มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2569
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2569
แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ หลัวซิวกลับไม่คิดเช่นนั้นแล้ว เขาย่อมต้องอยากให้พวกนางอยู่ในความปลอดภัยอยู่แล้ว มหาโลกะแสงดาวอยู่ไกลจากยอดอัมพรมาก ๆ ทันทีที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ๆ การที่เผ่าจี้อยากไปช่วยเหลือนั้น บางทีใช่ว่าจะช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเสมอไป
เมื่อมาถึงมหาโลกะแสงดาว หลัวซิวก็นึกถึงตระกูลลู่อย่างอดไม่ได้ เมื่อปีนั้นขณะที่เขาเพิ่งออกจากโลกเสวียนเทียนแล้วเข้าสู่ห้วงดารา ก็เคยได้รับการถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งแดนจ้าวมหาเทพคนหนึ่ง ซึ่งผู้แข็งแกร่งคนดังกล่าวมาจากตระกูลลู่แห่งมหาโลกะแสงดาว
และหลัวซิวก็ได้รับเศษเคล็ดแสงดาวเทียนเต้ามาจากการถ่ายทอดสืบสานของจ้าวมหาเทพแสงดาวท่านนั้นนั่นเอง ส่งผลให้การวางรากฐานของวิถีไร้ลักษณ์มั่นคงขึ้น
เวลาล่วงเลยไปนานเช่นนี้แล้ว ปัญหาต่าง ๆ รอบกายเขาไม่เคยหยุดพักเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเวลามาเยี่ยมเยียนมหาโลกะแสงดาวตลอดมา การเดินทางมาในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งคือจะมาตามหาเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ ในขณะเดียวกันหลัวซิวก็วางแผนที่จะไปตามหาตระกูลลู่ด้วย
จากสถานภาพในปัจจุบัน สำนักจักรพรรดิแสงดาวไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่นัก เมื่อเปรียบเทียบกับเผ่าจี้ สำนักจักรพรรดิมรณะ รวมไปถึงเขาดึกดำบรรพ์อันลึกลับที่มีมหาจักรพรรดิยุทธ์คุ้มกันรักษาแล้ว สำนักจักรพรรดิแสงดาวก็แตกต่างจากกองกำลังที่กล่าวมาข้างต้นไม่เพียงหนึ่งระดับเท่านั้น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักจักรพรรดิแสงดาวก็ถ่อมตัวมาโดยตลอดเช่นกัน ไม่แก่งแย่งกับผู้อื่น โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะไม่เกิดความขัดแย้งกับตระกูลสำนักจักรพรรดิอื่น ๆ เลย ยกตัวอย่างเช่นครั้นเมื่ออยู่ในโลกเสวียนเทียน คนอื่นล้วนลงมือต่อหลัวซิว ทว่าข่งเม่าจากสำนักจักรพรรดิแสงดาวกลับไม่ได้เข้าร่วม เนื่องจากไม่ว่าจะสามารถสังหารหลัวซิวได้หรือไม่ มันล้วนไม่มีผลดีต่อสำนักจักรพรรดิแสงดาว
อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในห้วงดาราที่กฎเกณฑ์ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่สามารถฝึกตนถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศ สำนักการถ่ายทอดสืบสานที่มหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งบุกเบิกนั้น ถึงแม้จะถ่อมตัว แต่ก็ดูถูกไม่ได้เด็ดขาด
อีกทั้งหลังจากหลัวซิวทราบการคงอยู่ของเส้นทางดาราแล้ว เขาก็รู้แล้วว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ส่วนมากในอดีตต้องออกจากมหาโลกาพันสามโดยเส้นทางดาราแน่นอน จากพรสวรรค์ที่เป็นเลิศของพวกเขา หากเข้าไปในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแล้ว ขอแค่ไม่ดับสลายสูญสิ้น อนาคตอย่างน้อยก็มีโอกาสบรรลุเป็นเทพมารระดับเจ็ด หรืออาจจะบรรลุเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเทพมารระดับเจ็ดก็เป็นได้
