มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2564
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2564
“นี่คือวิถีไร้ลักษณ์ของข้าหรือ?”
ยื่นนิ้วมือที่ชี้ออกไปกลับมา หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น เสียงหัวเราะดั่งฟ้าร้อง ดังก้องอยู่ระหว่างฟ้าดินอนัตตา
วิถีไร้ลักษณ์สามารถวิวัฒนาการกฎขั้น 10 ทั้งปวงในฟ้าดินออกมาได้ เช่นนั้นเมื่อเขาใช้สรรพวิถีล้วนว้างก็จะสามารถทำลายล้างกฎขั้น 10 ได้
อนาคตถ้าเกิดเขาสามารถบรรลุถึงวิถีแห่งมหาวาลแล้ววิวัฒนาการเกณฑ์ออกมาได้ เช่นนั้นสรรพวิถีล้วนว้างก็สามารถทำให้เกณฑ์ทั้งปวงกลายเป็นว่างเปล่าได้มิใช่หรือ?
หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ มันต้องพลังอมตะที่ทรงพลังอย่างยิ่งแน่นอน!
“สักวันไม่เร็วก็ช้า ข้าจะเดินไปถึงสุดปลายขอบเขตของวิถีไร้ลักษณ์ ถึงครานั้นดูซิว่าวิถีสวรรค์ทั้ง 12 จะแข็งแกร่งกว่า หรือวิถีไร้ลักษณ์ของข้าแข็งแกร่งกว่า!”หลัวซิวเบิ่งมองอนัตตาที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างไร้ขอบเขต พลางพูดพึมพำคนเดียว
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านด้วยนะขอรับที่ผลการฝึกตนมีการบรรลุ ศักยภาพพุ่งพรวด!”คาดิสลาร์วิ่งตรงมา มองหลัวซิวด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
ถึงแม้นายท่านในภพชาตินี้จะอ่อนแอกว่าเขามากก็ตาม ทว่าเขาได้พบเห็นทัณฑ์สายฟ้าพิโรธในเมื่อคู่นี้ด้วยสายตาตนเองเลย นี่เพิ่งบรรลุสู่เทพมารระดับสี่ ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธก็น่าสยดสยองถึงขั้นนี้แล้ว บางทีนายท่านในภพชาตินี้อาจจะมีโอกาสอยู่เหนือนายท่านในภพชาติก่อนก็เป็นได้
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่านด้วยขอรับ!”ดูดจิตก็บินตรงมาเช่นกัน แล้วพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
หลัวซิวยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็ยกมือโบกครั้งหนึ่ง ก่อนที่โอสถเวทย์อลวนเม็ดหนึ่งจะบินไปทางดูดจิต
เดิมทีตัวดูดจิตเองก็ใกล้จะบรรลุสู่แดนจักรพรรดิเทพแล้ว แต่ทว่าเนื่องจากเผ่าพันธุ์ดูดจิตมีร่างญาณที่แข็งแกร่ง ระดับความยากในการบรรลุค่อนข้างสูง แต่วินาทีนี้เมื่อมีโอสถเวทย์อลวนแล้ว การบรรลุจึงย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว
จ้าวมหาเทพขั้นสูงทั่วไปต้านทานฤทธิ์ยาของโอสถเวทย์อลวนไม่ได้ แต่ร่างญาณที่แข็งแกร่งของดูดจิตสามารถต้านทานการพุ่งชนของฤทธิ์ยาได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากเลย
ไท่ซ่างฉิงเมื่อพบชาติก่อน เดินบนวิถีธรรมคนเดียว ภพชาตินี้หลัวซิวไม่อยากเดินบนเส้นทางธรรมที่ยาวเหยียดในอนาคตคนเดียวหรอกนะ เขาไม่เพียงจะทำให้ศักยภาพของตัวเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นดั่งแสวงหาจุดสูงสุดของวิถียุทธ์ เขายังจะพาทุกคนที่อยู่รอบกายมุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเขาด้วย
การบรรลุของดูดจิตราบรื่นมาก หลังจากร่างกายของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงล้วน มันก็บรรลุสู่แดนจักรพรรดิเทพสำเร็จ อาศัยความแข็งแกร่งของอาณาจักรดูดจิต เมื่ออยู่ในแดนจักรพรรดิเทพ อย่างน้อยในห้วงดาราที่มหาโลกาพันสามคงอยู่นี้ ผู้ที่เป็นคู่ต่อสู้ของมันนั้นมีไม่มาก
หลังจากบรรลุสู่จักรพรรดิเทพแล้ว ดูดจิตก็มีความสามารถในการกลายร่างเป็นมนุษย์เช่นกัน เขากลายร่างเป็นชายหนุ่มที่อยู่ในชุดคลุมยาวม่วงคนหนึ่ง บุคลิกลักษณะดูแล้วเหมือนวัยรุ่นอายุประมาณ 17-18 เมื่อเปรียบเทียบกับอายุขัยของอสูรดูดจิตแล้ว เขาถือว่ายังหนุ่มมาก ๆ
เมื่อเห็นว่าดูดจิตกลายร่างเป็นมนุษย์ จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงมังกรไร้ร่างที่อยู่ในโลกแสงดาวเมื่อปีนั้น เวลาล่วงเลยไปหลายร้อยปีแล้ว บางทีมังกรไร้ร่างอาจจะบรรลุถึงแดนมกุฎเทพแล้วสินะ?
……
หลังจากผ่านไปไม่นาน หลัวซิวก็กลับมาถึงแดนปริศนาของเผ่าจี้บนดารายอดอัมพร เมื่อได้ยินว่านายแห่งเผ่าจี้ออกจากการปิดขังแล้ว เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่เขาเพิ่งบรรลุนั้นก็มั่นคงไม่น้อยด้วย
ณ สำนักของเผ่าจี้ หลัวซิวไปพบนายแห่งเผ่าจี้ พลังออร่าของนายแห่งเผ่าจี้ในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง เหมือนดังดาบเทพที่แข็งกร้าวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขามที่ไร้ขอบเขต
เผ่าจี้เชี่ยวชาญเรื่องดาบ เมื่อหลายแสนล้านปีก่อน จี้หวูชวงก็ย่างกรายสู่วิถีด้วยดาบนี่แหละ เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ก็สามารถเข้าสู่แดนผู้สูงส่ง
วิถีดาบของนายแห่งเผ่าจี้มีแนวโน้มที่จะบริบูรณ์แล้ว แม้นยังไม่บรรลุถึงขีดสูงสุด แต่กฎวิถีดาบเชี่ยวชาญเรื่องโจมตีเข่นฆ่า ต่างอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นปฐมภูมิเหมือนกัน แต่หลัวซิวคาดการณ์ว่าเมื่อเปรียบเทียบนายแห่งเผ่าจี้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิแล้ว ทั้งสองแตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่นัก
แต่ทว่าศักยภาพของนายแห่งเผ่าจี้น่าจะอ่อนกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเล็กน้อย อย่างไรเสียกฎความตายที่มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิฝึกนั้นก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน อีกทั้งอดีตเขาเคยบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายด้วย