มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2535
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2535
ภายในโลหิตแห่งชิงเทียนมีความล้ำลึกพลังเต๋าของพลังแห่งชิงเทียนแฝงซ่อนอยู่ ในขณะที่กลั่นแปรพลังเลือด หลัวซิวก็ใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการพลังแห่งชิงเทียนเช่นกัน
ซึ่งเขาแตกต่างจากจอมยุทธ์ทั่วไปที่ตระหนักรู้ในพลังเต๋า การตระหนักรู้ในพลังเต๋าของหลัวซิวไม่ได้เลียนแบบปฏิบัติตามเส้นทางเดิมของคนรุ่นก่อน แต่เป็นการตระหนักเส้นทางของตัวเองออกมา แล้วหลอมรวมเข้ากับวิถีไร้ลักษณ์ จนกลายเป็นวิถีที่เป็นของตนเอง
พลังเต๋าของพลังแห่งชิงเทียนก็คือความลี้ลับของเวียนว่ายตายเกิด หากมีการตระหนักรู้ วิถีไร้ลักษณ์ของหลัวซิวก็จะสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
การปิดขังในครั้งนี้ดำเนินการไปนานสิบปี เมื่อผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนอย่างหลัวซิวในปัจจุบัน มันไม่ใช่ช่วงที่ผลการฝึกตนจะมีการบรรลุในเวลาปีสองปีแล้ว จากการที่ผลการฝึกตนยิ่งอยู่ยิ่งสูงขึ้น ศักยภาพยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่ง การข้ามขั้นและการบรรลุในทุก ๆ ครั้งของเขา ล้วนต้องใช้กาลเวลาที่ยาวนานมากกว่ามาสั่งสมและตกตะกอน
อีกทั้งสำหรับเขา ณ ปัจจุบันแล้ว ประสิทธิผลของสีมาเพลาก็เล็กน้อยมากเช่นกัน เนื่องจากในสีมาเพลาจะเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของเวลา เช่นนั้นมันก็จะส่งผลถึงกฎห้วงเวลา ทำให้มันไม่มั่นคง เมื่อแดนผลการฝึกตนค่อนข้างต่ำ มันยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ผลการฝึกตนยิ่งสูง ผลกระทบที่ได้รับก็ยิ่งมาก
และเป็นเพราะสาเหตุต่าง ๆ นี่เอง ถึงส่งผลให้กองกำลังใหญ่เหล่านั้นไม่สามารถผลิตผู้แข็งแกร่งชั้นยอดออกมาได้เป็นจำนวนมาก
สาเหตุที่พวกเหยียนเยว่เอ๋อร์เลือกที่จะออกไปสั่งสมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านนอกนั้น ก็เป็นเพราะหลังจากบรรลุถึงแดนที่แน่นอนแล้ว ก็จะสัมผัสได้ว่าเมื่อฝึกตนอยู่ในสีมาเพลาต่อจะไม่มีการพัฒนาใด ๆ อีก จึงทำได้เพียงใช้วิธีออกไปสั่งสมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านนอก แล้วแสวงหาโอกาสที่จะบรรลุสู่แดนที่สูงกว่า
ช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ หลัวซิวได้กลั่นแปรพลังเกือบหนึ่งในสิบของโลหิตแห่งชิงเทียนแล้ว แค่พลังเพียงหนึ่งส่วน ก็ทำให้ร่างยุทธ์จ้าวมหาเทพขั้นสูงของเขา ก้าวกระโดดขึ้นไปเป็นร่างยุทธ์จักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิในทีเดียว จึงแสดงให้เห็นเลยว่าพลังที่แฝงซ่อนอยู่ในโลหิตแห่งชิงเทียนนั้น มันมากมายมหาศาลมากเพียงใด
นอกเหนือจากผลการฝึกตนกลั่นร่างที่มีการบรรลุแล้ว หลัวซิวยังได้ดอกผลที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือมีการตระหนักรู้ในความล้ำลึกของพลังเต๋าอันเวียนว่ายตายเกิดที่แฝงอยู่ในพลังแห่งชิงเทียน สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือเขาได้นำการตระหนักรู้นี้หลอมรวมเข้ากับวิถีไร้ลักษณ์ ทำให้พลังเต๋าอันเวียนว่ายตายเกิดนี้กลายเป็นพลังเต๋าของตนเอง
เดินออกมาจากสถานที่ปิดขัง หลัวซิวไม่พบร่องรอยของพวกเหยียนเยว่เอ๋อร์ในแดนปริศนาเผ่าจี้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ พวกนางล้วนขัดเกลาอยู่ด้านนอกมาโดยตลอด และไม่เคยกลับมาเลย
นี่จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้พวกเหยียนเยว่เอ๋อร์ไปประสบพบเจอกับการขัดเกลาบนวิถียุทธ์อย่างการเข่นฆ่า แต่เขาก็ทราบเช่นกันว่าถึงแม้เขาจะไม่ให้พวกนางทำ พวกนางก็ไม่มีทางยอมแน่นอน
เนื่องจากพวกนางไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การคุ้มกันของเขาตลอดไป พวกนางก็หวังว่าศักยภาพของตัวเองจะแข็งแกร่งได้เช่นกัน แม้นจะช่วยเหลืออะไรเขาไม่ได้ อย่างน้อยสุดก็จะไม่เป็นตัวถ่วงของเขา ไม่กลายเป็นภาระของเขา
หลัวซิวไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงเอามาก ๆ แต่หลัวซิวกลับสามารถสัมผัสความคิดประเภทนี้ที่อยู่ในใจเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ได้อยู่
อดีตหลัวซิวเคยทิ้งตราออร่าไว้บนตัวพวกนาง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ออร่านั้นเงียบสงบมาโดยตลอด ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกนางปลอดภัยดี หากชีวิตของพวกนางตกอยู่ในความอันตราย เขาก็จะสัมผัสได้ในเวลาแรกแน่นอน
ช่าจื่อเยียนก็ไม่ได้ออกไปเช่นกัน ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ นางชี้แนะการเพ็ญตนให้เสี่ยวเจียงหมิงมาโดยตลอด ระยะเวลาสิบปีได้ผ่านพ้นไปแล้ว ผลการฝึกตนของเสี่ยวเจียงหมิงก็บรรลุถึงแดนมกุฎเทพแล้ว การพัฒนาโดดเด่นมาก
หลัวซิวเคยตกลงกับเขาว่าคอยเขาบรรลุถึงแดนมกุฎเทพ ก็จะช่วยเขากลั่นศัสตราวุธชิ้นหนึ่งให้เขาด้วยตนเอง แล้วมอบให้เขา
“พี่หลัวซิว……”
เมื่อหลัวซิวปรากฏในหุบเขาที่เสี่ยวเจียงหมิงฝึกตน เสี่ยวเจียงหมิงก็วิ่งตรงมาอย่างร่าเริง ระยะเวลาล่วงเลยไปสิบปี เสี่ยวเจียงหมิงก็สูงขึ้นเช่นกัน จากเด็กน้อยคนหนึ่งกลายเป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง