มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2597
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2597
หุบเขาหิมะเยือกยิ่งอันตราย หลัวซิวก็ยิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของหนิงหานยู่และจีเสี่ยวจื่อ อดีตยัยหนูสองคนนี้เคยอยู่ข้างกายเขานานมาก ๆ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อพวกนางนั้น ก็เหมือนน้องสาวแท้ ๆ เลย
หลัวซิวให้ความสำคัญกับมิตรสหายที่อยู่ข้างกายมากเช่นนี้ แล้วจะนับประสาอะไรกับยู่เอ๋อร์และเสี่ยวจื่อที่เขามองเป็นน้องสาวแท้ ๆ เล่า?
เงาร่างของเขากระพริบ แล้วเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาหิมะอย่างรวดเร็ว บัดนี้ดูดจิตและลาร์ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ต่างตามอยู่ด้านหลังหลัวซิวอย่างเชื่อฟังคำสั่ง
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง กฎธาตุน้ำแข็งที่ตลบฟุ้งอยู่ในหุบเขาหิมะก็บรรลุถึงขั้น 10 แล้ว หลัวซิวสัมผัสพลังออร่าของยู่เอ๋อร์และเสี่ยวจื่อได้เสี้ยวหนึ่ง นี่จึงทำให้เขายืนยันได้แล้วว่ายัยหนูสองคนนั้นเข้ามาในนี้จริง ๆ
ไม่นานนัก หลัวซิวก็มาถึงเขตพื้นที่ที่เป็นแกนกลางสุดของหุบเขาหิมะ เมื่อมาถึงที่นี่เขาก็มองเห็นบ่อน้ำที่สร้างมาจากผลึกน้ำแข็งหนึ่งแห่ง ตรงกลางของบ่อน้ำมีแท่นบูชาที่ตั้งตระหง่านหนึ่งแท่น ภายในบ่อน้ำบริเวณรอบ ๆ แท่นบูชามีน้ำที่มีรัศมีสีฟ้าอ่อนเป็นประกายระยิบระยับ
“วารีหนาวสำท้าน?”
หลัวซิวเดินตรงไปอย่างรวดเร็ว พบว่าน้ำที่อยู่ในบ่อน้ำแห่งนี้คือสีฟ้า จึงมีรัศมีแห่งความแปลกใจทะลุออกมาจากแววตาเล็กน้อย
วารีหนาวสำท้านคือของล้ำค่าชนิดหนึ่ง และเป็นวัตถุดิบเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือขณะที่กลั่นยาและหลอมอาวุธบางอย่าง ก็จำเป็นต้องใช้เจ้าสิ่งนี้เช่นกัน
วารีหนาวสำท้านเป็นสิ่งที่ผนึกรวมมาจากพลังกฎธาตุน้ำแข็งขั้น 10 แต่ทว่าวารีหนาวสำท้านยังไม่ใช่ของที่ล้ำค่าที่สุดของที่นี่ แต่เป็นหอกยาวสีขาวหิมะล้วนที่อยู่บนแท่นบูชา
ตำแหน่งของบ่อน้ำและแท่นบูชานี้คือตำแหน่งแกนกลางค่ายกลของทั้งหุบเขาหิมะเยือก หลัวซิวพบว่าออร่าเย็นเยือกที่ผนึกรวมมาจากทั่วทุกสารทิศ ส่วนมากล้วนถูกหอกยาวบนแท่นบูชาดูดซับไป มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ผนึกรวมกันบริเวณรอบแท่นบูชา ภายใต้การสั่งสมมาเป็นเวลานาน ทำให้มันกลายเป็นวารีหนาวสำท้าน
หอกยาวสีขาวหิมะประณีตและงดงามมาก ทำให้ผู้พบเห็นแค่มองก็รู้แล้วว่ามันคืออาวุธเล่มหนึ่งสำหรับสตรี หอกยาวเสียบอยู่บนแท่นบูชา ซึ่งบนแท่นบูชาก็มีลายค่ายและยันต์ค่ายที่ซับซ้อนสลักจารึกอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนบริเวณรอบ ๆ ของบ่อน้ำนั้น นอกเหนือจากออร่าเย็นเยือกแล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันอย่างยิ่ง
“ค่ายสังหารเทพระดับเจ็ด!”สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิน่าล่ะวารีหนาวสำท้านที่อยู่ในบ่อน้ำนี้และหอกยาวที่อยู่บนแท่นบูชาถึงคงอยู่มาได้ยาวนานเช่นนี้ เมื่อมีค่ายสังหารระดับเทพระดับเจ็ดตั้งอยู่ตรงนี้หนึ่งค่าย แล้วผู้ใดจะกล้าบุกรุกเข้าไปบ้างเล่า?
หลัวซิวยึดกุมวิชาฎีกาค่าย เขาถึงขั้นสามารถสัมผัสได้ว่าค่ายสังหารเทพระดับเจ็ดของสถานที่แห่งนี้ ยังไม่ใช่ค่ายสังหารระดับเจ็ดทั่วไปด้วย มาตรแม้นว่าศักยภาพขั้นสูงสุดของลาร์ฟื้นฟูกลับคืนมา ก็ใช่ว่าจะสามารถบุกเข้าไปได้เสมอไป
ต้องท้าวความก่อนว่าศักยภาพสูงสุดของลาร์คือมกุฎเทพระดับเจ็ดเชียวนะ กำลังรบสามารถเทียบทัดเทพมารระดับแปดขั้นปฐมภูมิ ค่ายสังหารระดับเจ็ดหนึ่งค่ายยังทำให้เขาบุกเข้าไปง่าย ๆ ไม่ได้ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าพลานุภาพของมันน่าสยดสยองมากเพียงใด
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวพบว่าพลังออร่าของเสี่ยวจื่อและยู่เอ๋อร์ที่เขาตามหามาตลอดทางก็หายไปจากจุดนี้นี่แหละ
“หรือว่ายัยหนูสองคนนั้นบุกเข้าไปในค่ายสังหารแล้ว?”หลัวซิวขมวดคิ้วลง จากศักยภาพของยัยหนูทั้งสองคนนั้น หากบุกเข้าไปในค่ายสังหาร เกรงว่าคงจะถูกสังหารจนไม่เหลือซากภายในเสี้ยววินาทีเลย
แต่เขาก็ปฏิเสธความเป็นไปได้นี้ไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหนิงหานยู่และจีเสี่ยวจื่อไม่มีทางไม่ทราบความรู้ทั่วไปแค่นี้ หนิงหานยู่ได้หลอมรวมกับหินนิรันดร์ ต่อให้นางจะถูกค่ายสังหารฆ่าไปแล้ว หินนิรันดร์ก็ไม่มีทางถูกทำลาย แต่ที่นี่กลับไม่มีออร่าของหินนิรันดร์หลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
แผ่ขยายตัวสำนึกออกไป ญาณเทวร่างมนุษย์ที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา แสงสีทองขึ้น ๆ ลง ๆ พลังตัวสำนึกถูกเขาโคจรถึงขีดสูงสุด ทำการสำรวจทุกซอกทุกมุมของหุบเขาหิมะแห่งนี้
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ก็มีความรู้สึกที่เหมือนยกภูเขาออกจากอกปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว เขาค้นพบร่องรอยของค่ายกลซ่อนงำหนึ่งในตำแหน่งที่อยู่ห่างจากบ่อน้ำแห่งนี้หลายร้อยเมตร