มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2536
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2536
ช่าจื่อเยียนยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไม่ไกล ตรงมุมปากมีรอยยิ้มจาง ๆ การดูแลเอาใจใส่เสี่ยวเจียงหมิงให้เติบใหญ่ เป็นการฝากฝังในชั่วชีวิตนี้ของนาง ตั้งแต่สำนักเทียนช่าล่มสลายเป็นต้นมา เสี่ยวเจียงหมิงก็เป็นคนใกล้ชิดเพียงคนเดียวของนางแล้ว
นางรู้สึกตื้นตันใจมากที่หลัวซิวช่วยทำให้ความฝันในชีวิตนี้ของนางสำเร็จ ขอแค่เสี่ยวเจียงหมิงสามารถเติบโตได้อย่างปลอดภัย ท่านพ่อบุญธรรมที่อยู่บนสรวงสวรรค์ก็ควรจะวางใจได้แล้วสินะ?
“เจ้าหนู มอบให้เจ้า”
หลัวซิวหยิบหอกปรปักษ์สวรรค์สังหารมารออกมา หอกเทวเล่มนี้คือศัสตราวุธสมบูรณ์แบบที่กลั่นโดยวิชาหนังสือยุทธภัณฑ์ มันถูกหลัวซิวฝึกเซ่นใหม่อีกครั้ง ผนึกให้มันกลายเป็นอัญมณีแห่งเทพมาร
จากการที่ผลการฝึกตนของเสี่ยวเจียงหมิงเพิ่มขึ้น ผนึกของหอกปรปักษ์สวรรค์สังหารมารก็จะค่อย ๆ คลายออก ซึ่งเพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาใช้ถึงแดนจ้าวมหาเทพได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอาวุธ
หลัวซิวก็มีการตระหนักรู้วิชาในเศษหนังสือยุทธภัณฑ์เช่นกัน สามารถกลั่นของขลังอาวุธสงครามที่อยู่ต่ำกว่าระดับเจ้ายุทธจักรออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และเขาก็กลั่นชุดเกราะให้เสี่ยวเจียงหมิงอีกหนึ่งชุด ของขลังสามชิ้น ถึงแม้ระดับของมันจะเทียบเคียงกับหอกปรปักษ์สวรรค์สังหารมารไม่ได้ แต่ก็เป็นสมบัติที่สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง พลานุภาพไม่ธรรมดา
“ตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้เจ้าปิดขังมาโดยตลอด เจ้าจักออกไปอีกแล้วหรือ?”
เสี่ยวเจียงหมิงถืออาวุธของขลังที่หลัวซิวมอบให้แล้วกระโดดโลดเต้นอยู่ในหุบเขาอย่างมีความสุข ช่าจื่อเยียนเดินมาข้างกายหลัวซิว แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ตั้งแต่ที่พาเสี่ยวเจียงหมิงกลับมาในแดนปริศนาเผ่าจี้เป็นต้นมา สภาพจิตใจของนางก็สงบลงแล้วจริง ๆ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เกิดสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงต่าง ๆ นานา ประหวั่นพรั่นพรึง และทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนสงบลงแล้ว
“ใช่ จะออกไปอีกแล้ว ก็ไม่รู้เช่นกันว่าข้าจะได้ใช้ชีวิตที่สุขสงบเช่นนี้เมื่อไหร่”หลัวซิวยิ้มอ่อน
หลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ เขาประสบกับความเป็นความตายมาไม่รู้ตั้งกี่หน ประสบกับความทุกข์ยากที่นับไม่ถ้วน เดินวนอยู่ริมขอบความเป็นความตายคือชะตากรรมของจอมยุทธ์ แต่ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ฝึกยุทธ์ แท้จริงแล้วต่างก็อยากหลุดพ้นจากชะตากรรมเช่นนี้ทั้งนั้นแหละ
อันที่จริงบางครั้งหลัวซิวก็อยากหาสถานที่ที่ไร้ความขัดแย้ง พร้อมกับเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ ไม่สนใจบุญคุณความแค้นและความขัดแย้งทั้งปวงในโลกหล้า ทว่าเขากลับเข้าใจดีว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน
ก็เหมือนดั่งคำพูดของเขา เรื่องบางอย่างเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเผชิญ เขาไม่เพียงมีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องทำให้สำเร็จ มาตรแม้นว่าเขาจะปล่อยวางเรื่องราวทุกอย่าง เลือกที่จะกลับคืนสู่ชีวิตสันโดษในสังคมชาวบ้าน ไม่เร็วก็ช้าผู้อื่นก็จะตามมาถึงที่อยู่ดี
เพราะฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงทำให้ตัวเองแข็งแกร่งมากขึ้น แข็งแกร่งจนตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของโลกยุทธ์ ถึงครานั้นความฝันของเขาก็จะบรรลุเช่นกัน
ช่าจื่อเยียนหัวเราะแล้ว แม้นโฉมหน้าออร่าภายนอกของนางจะเทียบเคียงกับเสิ่นปิงหยู ฉียู่หรง เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ได้ แต่ขณะที่นางยิ้มก็ยังคงงดงามอย่างมาก เนื่องจากรอยยิ้มเช่นนี้ เป็นรอยยิ้มที่มาจากหัวใจ ยิ้มได้ดูสบายและสงบ ทำให้จิตใจของผู้พบเห็นก็เงียบสงบลงตามกันอย่างควบคุมไม่ได้ ต้องสงบจิตใจลงเพื่อตั้งใจฟัง
“ข้าและเจ้าแตกต่างกัน ชั่วชีวิตนี้ของข้า แม้นจะตั้งใจฝึกตนมากเพียงใด ก็ประสบความสำเร็จได้ยากมาก เพราะฉะนั้นสำหรับข้า ณ บัดนี้แล้ว การที่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบเช่นนี้มันก็เพียงพอแล้ว และชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีอะไรติดห่วงอีกแล้วเช่นกัน”
“ทว่าเจ้ากลับแตกต่างกัน เส้นทางของเจ้ายังอีกยาวไกล เจ้าคือชายผู้มีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ชั่วชีวิตนี้ย่อมต้องสะเทือนเลื่อนลั่น ตื่นเร้า นี่เจ้าเพิ่งฝึกตนแค่กี่ปีเอง? หากคิดที่จะกลับคืนสู่ชีวิตสันโดษในสังคมชาวบ้าน มันอาจจะเร็วไปหน่อย”
หลัวซิวยิ้มโดยที่ไม่ปฏิเสธ เขาไม่ได้พูดอะไรมาก ช่าจื่อเยียนฝึกตนมาหมื่นกว่าปีแล้ว ซึ่งดูเหมือนจะยาวนานกว่าเขา แต่ถ้าเกิดนับความทรงจำในชาติปางก่อนของไท่ซ่างฉิงด้วย เช่นนั้นระยะเวลาที่เขาฝึกตนมา มันก็เกินร้อยล้านปีเลยมิใช่หรือ?
“พี่จื่อเยียน มีข้าอยู่ด้วย ข้าจะทำให้ท่านและเสี่ยวเจียงหมิงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบเช่นนี้ตลอดไปแน่นอน”หลัวซิวยิ้มพลางตอบกลับ