซิวออกจากมหาโลกายอดอัมพร สถานการณ์ของมหาโลกาทั้งหลายก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่นัก ความเร็วในการขยายอำนาจของเผ่าจี้รวดเร็วมาก และเกิดความขัดแย้งกับหอยอดอัมพรอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่มีการต่อสู้และการเข่นฆ่าที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นเช่นกัน
เมื่อหลัวซิวกลับมา กลับมีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในเผ่าจี้ นั่นก็คือนายแห่งเผ่าจี้บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว
วันที่นายแห่งเผ่าจี้บรรลุ กฎเทียนเต้าทั้งปวงในมหาโลกายอดอัมพรล้วนดังสนั่น มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดปรากฏในฟ้าดิน มังกรหงษ์โบยบิน เส้นทางช้างเผือกดุเดือน เสียงเทวดังก้องกังวาน วนเป็นเกลียวขึ้นไปอย่างไม่หยุดหย่อน
เนื่องจากกฎเทียนเต้าในมหาโลกาพันสามมีช่องโหว่เล็กน้อย ดังนั้นการที่สามารถฝึกถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ณ โลกานี้จึงเป็นขีดจำกัดแล้ว
ตั้งแต่โบราณกาลมา ทุก ๆ ร้อยล้านปีจะมีมหาจักรพรรดิยุทธ์บังเกิดเพียงคนเดียวเท่านั้น ทว่าดูเหมือนยุคสมัยในปัจจุบันจะแตกต่างกันแล้ว
เดิมทีนี่ควรจะเป็นยุคสมัยที่มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนไร้เทียมทาน แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิที่ควรดับสลายสูญสิ้นไปตั้งแต่เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนกลับอุบัติขึ้นมาอีกครั้ง
ต่อมามหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนก็ดับสลายสูญสิ้น มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิจึงแทบจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทาน ทว่าเวลานี้นายแห่งเผ่าจี้กลับบรรลุด้วย!
คนจำนวนมากจึงอดไม่ได้ที่จะคาดคะเนกันอย่างลับ ๆ ว่ายุคสมัยในปัจจุบันน่าจะเป็นยุคที่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แข่งขันกัน แต่ไม่ใช่มหาจักรพรรดิยุทธ์องค์หนึ่งก็สามารถเป็นผู้ไร้เทียมทานในหล้าได้แล้ว!
นายแห่งเผ่าจี้บรรลุเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ กองกำลังจากทั่วทุกสารทิศก็ต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดี นี่จึงทำให้ตำแหน่งรากฐานของเผ่าจี้ที่อยู่ในมหาโลกายอดอัมพรมั่นคงมากยิ่งขึ้น หากไม่ใช่เพราะเผ่าจี้ไม่สนใจชื่อเสียงอันจอมปลอมเหล่านั้น พวกเขาถึงขั้นสามารถเปลี่ยนชื่อมหาโลกายอดอัมพรให้กลายเป็นมหาโลกาเผ่าจี้ได้แล้ว