มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2541
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2541
ทั้งสามขั้นตอนนี้ดูเหมือนจะง่าย ทว่าแท้จริงแล้วทุกขั้นตอนนั้นยากลำบากมาก หากไม่ใช่เพราะยึดกุมวิชาฎีกาค่าย มาตรแม้นว่าใช้วิถีไร้ลักษณ์อนุมานอย่างสุดกำลังสามารถ หลัวซิวก็ไม่มีทางทำถึงขั้นนี้ได้
ขั้นตอนที่สามที่สำคัญที่สุดก็เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดเช่นกัน เนื่องจากการที่จะทำขั้นตอนนี้ให้สำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องเผชิญหน้าต่อกรกับพลังของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลโดยตรง
“สักพักไม่ว่าข้าจะทำอะไร เจ้าก็ห้ามลงมือเด็ดขาด ห้ามใช้ตัวสำนึกและผลการฝึกตนของเจ้า เข้าใจหรือไม่?”หลัวซิวพูดกระแทกเสียงต่ำ
เมื่อเห็นว่าสีหน้าหลัวซิวดูเข้มงวดเช่นนี้ คาดิสลาร์จึงขมวดคิ้ว “แล้วถ้าเกิดนายท่านตกอยู่ในความอันตรายจะทำอย่างไรขอรับ?”
“ถึงแม้ข้าจะตกอยู่ในความอันตราย เจ้าก็ลงมือช่วยเหลือไม่ได้ เนื่องจากทันทีที่มหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลสัมผัสได้ว่ามีออร่าของเจ้าปรากฏ พลานุภาพในทุก ๆ ด้านของค่ายกลก็จะถูกระเบิดออกมา ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในหุบเขาจะมอดไหม้ ไม่เพียงเจ้าเท่านั้น ข้าเองก็จะตายอยู่ที่นี่เช่นกัน!”
หลัวซิวส่ายหน้า “หากเจ้าไม่อยากให้ทั้งหมดที่ข้าทำไปในเมื่อครู่นี้สูญเปล่าละก็ เจ้าปฏิบัติตามคำสั่งของข้าจะดีกว่า”
อดีตคาดิสลาร์เคยติดตามหลัวซิวมายาวนานมาก ๆ จึงย่อมทราบอยู่แล้วว่าในเมื่อหลัวซิวพูดเช่นนี้ หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา มันมีโอกาสก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่มีวันกู่กลับคืนมาอีกได้เลยจริง ๆ
“นายท่าน ข้าจักปฏิบัติตามคำสั่งของท่านขอรับ!”คาดิสลาร์พยักหน้าพลางพูด จิตใจเขายังคงใฝ่หาอิสรภาพอยู่เช่นเคย มิเช่นนั้นละก็เขาก็ไม่ยอมให้นายท่านเอาชีวิตไปเสี่ยงหรอก
“เก็บออร่าของเจ้ากลับไป อย่าปล่อยให้รั่วไหลออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น ถัดจากนั้นเงาร่างของเขาก็ลอยขึ้นกลางอากาศ ย่างกรายขึ้นสู่ท้องฟ้า ยกมือโบกทีหนึ่ง ธงค่ายทั้ง 16 ผืนก็บินออกไป หลังจากธงค่ายทุกผืนบินออกไปแล้ว ต่างก็พากันขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับแรงลม กลายเป็นธงแห่งชัยชนะที่เสียงดังฟึดฟัด รัศมีเทวที่ไร้ขอบเขตแย้มบาน
ทั้งท้องฟ้าเหนือหุบเขาล้วนจมหายไปในรัศมีเทวที่แวววาวจับตา วิกลที่อยู่ในมือหลัวซิวเปลี่ยนแปลงไปอย่างซับซ้อน ทุกครั้งที่ปล่อยวิกลออกไปครั้งหนึ่ง เขาก็จะสูญเสียผลการฝึกตนในร่างกายไม่น้อยเลย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผลการฝึกตนของตัวเองแห้งเหือด เขาจึงอมยาฟื้นฟูผลการฝึกตนไว้ในปากล่วงหน้าห้าเม็ด
ขั้นตอนการนี้ดำเนินการอยู่นานมาก ๆ ขณะที่ผลการฝึกตนของหลัวซิวแทบจะแห้งเหือดอยู่นั้น รัศมีเทวที่ล้นฟ้าก็ค่อย ๆ สลายหายไป ใบหน้าที่ขาวซีดของเขาแหงนมองท้องฟ้า มีเตาเทพสีเขียวที่ดูโบราณและเรียบง่ายปรากฏกลางนภาหนึ่งเตา
เตาเทพดังกล่าวไม่ใช่แก่นแท้แต่อย่างใด แต่ประกอบมาจากธงค่ายทั้ง 16 ผืนและลายค่ายยันต์ค่ายที่นับไม่ถ้วน ภายในยังมีพลังแห่งชิงเทียนที่ถูกดึงออกมาจากศิลาผนึกปีศาจแฝงซ่อนอยู่ด้วย
พลังเซียนลงทัณฑ์สิงเทียนคือพลังทำลายล้างที่บ้าระห่ำ ในมุมมองของหลัวซิว หากจะต้านทานพลังประเภทนี้ มีเพียงใช้คุณสมบัติพิเศษของพลังแห่งชิงเทียนที่เวียนว่ายตายเกิดถึงจะสามารถต้านทานได้
ตู้มม!
หลัวซิวใช้นิ้วชี้ทีหนึ่ง เตาเทพสีเขียวจึงสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ ก่อนที่มันจะพุ่งไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งกลางอนัตตากะทันหัน ส่วนตำแหน่งที่เตาเทพพุ่งชนนั้น ก็คือตำแหน่งแกนกลางยันต์ค่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับพลังเซียนลงทัณฑ์สิงเทียนนั่นเอง
อนัตตาถูกเตาเทพพุ่งชนจนแตกสลาย แกนกลางยันต์ค่ายถูกกระทบ จึงกระตุ้นพลังของมหาค่าย นภาเหนือทั้งหุบเขาล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยอัสนีสีดำที่นับไม่ถ้วน
อัสนีเทวโทษสีดำทั้งหลายพุ่งผ่าไปทางเตาเทพอย่างดุดัน มีเลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากหลัวซิวอย่างต่อเนื่อง แม้อัสนีเทวโทษเหล่านี้จะไม่ได้พุ่งตรงมาทางเขา แต่ในเตาเทพมีตราประทับของเขาอยู่ เพราะฉะนั้นเขาจึงถูกพลังแว้งกัดโจมตีอย่างรุนแรง
“เผาผลาญ!”
ดวงตาทั้งสองข้างกลายเป็นสีแดงมืดภายในพริบตา เส้นผมยาวที่ดำเงาสลวยปลิวลอย บนร่างกายหลัวซิวมีเปลวไฟที่ดุดันลุกโชน อัคคีเทพชีวีซิวหลัวของเขาลุกโชน แผดเผาพลังและเลือด ทำให้ร่างกายที่สูญเสียผลการฝึกตนไปมากในตอนแรก กลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ พลังแว้งกัดที่มาจากเตาเทพก็ทำให้เขาเจ็บปวดมากจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ร่างกายเริ่มแตกร้าว เลือดสีแดงสดไหลนองเป็นทาง