มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2542
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2542
“นายท่าน!”
คาดิสลาร์ตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี ในความทรงจำเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนของเขา เขาไม่เคยเห็นนายท่านตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้มาก่อนเลย
นี่จึงทำให้จิตใจของคาดิสลาร์เต็มเปี่ยมไปด้วยความละอาย หากเขารู้ว่าอันตรายขนาดนี้ละก็ เขายอมที่จะทิ้งอิสรภาพชั่วคราว แต่ก็ไม่ยอมให้นายท่านแบกรับกับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่มากมายเช่นนี้เพราะเขา
รัศมีทั้งหลายปรากฏบนร่างกายหลัวซิว รัศมีทุกดวงล้วนแวววาวจับตาปานดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ซึ่งนี่คือยันต์ค่ายที่สลักจารึกลึกเข้าไปในร่างกายโดยการใช้วิชาฎีกาค่าย
หลังจากระดับฝีมือค่ายกลของเขาบรรลุถึงมหาปรมาจารย์ค่ายเทพระดับ 5 แล้ว เขาก็สลักยันต์ค่ายลงไปในร่างกายตัวเอง ยกระดับขึ้นไปถึงค่ายเทพระดับ 5 ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ น้ำน้อยก็ยังคงแพ้ไฟอยู่เช่นเคย เป็นเพียงเพราะพลังเซียนลงทัณฑ์สิงเทียนที่แฝงซ่อนอยู่ในมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลนี้มันแข็งแกร่งมากเกินไป
นี่คือค่ายกลชั้นยอดที่เทพมารระดับแปดคนหนึ่งจัดวางไว้ ส่วนผลการฝึกตนของเขากลับเป็นเพียงเทพมารระดับสามขั้นสูงเท่านั้น
เวิ่ง!
หว่างคิ้วแยกออก ศิลาผนึกปีศาจบินออกมา ก่อนจะมีแสงเขียวที่สว่างโชดช่วงสาดส่องลงมาจากพลังเต๋าทั้งหลายที่มีเวียนว่ายตายเกิดแฝงซ่อนอยู่ ทำให้ร่างเนื้อที่ใกล้จะแตกสลายของหลัวซิวกลับมามั่นคงใหม่อีกครั้ง
อัสนีสีดำที่บ้านระห่ำค่อย ๆ สงบลง ยันต์ค่ายหนึ่งที่เป็นของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลในตอนแรก ถูกหลัวซิวใช้เตาที่ผนึกรวมมาจากธงค่ายเก็บไป และกดอัดไว้
เมื่อสูญเสียยันต์ค่ายนั้น ทำให้การโคจรของทั้งมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลได้รับผลกระทบอย่างมาก ณ เสี้ยววินาทีนี้ คาดิสลาร์ก็สัมผัสได้เช่นกันว่าค่ายกลที่ผนึกชีวีของเขาได้หายไปแล้ว!
ถึงแม้ตลอดทั้งขั้นตอนการจะอันตรายไปหน่อย ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายกลับเหมือนอย่างที่หลัวซิวคิดคำนวณเอาไว้ในก่อนหน้านี้ทุกประการ
“แค่ก ๆ ……”
ไอจนเกิดเป็นเสมหะที่มีเลือดปน บนใบหน้าที่ขาวซีดของหลัวซิวก็มีรอยยิ้มปรากฏเล็กน้อยเช่นกัน ใช้แดนเทพมารระดับสามขั้นสูงต่อกรกับมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาล ในโลกหล้านี้ นอกจากเขาแล้ว ยังมีผู้ใดที่สามารถทำเช่นนี้ได้อีก?
ถึงแม้จะเป็นการทำเพื่อช่วยคาดิสลาร์ แต่หลังจากเห็นมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลแล้ว ตัวหลัวซิวเองก็อยากลองท้าทายค่ายเทพที่สวรรค์ในตำนานสร้างขึ้นมาเหมือนกันมิใช่หรือ?
ชิ่วว!
ผังค่ายชิ้นสุดท้ายถูกเขาโยนออกไป ผังค่ายที่สามนี้ เหมือนดั่งฝาของเตาเทพสีเขียวยังไงอย่างนั้น ทำการตัดขาดกระแสสัมผัสทั้งปวงของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลที่มีต่อยันต์ค่ายในเตา
อย่างไรก็ตามมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลย่อมไม่มีทางทลายง่ายขนาดนั้นอยู่แล้ว ตัวค่ายกลจะโคจรเองแล้วจัดระเบียบลำดับกฎเกณฑ์ของลายค่ายและยันต์ค่าย แต่ทว่าการจัดเรียงนี้ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ภายในชั่วลมหายใจเดียว
อ้างอิงจากการคิดคำนวณของหลัวซิว ระยะเวลานี้น่าจะอยู่ที่ประมาณสิบปี ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอุบายทั้งหมดที่เขาจัดวางนี้ จะสูญเสียประสิทธิผลหลังจากผ่านไปสิบปี พลานุภาพของมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลจะฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเก่า และคาดิสลาร์ก็จำเป็นต้องกลับมา มิเช่นนั้นก็จะถูกพลังเซียนลงทัณฑ์สิงเทียนสังหารชีวี
หลัวซิวนำผลลัพธ์ในการคิดคำนวณของตัวเองบอกเล่าให้คาดิสลาร์ฟัง
ถึงแม้จะมีเวลาไม่ถึงสิบปี แต่ผลลัพธ์นี้ก็ทำให้คาดิสลาร์รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากจนผิวหนังแดงเถือก เขาอยากออกไปจากที่นี่แล้วไปดูโลกภายนอกอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้ว
“โครมคราม……”
วันนี้ มีเสียงดังสนั่นที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินสะท้อนมาจากเทือกเขาลั่วหยุนที่ลึกลับจนไม่อาจคาดเดาได้ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของยอดอัมพร เสียงคำรามที่น่าทึ่งดังก้องอยู่ในอนัตตา ร่างกายที่สูงหลายร้อยเมตรของคาดิสลาร์ตั้งตระหง่านดั่งสันเขา ทุกครั้งที่ก้าวเดินหนึ่งก้าว แผ่นดินก็จะสนั่นหวั่นไหวทีหนึ่ง ทุกสรรพสิ่งต่างหวาดหวั่นพรั่นพรึง!
มีชายหนุ่มที่อยู่ในชุดคลุมยาวดำคนหนึ่งกำลังนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนไหล่ของยักษ์ผิวหนังสีเขียว นภาเหนือศีรษะยักษ์มีอสูรยักษ์ที่ดุร้ายดั่งมังกรบินวนเวียนอยู่ในเมฆ พลังออร่าดุร้าย