มีการคงอยู่ของเส้นทางดารา หลังจากมหาจักรพรรดิยุทธ์เหล่านั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นแล้ว พวกเขาก็มีโอกาสกลับมาเช่นกัน มอบอุบายและภูมิฐานที่ทรงพลังมากกว่าให้แก่สำนักตระกูลของตน เพื่อรับประกันว่าจะสามารถถ่ายทอดและสืบสานได้ตลอดไป
วรยุทธ์ของมหาจักรพรรดิยุทธ์แสงดาวถือกำเนิดจากเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า เล่ากันว่าเป็นวรยุทธ์หนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องมีผลการฝึกตนแข็งแกร่ง เมื่ออยู่ภายใต้แดนเดียวกัน พลังเวทย์ผลการฝึกตนของจอมยุทธ์ที่ฝึกเคล็ดเซียนแสงดาวจะมั่นคงกว่าจอมยุทธ์คนอื่น ๆ หลายเท่าตัวตลอดจนหลายสิบเท่าเลย
ลาร์และดูดจิตคอยติดตามอยู่ด้านหลังหลัวซิวอย่างจงรักภักดีมาก หลังจากหลัวซิวเข้าไปในมหาโลกะแสงดาวแล้ว เขาก็จุติลงบนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งอย่างเรื่อยเปื่อย มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าเมืองแปลงมังกร
ขณะที่เดินผ่านหน้าร้านขายยาร้านหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีเสียงปั้งดังขึ้น ก่อนจะมีเงาดำร่างหนึ่งบินออกมาจากร้านขายยา อีกทั้งพุ่งชนเข้ามาทางหลัวซิวด้วย
หลัวซิวไม่มีทางถูกพุ่งชนจริง ๆ อยู่แล้ว เพียงพริบตาเดียวร่างกายเขาก็หายวับไปกับที่ จากนั้นเงาร่างดังกล่าวก็กระแทกลงพื้นจนเสียงดังตู้ม ก่อนจะมีฝุ่นตลบฟุ้งไปทั่ว
คนดังกล่าวคือชายหนุ่มที่ใบหน้าค่อนข้างขาวซีด มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากเล็กน้อย ใบหน้าข้างซ้ายบวมนูนขึ้นมา และมีรอยนิ้วมือสีแดงด้วย เห็นได้ชัดเจนมากเลยว่าเขาถูกผู้อื่นตบหน้าจนกระเด็นออกมาจากร้านขายยา
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาอยู่บนถนนต่างพากันหลีกออก ไม่มีคนอยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทว่าก็มีคนจำนวนมากที่วนเวียนอยู่ในละแวกใกล้เคียงเพื่อมุงดูความสนุก ซึ่งนี่ก็คืออุปนิสัยที่ไร้น้ำใจของชาวโลก
มีเสียงฝีเท้าดังออกมาจากร้านขายยานั่น จากนั้นก็มีชายที่อยู่ในชุดแพรแขนยาวเดินออกมา มือข้างหนึ่งไขว้ไว้ด้านหลัง สีหน้าอารมณ์หยิ่งยโส ลักษณะท่าทีเหมือนไม่นำผู้ใดมาไว้ในสายตายังไงอย่างนั้น
“ลู่จื่อโม่ กูแนะนำให้มึงส่งเคล็ดแสงดาวออกมาแต่โดยดีจะดีกว่า มิเช่นนั้นกูไม่รังเกียจที่จะดูดจิตกลั่นญาณมึงหรอกนะ หากทำตามที่กูบอก ไม่แน่มึงอาจจะยังมีชีวิตรอดต่อไปได้”
ชายชุดแพรพูดอย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะกวาดตามองดูรอบ ๆ ด้วยสายตาที่เยือกเย็น “มองส้นตีนอะไร ไสหัวออกไปให้หมด มิเช่นนั้นตาย!”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีจิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันปะทุออกมาจากตัวชายดังกล่าว ชุดคลุมยาวที่อยู่บนตัวก็พองขึ้นเช่นกัน ราวกับกำลังสะสมผลการฝึกตนพลังเวทย์ วางแผนที่จะลงมือสังหารผู้คนแล้วจริง ๆ