มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2553
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2553
มังกรแท้ตัวหนึ่งที่คงอยู่มานานเป็นสิบล้านปีนั้น ศักยภาพต้องแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แน่นอน หากจะบอกว่าใกล้เคียงกับระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้วก็ไม่เกินเลย
ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะสัมผัสออร่าสายเลือดอสูรโบราณได้จากตัวดูดจิต คนใหญ่คนโตระดับขั้นอย่างเขา ไม่มีทางปรากฏตัวง่าย ๆ อย่างแน่นอน
“ข้าไม่ได้บุกเข้ามาโดยพลการ แต่คนในเผ่าพันธุ์ของเจ้าที่เฝ้าอยู่ด้านนอกไม่ให้ข้าเข้ามา”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
“น่าขำชะมัด! รังมังกรเทวะเป็นของเผ่าพันธุ์มังกร เจ้าเป็นคนนอกคนหนึ่ง การที่ให้เจ้าเข้ามานั้นมันเป็นเกียรติของเจ้า ในเมื่อไม่ให้เจ้าเข้ามาแล้ว เจ้าสามารถบุกเข้ามาโดยพลการได้หรือ? คิดว่ารังมังกรเทวะของข้าคือสถานที่แบบใด?”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มังกรอีกคนหนึ่งเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น มีออร่าจักรพรรดิเทพช่วงกลางแผ่กระจายออกมาจากตัว
“เหอะ ๆ พวกเจ้าอยากพูดอย่างไรก็พูดไปเถิด วันนี้ข้ามาเพื่อเอ้าเจียง มันเป็นหนี้ยาเซียนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ข้าหนึ่งต้น”หลัวซิวเบื่อที่จะพูดจาไร้สาระ จึงชี้แจงจุดประสงค์โดยตรง
เมื่อพูดคำพูดดังกล่าวออกมา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มังกรจำนวนมากที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดูมึนงงเล็กน้อย ดูจากสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขา หลัวซิวสามารถดูออกอยู่ว่าคนพวกนี้ไม่ทราบเรื่องนี้จริง ๆ
ตัวสำนึกของหลัวซิวแผ่ขยายออกไป ก่อนจะตามหาออร่าของเอ้าเจียงเจออย่างรวดเร็ว แล้วผนึกเขาเอาไว้
“สหายเอ้าเจียง ดูท่าเจ้าไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้เหล่าผู้อาวุโสในเผ่าพันธุ์มังกรแท้ของเจ้าฟังสินะ หรือว่าเจ้าอยากเบี้ยวหนี? ถ้าเกิดข้าไม่ตามมาถึงที่ เจ้าก็วางแผนที่จะไม่ชำระหนี้ครั้งนี้แล้วสินะ?”เสียงของหลัวซิวดังก้องมาก ๆ อย่าว่าแต่รังมังกรเทวะเลย แม้แต่คนที่อยู่ห่างจากรังมังกรเทวะเป็นแสนไมล์ยังได้ยินเลย
เมื่อเอ้าเจียงได้ยินคำพูดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะมุดหายไปจากที่นี่ สายตาของผู้แข็งแกร่งในรังมังกรเทวะล้วนร่วงลงบนตัวเขา “เอ้าเจียง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
เมื่อเผชิญหน้ากับการสอบถามของเหล่าผู้อาวุโส เอ้าเจียงจึงไม่กล้าปิดบังอยู่แล้ว ก่อนจะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกาเสวียนหมิงบอกเล่าออกมาอย่างละเอียด แต่ทว่าเขากลับเติมสีใส่ไข่ บอกว่าหลัวซิวใช้พลังอำนาจบีบบังคับให้เขาเซ็นใบแสดงหนี้
หลัวซิวหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่ได้อะไรกับคำพูดของเอ้าเจียง และไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวออกมาแม้แต่น้อย
แท้จริงแล้วขณะที่คาดเดาได้ว่าเอ้าเจียงไม่มีความคิดที่จะบอกเรื่องนี้ให้ระดับสูงของเผ่าพันธุ์มังกรทราบ เขาก็รู้แล้วว่าเจ้าหมอนี่อยากเบี้ยวหนี้ และไม่มีทางยอมชำระหนี้แต่โดยดีอย่างแน่นอน
อีกทั้งจากลักษณะท่าทีที่เผ่าพันธุ์มังกรปฏิบัติต่อตนเอง ก็สามารถดูออกได้อยู่ว่าพวกเขาเป็นผู้หยิ่งยโส และมีอุปนิสัยจองหอง การที่ยอมมอบยาเซียนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ออกมาแต่โดยดีสิถึงเป็นเรื่องแปลก
แต่ทว่าทั้งหมดนี้กลับเป็นสิ่งที่หลัวซิวคาดหวังอยู่พอดี ในเมื่อเผ่าพันธุ์มังกรของเจ้าเบี้ยวหนี้ เช่นนั้นข้าก็มีข้ออ้างมาลุกล้ำพวกเจ้าแล้วล่ะ!
“หลัวซิว เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก! อาศัยที่ศักยภาพของตัวเองแข็งแกร่งกว่าเอ้าเจียง จึงมีบังคับให้เขาเซ็นใบแสดงหนี้ อีกทั้งยังกล้ามาโอ้อวดกำลังในรังมังกรของเผ่าพันธุ์มังกรแท้ของข้าด้วย คิดจริง ๆ หรือว่ามีเผ่าจี้คอยหนุนหลัง แล้วเผ่าพันธุ์มังกรของข้าจักไม่กล้าแตะต้องตัวเจ้า?”
เมื่อมังกรอาวุโสชุดคลุมยาวเขียวได้ยินคำพูดของเอ้าเจียง จึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที ก่อนจะตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ทหาร มาจับกุมตัวเจ้าหนูเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่กล้าหาญโอหังนี่ซะ!”
เขาคือบรรพอาจารย์ที่มีคุณธรรมศีลธรรมและบารมีสูงส่งในเผ่าพันธุ์มังกร แม้แต่หัวหน้าเผ่ายังต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเขา จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนในเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เลย
ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่ให้โอกาสหลัวซิวได้อธิบายอะไรเลยด้วยซ้ำ ผู้คนในเผ่าพันธุ์มังกรก็ลงมือโจมตีแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะเกรงกลัวเผ่าจี้ พวกเขาจึงไม่ได้ลงมือสังหารแต่อย่างใด แต่เป็นการใช้ชี่มารผนึกอนัตตา หวังจะควบคุมตัวหลัวซิวเอาไว้
“ดูท่าเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเจ้าคิดที่จะเบี้ยวหนี้สินะ?”สีหน้าของหลัวซิวหม่นหมองลงไป ทว่าเขากลับปรบมือแล้วหันกลับไปพูดว่า: “ลาร์ มีคนเป็นหนี้ข้าแล้วไม่จ่าย เจ้าคิดว่าควรทำอย่างไรดี?”
“เอาพวกมันให้ตาย!”
คาดิสลาร์ยิ้มยิงฟัน มีรัศมีแห่งความเยือกเย็นเป็นประกายบนฟันที่เฉียบคมนั่น