มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2578
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2578
ถัดจากนั้น ดูดจิตก็กลายร่างเป็นร่างดั้งเดิม จากความเร็วในการโบยบิน ณ ปัจจุบันของมัน ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก็มาถึงแผ่นดินแสงดาวเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งมาถึงละแวกใกล้เคียงเมืองตระกูลหยู
ตู้มม!
มีเรื่องบางอย่าง หลัวซิวไม่จำเป็นต้องสอนเลยด้วยซ้ำ ดูดจิตก็รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร ร่างกายที่ดุร้ายน่ากลัวตกลงมาจากฟ้าโดยตรง ได้ยินเพียงเสียงตู้มดังลั่นขึ้นมา ทั้งเมืองตระกูลหยูก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรง
ตำแหน่งที่ดูดจิตร่วงลงคือสนามจัตุรัสที่เป็นศูนย์กลางของเมืองตระกูลหยู เลาลาดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดึงดูดความสนใจของจอมยุทธ์ทั้งหลายในเมืองตระกูลหยูได้ภายในพริบตา
“ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ผู้ใดบังอาจโอหังเช่นนี้ในเมืองตระกูลหยู?”
ทันทีที่ดูดจิตร่วงลงมา ก็มีคนในตระกูลหยูตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว ที่นี่คือฐานที่มั่นของตระกูลหยู จึงจะปล่อยให้ผู้อื่นมาทำตัวเอิกเกริกยิ่งใหญ่ที่นี่ไม่ได้อยู่แล้ว
ผู้ที่ลงมือมีสิบกว่าคน ทว่าผลการฝึกตนกลับไม่สูง สูงสุดก็เป็นเพียงมกุฎเทพ ยิ่งกว่านั้นส่วนมากเป็นเพียงราชาเทพเท่านั้น
สำหรับดูดจิตแล้ว การโจมตีระดับนี้ไม่สามารถทำให้มันหายคันได้เลยด้วยซ้ำ มีลมปราณสองปราณพุ่งออกมาจากรูจมูกทั้งสองข้าง ก็ทำการบดขยี้จอมยุทธ์สิบกว่าคนของตระกูลหยูที่ลงมือจนกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตา ร่างตายธรรมสิ้น
“หึ ไม่ทราบว่าเป็นผู้เพื่อนยุทธ์จากที่ใดถึงเล่นใหญ่เช่นนี้ มาก่อความวุ่นวายในคูเมืองตระกูลหยูข้ารุนแรงเช่นนี้ ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!”
จากการที่มีเสียงหัวเราะอันเยือกเย็นดังขึ้น ต่อมาก็มีผู้อาวุโสตระกูลหยูปรากฏสองคน บนตัวต่างมีออร่าที่มากมายมหาศาลของผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพเชี่ยวกราก
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แผ่นดินแสงดาวจะไม่มีตระกูลหยูอีก และจะไม่มีเมืองตระกูลหยูอีกด้วย”
เสียงอันเยือกเย็นค่อย ๆ สะท้อนออกไป ดังก้องอยู่กลางนภาทั้งเมืองตระกูลหยู วินาทีนี้แววตาของทุกคนล้วนผนึกรวมกันไปในทิศทางเดียวอย่างอดไม่ได้ มองเห็นศีรษะอสูรกายที่ดูดุร้ายนั่นปรากฏกลางนภา มีชายชุดคลุมยาวดำที่ดูหนุ่มมาก ๆ คนหนึ่งใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง สีหน้าอารมณ์ดูเย็นชา
เสียงยังคงดังก้องอยู่กลางนภา เงาร่างของหลัวซิวก็หายวับไปตามเช่นกัน ก่อนจะปรากฏตรงหน้าผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลหยูในวินาทีต่อไป
อัคคีเทพซิวหลัวสีแดงมืดผนึกรวมกันอยู่กลางฝ่ามือหลัวซิว จากศักยภาพในปัจจุบันของหลัวซิว การที่จะจัดการจอมยุทธ์ที่อยู่ต่ำกว่าจักรพรรดิเทพนั้น เขาไม่จำเป็นต้องใช้อุบายที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ แค่อาศัยอัคคีเทพชีวี ก็สามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายแล้ว
ตู้ม!
อนัตตาถูกแผดเผาจนกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ภายในพริบตา ผู้อาวุโสทั้งสองคนจากตระกูลหยูไม่ทันได้กรีดร้องเลยด้วยซ้ำ ร่างกายก็หายวับไปโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นร่างเนื้อช่องจิตของของพวกเขา หรือของขลังอาวุธสงคราม ล้วนถูกแผดเผาจนกลายเป็นว่างเปล่าภายใต้อัคคีเทพอันน่ากลัว
ถัดจากนั้นหลัวซิวก็พุ่งตรงไปยังสิ่งปลูกสร้างที่สูงใหญ่ที่สุดในเมืองตระกูลหยูโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ซึ่งนั่นคือตำแหน่งฐานที่มั่นของตระกูลหยู
ในส่วนของลาร์นั้น ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งถึงบัดนี้เขาไม่ได้ลงมือเลย การต่อสู้ระดับนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาลงมือ ส่วนภารกิจที่หลัวซิวมอบหมายให้เขานั้น ก็คือปกป้องเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่
ดูดจิตก็กลายร่างเป็นร่างมนุษย์เช่นกัน แล้วพุ่งตามหลังหลัวซิวไป ค่ายกลระดับมหาจักรพรรดิที่ตระกูลหยูจัดวางไว้บริเวณรอบ ๆ นั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิวก็เหมือนของตกแต่งยังไงอย่างนั้น
หลังจากหลัวซิวพุ่งเข้าไปตระกูลหยูแล้ว ก็เริ่มทำการเข่นฆ่าอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ก็มีผู้อาวุโสระดับจ้าวมหาเทพอีกหลายคนถูกอัคคีเทพซิวหลัวแผดเผาจนกลายเป็นฝุ่นผง
“เจ้าคือผู้ใดกันแน่!”
เสียงตะคอกอันโกรธเกรี้ยวที่สะเทือนฟ้าดังก้องออกมาจากตระกูลหยู ถัดจากนั้นก็มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งสามพลังพรั่งพรูออกมา กลายเป็นแสงกลสามดวง มาถึงภายในชั่วลมหายใจเดียว
ซึ่งเจ้าของแสงกลทั้งสามดวงนี้ ก็คือบรรพอาจารย์จักรพรรดิเทพที่มีบุญคุณสูงส่งที่สุดในตระกูลหยูนั่นเอง
ศัตรูฆ่ามาถึงจวนตระกูลหยูแล้ว หากพวกเขาบรรพอาจารย์ทั้งสามคนยังนิ่งดูดายต่อไปได้สิเป็นเรื่องแปลก
“เจ้า……เจ้าคือหลัวซิวจากมหาโลกายอดอัมพรหรือ?”เมื่อบรรพอาจารย์ทั้งสามจากตระกูลหยูมองเห็นหลัวซิว แววตาก็ดูเข้มงวดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ พวกเขาจำตัวตนของเขาได้แล้ว
ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นหลัวซิว ทว่ากลับเคยเห็นภาพวาดของหลัวซิวอยู่ อย่าว่าแต่ตระกูลหยูของพวกเขาเลย ต่อให้เป็นสำนักจักรพรรดิแสงดาวก็จัดว่าหลัวซิวเป็นผู้ที่รุกรานง่าย ๆ ไม่ได้
เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีข่าวคราวอันน่าทึ่งของหลัวซิวแพร่งพรายแล้ว เล่ากันว่าเขาเดินทางไปตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ ตำหนักเสินหยูและบรรพมารรังมังกรติดต่อกัน ยิ่งกว่านั้นคือตระกูลสำนักจักรพรรดิและเหล่ากองกำลังชั้นยอดล้วนเลือกที่จะประนีประนอมต่อหน้าเขา