มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2598
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2598
ตัวสำนึกของเขาทะลุผ่านค่ายกลซ่อนงำไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็มองเห็นจีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ที่หลบซ่อนอยู่ภายใน สภาวะของพวกนางทั้งสองย่ำแย่มาก อย่างไรเสียภายในหุบเขาหิมะก็ตลบฟุ้งไปด้วยออร่าเย็นเยือก พวกนางสามารถต้านทานได้สักพัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน ก็จะสูญเสียผลการฝึกตนมาก แทบจะถึงขีดจำกัดของพวกนางแล้ว
ในส่วนของค่ายกลซ่อนงำนี้นั้น ก็ไม่ได้ถูกจัดวางโดยพวกนางเช่นกัน แต่มันถูกกระตุ้นออกมาจากผังค่ายที่มีลายค่ายจารึกอยู่
“ยัยหนูสองคนนี้นี่ ดูซิต่อไปพวกเจ้าจะหนีไปไหนมั่วซั่วอีกหรือไม่”
เงาร่างกระพริบทีหนึ่ง หลัวซิวก็ฉีกกระชากค่ายกลซ่อนงำออกโดยตรง แล้วปรากฏตรงหน้าหนิงหานยู่และจีเสี่ยวจื่อ
จีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่คาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่าจะมีคนปรากฏตัวกะทันหัน จึงตกใจจนสะดุ้งคาที่ จีเสี่ยวจื่อยิ่งหยิบหอกยุทธ์มังกรดำออกมาโดยสัญชาตญาณ แล้วทิ่มแทงไปทางหลัวซิวโดยที่ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
เตี๊ยง!
หลัวซิวดีดนิ้วชี้ทีหนึ่ง ทำการดีดหอกยุทธ์มังกรดำไปข้าง ๆ เวลานี้จีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ถึงจะมองเห็นสภาพของเขาได้ชัดเจน
“เฮีย?”
“ศิษย์พี่? ใช่ท่านจริง ๆ หรือ?”
บนใบหน้าของสตรีทั้งสองนางต่างดูประหลาดใจ ใบหน้าที่ขาวซีดเล็กน้อยก็แดงระเรื่อขึ้นมาเยอะมากเพราะความตื่นเต้นดีใจ
สำหรับพวกนางแล้ว ขอแค่หลัวซิวปรากฏตัว เช่นนั้นปัญหาทุกอย่างก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป หลัวซิวจะช่วยพวกนางจัดการภาวะที่ตกอับและปัญหาทุกอย่างเอง
“หากไม่ใช่ข้า แล้วจะเป็นผู้อื่นหรือ?”หลัวซิวหัวเราะ เมื่อเห็นว่าสตรีทั้งสองต่างปลอดภัยดี ในที่สุดเขาก็วางใจลงไปได้สักที
ยกมือโบกทีหนึ่ง เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ก็ถูกหลัวซิวปล่อยออกมาจากตำหนักวัฏสงสาร เมื่อสตรีทั้งสี่พบหน้ากัน จึงถามไถ่เสียงดังจ๊อกแจ๊กอย่างเอาใจใส่ซึ่งกันและกันทันที ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางนั้น ถือว่าเข้ากันได้ปรองดองดีมาก
“เราไปกันเถอะ”ในเมื่อเจอเสี่ยวจื่อและยู่เอ๋อร์แล้ว การอยู่ที่นี่ต่อจึงไม่มีความจำเป็นอะไรแล้ว
“เฮีย ฝั่งนั้นมีหอกหนึ่งเล่มเจ้าค่ะ ดูแล้วเหมือนจะสุดยอดมาก ๆ แต่ทว่าเหมือนจะมีค่ายกลอยู่ด้วย ข้าและพี่เสี่ยวจื่อไม่กล้าไปเลยเจ้าค่ะ”หนิงหานยู่ใช้นิ้วชี้ไปยังทิศทางของแท่นบูชาและบ่อน้ำพลางพูด
“โชคดีที่พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ไป มิเช่นนั้นละก็ คงต้องฝากชีวิตอันน้อยนิดของพวกเจ้าไว้ที่นี่แล้วล่ะ”หลัวซิวเขกกบาลหนิงหานยู่ทีหนึ่ง ยิ้มพลางตำหนิ: “อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย มาตรแม้นว่าเป็นข้า ก็อย่าคิดว่าจะได้ครอบครองสิ่งที่อยู่ภายในค่ายกลนั้น”
ใช่ว่าหลัวซิวจะไม่หวั่นไหวต่อวารีหนาวสำท้านในบ่อน้ำและหอกเทวหิมะบนแท่นบูชา แต่ทว่าเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเขายังรับมือกับค่ายสังหารเทพระดับเจ็ดนั่นไม่ได้
มิหนำซ้ำถึงแม้วารีหนาวสำท้านจะเป็นของดี แต่ก็ใช่ว่าต้องครอบครองให้ได้เสมอไป ในส่วนของหอกเทวหิมะนั้น ต่อให้เป็นอาวุธเทพระดับเจ็ดหรืออาวุธเทพระดับแปดแล้วอย่างไร? เขามีกระบี่ร่องฟ้า ซึ่งเป็นอาวุธเทพระดับเก้าอยู่ และเขาก็ไม่ขาดแคลนอาวุธที่ทรงพลังด้วย
อนาคตหากศักยภาพของเขามีการยกระดับแล้ว บางทีอาจจะมีโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่อาจลืมเลือนมัน
ออกจากหุบเขาหิมะเยือก เมื่อจีเสี่ยวจื่อและหนิงหานยู่ได้ยินว่าหลัวซิวลงมือทำลายล้างตำหนักเสินหยูเพื่อพวกนาง ในใจต่างก็รู้สึกตะลึงและตื้นตันใจ ทุกคนในโลกหล้าล้วนทราบความแข็งแกร่งของสำนักมหาจักรพรรดิยุทธ์ดี หลัวซิวสามารถลงมือล้มล้างกองกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนั้นเพื่อพวกนางอย่างไม่ลังเลใจ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าตำแหน่งของพวกนางที่อยู่ในใจหลัวซิวนั้นสูงเพียงใด
ผู้หญิงก็เป็นเช่นนี้กันทั้งนั้นแหละ พวกนางให้ความสนใจตำแหน่งของตัวเองที่อยู่ในใจผู้ที่ตนเองให้ความสำคัญมาก ๆ
ข่าวคราวที่ตำหนักเสินหยูถูกล้มล้างได้แพร่งพรายไปยังมหาโลกาอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อไม่มีผู้มากอิทธิพลอย่างสำนักเสินหยู สถานการณ์ของโลกาวิหารเทวก็สั่นคลอนขึ้นมา และเมื่อตระกูลสำนักจักรพรรดิอื่น ๆ ทราบว่าผู้ที่ล้มล้างสำนักเสินหยูคือหลัวซิว ก็ยิ่งรู้สึกช็อกถึงขั้นที่ช็อกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว