มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2533
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2533
หลังจากหลัวซิวกลับมาแล้วทราบข่าวคราวดังกล่าว เขาก็รู้สึกดีใจแทนนายแห่งเผ่าจี้ด้วยหัวใจจริงจริง ๆ เดิมทีนายแห่งเผ่าจี้ห่างจากการบรรลุสู่มหาจักรพรรดิยุทธ์เพียงครึ่งก้าวแล้ว ได้รับการตระหนักรู้จากดอกถานฮวาเก้ากลีบ แต่สุดท้ายก็ขาดอีกเสี้ยวหนึ่งตลอดมา
ทว่าหลังจากหลัวซิวเอาลูกแก้วความเป็นตายให้เขายืมตระหนักรู้แล้ว นี่เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่ปีเขาก็บรรลุสำเร็จ จึงเป็นเรื่องที่น่าดีใจน่าเฉลิมฉลองเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
แต่ทว่าหลัวซิวไม่ได้เจอหน้านายแห่งเผ่าจี้แต่อย่างใด เนื่องจากนายแห่งเผ่าจี้เพิ่งบรรลุ เพราะฉะนั้นช่วงนี้เขาจึงปิดขังมาโดยตลอด จำเป็นต้องทำให้ผลการฝึกตนแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์มั่นคงก่อน
ช่าจื่อเยียนและเสี่ยงเจียงหมิงถูกหลัวซิวจัดแจงให้อยู่ในเผ่าจี้ อีกทั้งทิ้งทรัพยากรการฝึกตนส่วนหนึ่งให้พวกเขา อย่างน้อยก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้ฝึกตนถึงแดนจ้าวมหาเทพได้แล้ว
ในส่วนของเสิ่นปิงหยูนั้น ระหว่างทางที่ย้อนกลับมายังมหาโลกาพันสาม ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายเวลานั้น นางได้ย้อนกลับไปยังโลกามหาวาลแล้ว
“ความเร็วในการฝึกตนของเจ้าไม่ถือว่าเร็วนี่”
ตัวสำนึกของจีเสวียนคงสัมผัสผลการฝึกตนของหลัวซิวได้ เขากำลังยิ้ม แท้จริงแล้วระดับความเร็วในการฝึกตนอย่างหลัวซิวถือว่าเร็วมาก ๆ แล้ว สาเหตุที่พูดเช่นนี้นั้น เป็นเพราะศิษย์ของเขาฝึกตนได้เร็วกว่าหลัวซิวเสียอีก
ซึ่งศิษย์ของจีเสวียนคงนั้นก็ย่อมเป็นยัยจีเสี่ยวจื่อนั่นอยู่แล้ว เมื่อหลัวซิวได้ยินว่าผลการฝึกตนของจีเสี่ยวจื่อก็บรรลุถึงแดนมกุฎเทพขั้นสูงเช่นกัน เขาเองก็แอบรู้สึกช็อกอยู่เล็กน้อย
ผลการฝึกตนของเขาเลื่อนระดับได้ค่อนข้างยาก แต่เนื่องจากเขาได้รับโชคมาเป็นจำนวนมาก แท้จริงแล้วความเร็วในการฝึกตนของเขาไม่ช้าเลยสักนิด ซึ่งเมื่อปีนั้นผลการฝึกตนของจีเสี่ยวจื่อต่ำกว่าเขาไม่น้อยเชียวนะ นี่เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่ปี ไม่นึกเลยว่านางก็บรรลุถึงมกุฎเทพขั้นสูงแล้วอย่างนั้นหรือ?
แต่ทว่าเมื่อลองนึกคิดดูดี ๆ การที่จีเสี่ยวจื่อฝึกตนให้รวดเร็วเช่นนี้นั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่ เนื่องจากพรสวรรค์ด้านกฎชีวิตของนางสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พรสวรรค์ประเภทนั้นถึงขั้นทำให้แม้แต่หลัวซิวยังรู้สึกอิจฉามาก นางไม่เพียงฝึกตนเร็ว อีกทั้งนางที่อยู่ในแดนมกุฎเทพขั้นสูง ถึงขั้นยึดกุมกฎชีวิตขั้นที่ 9 แล้ว!
ต้องท้าวความก่อนว่าพลังกฎขั้น 9 นั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพช่วงปลายเป็นต้นไปถึงจะสามารถตระหนักรู้และยึดกุมได้ คนส่วนมากล้วนบรรลุถึงจ้าวมหาเทพขั้นสูงแล้วถึงจะทำเช่นนี้ได้ แต่จีเสี่ยวจื่อกลับสามารถทำได้ล่วงหน้าโดยที่ยังห่างกันหนึ่งแดนใหญ่ พรสวรรค์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกตะลึงอย่างอดไม่ได้จริง ๆ
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวทราบจากปากจีเสวียนคงว่า หนิงหานยู่ เหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่และจีเสี่ยวจื่อล้วนออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านนอกมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งช่าจื่อเยียนก็ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านนอกเวลานั้นเช่นกัน มุ่งหน้าตรงไปยังโลกะดาราอัมพรเทวคนเดียว ต่อมาถึงจะเกิดเรื่องราวทั้งหมดในภายหลัง
หลัวซิวรู้สึกกังวลในเรื่องนี้เล็กน้อยอยู่ เมื่อจอมยุทธ์ฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ด้านนอก ไม่มีผู้ใดทราบได้เลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ทว่าหลัวซิวกลับเข้าใจดีกว่าทุกคนเลยว่าการเจริญเติบโตของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์หนึ่งคน จำเป็นต้องผ่านการขัดเกลาจากความเป็นความตาย สามารถอาศัยทรัพยากรจำนวนมากมายกระดับผลการฝึกตนได้อยู่ แต่แดนยุทธ์กลับไม่ใช่สิ่งที่สามารถยกระดับได้โดยการอาศัยการตบะ
นายแห่งเผ่าจี้ยังคงปิดขังอยู่ หลัวซิวจึงนำเรื่องราวของเกาะเทียนเหอบอกเล่าให้จีเสวียนคง และผู้อาวุโสส่วนหนึ่งฟังโดยคร่าว ๆ รอบหนึ่ง เมื่อได้ยินว่าซูอี้เฉินคือศิษย์ที่มาจากตำหนักเวหาแห่งโลกสวรรค์ สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสเผ่าจี้ก็ต่างดูตึงเครียดเล็กน้อย
โลกมหาศักดิ์ทั้งแปด โลกสวรรค์เป็นโลกาที่ลึกลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับเจ็ดโลกาที่เหลือน้อยมาก ๆ หลังจากสิ้นสุดภัยพิบัติสงครามช่วงชิงชีวิตช่วงปลายยุควัฏสงสาร ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของเผ่าจี้ล้วนดับสลายสูญสิ้น และเริ่มทรุดลงไปจนไม่มีวันฟื้นคืนมาได้
ถ้าเกิดให้เวลาเผ่าจี้ เผ่าจี้ต้องสามารถกลับไปรุ่งโรจน์เฉิดฉายอย่างในอดีตได้อีกครั้งอย่างแน่นอน แต่พวกเขากลับถูกกองกำลังทั้งหลายกีดกันและโจมตีอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้นจี้หวูชวงก็ดับสลายสูญสิ้นไปเพราะจะปกป้องเผ่าจี้นี่แหละ
อ้างอิงจากการบันทึกในตำราประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ของเผ่าจี้ การล่มสลายของเผ่าจี้มีเงาของวังนภาสิบสองอยู่