มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2599
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2599
นายแห่งเผ่าจี้ได้ทำการสอบถามเรื่องนี้ด้วยตนเอง หลัวซิวก็ไม่มีการปิดบังในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย นี่จึงทำให้นายแห่งเผ่าจี้ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าควรจะพูดอะไรดี เขาประเมินศักยภาพของหลัวซิวเอาไว้สูงมาก ๆ แล้ว แต่กลับไม่นึกเลยว่าเขาจะมีความสามารถในการล้มล้างการสืบสานของมหาจักรพรรดิยุทธ์หนึ่งแล้ว
ในส่วนของเหล่าตระกูลสำนักจักรพรรดิที่มีความขัดแย้งต่อหลัวซิวนั้น แต่ละกองกำลังยิ่งกระวนกระวายใจมาก เนื่องจากในเมื่อหลัวซิวสามารถล้มล้างตำหนักเสินหยู เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาก็มีโอกาสทำลายล้างตระกูลมู่สรรพสิทธิ์ และสำนักจักรพรรดิแสงดาวเช่นกัน รุ่นหลังที่ยังเป็นวัยรุ่นคนนี้น่ากลัวมากเกินไปแล้ว จักยังมีผู้ใดกล้าปฏิบัติต่อเขาเหมือนผู้น้อยคนหนึ่งอีก?
ภายในเวลาชั่วขณะ สมญานามท่านชายซิวหลัวที่อยู่ในมหาโลกาพันสามเรียกได้เลยว่าเจริญรุ่งเรืองอย่างขีดสุดเหมือนดวงตะวันอยู่กลางฟ้า เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ฝึกตนไม่ถึงหนึ่งพันปี ได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ ได้สร้างตำนานที่เป็นของเขา ตำนานซิวหลัว!
ในขณะเดียวกันนี่ก็ทำให้คนในโลกได้รับรู้เช่นกันว่า ผู้คนที่อยู่รอบกายหลัวซิวก็คือต่อมพิโรธของหลัวซิว หากผู้ใดบังอาจแตะต้อง จุดจบก็คือสำนักถูกล้มล้าง ซึ่งตระกูลหยูและตำหนักเสินหยูแห่งมหาโลกะแสงดาวก็คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด!
……
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า พวกหลัวซิวก็กลับมาถึงยอดอัมพร เขาขอหอกยุทธ์มังกรดำมาจากมือจีเสี่ยวจื่อ ก่อนจะใช้วิชาฎีกาค่ายควบคู่กับวิชาเศษหนังสือยุทธภัณฑ์ เพื่อทำการยกระดับหอกยุทธ์มังกรดำ ยกระดับขึ้นไปถึงระดับสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพโดยตรง
หงเทียนกลายร่างเป็นมนุษย์ ทำให้ความฝันชั่วชีวิตของเขาลุล่วง กระโดดโลดเต้นไปมาอย่างตื่นเต้นดีใจต่อหน้าหลัวซิว
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า นี่เป็นเรื่องที่ข้าเคยสัญญากับเจ้าไว้ จึงย่อมเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว”หลัวซิวโบกมือไปมา ก่อนจะออกแรงประคองตัวหงเทียนขึ้นมาจากพื้น
หงเทียนไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดอะไรดี แน่นอนอยู่แล้วว่าขณะที่เขาพบเจอหลัวซิว เขาเป็นเด็กเมื่อวานซืนที่แม้แต่แดนเทพมารยังบรรลุไม่ถึงเลย อีกทั้งยังอยู่ในโลกาดาราที่ระดับขั้นต่ำที่สุดด้วย
เดิมทีนึกว่าการที่จะทำความฝันให้สำเร็จนั้น อย่างน้อยเขาก็ต้องใช้เวลาหนึ่งแสนตลอดจนหนึ่งล้านปี แต่กลับไม่นึกเลยว่านี่เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่ร้อยปีเอง หลัวซิวก็เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว
นึกย้อนกลับไปถึงเมื่อปีนั้น เขาเป็นศิษย์เชื้อสายตรงของตระกูลหง และพรสวรรค์ก็ถือว่าไม่เลวเช่นกัน ฝึกตนถึงแดนเทพฟ้าภายในระยะเวลาหลักร้อยปีก็หลงระเริงใจมากแล้ว ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับหลัวซิว ก็แตกต่างราวกับฟ้ากับเหวเลย
หงเทียนรู้อยู่ว่าเกณฑ์ฟ้าดินในดาราที่มหาโลกาพันสามคงอยู่นั้นไม่สมบูรณ์ครบถ้วน มันไม่ใช่ที่ของหลัวซิว โลกาที่กว้างขวางมากกว่าอย่างโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดถึงจะเป็นเวทีของเขาต่างหาก!
เมื่อเห็นว่าสภาพของหงเทียนดูลังเลใจเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูด หลัวซิวก็ทราบความในใจของเขาแล้ว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง: “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากล้างแค้น แต่ตระกูลหงกลับไม่ใช่สิ่งที่ตำหนักเสินหยูสามารถเทียบเคียงได้ อย่างไรเสียตระกูลหงก็เป็นกองกำลังที่มาจากโลกมหาศักดิ์เช่นกัน”
“ข้ารู้ การที่ท่านทำให้ข้าผันร่างเป็นมนุษย์ได้นั้น ก็ถือเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่เหมือนช่วยชีวิตข้าไว้แล้ว ในส่วนของเรื่องการล้างแค้นนั้น ข้าเชื่อว่าสักวันในอนาคตข้าเองก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน”หงเทียนพูดอย่างทอดถอนใจ
หลัวซิวรู้อยู่ว่าที่หงเทียนพูดคำพูดเช่นนี้นั้น เขาไม่ได้จะบังคับตนเอง แต่ทว่าเรื่องที่เชื้อสายของพวกเขาถูกล้มล้างเมื่อปีนั้น ทำให้เขาแค้นฝังหุ่นมาโดยตลอด จนแทบจะกลายเป็นความลุ่มหลงของเขา
“วางใจเถิด วันนั้นมันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ ปัจจุบันข้าเพิ่งฝึกตนถึงแดนจ้าวมหาเทพได้ไม่นาน คอยข้าบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพ ไม่ว่าตระกูลหงจะมีภูมิฐานและอุบายอะไร ข้าก็สามารถช่วยเจ้าล้างแค้นได้”หลัวซิวกล่าวเช่นนี้
……
ระยะเวลาถัดจากนี้ หลัวซิวอยู่ในเผ่าจี้มาโดยตลอด มีเรื่องราวเกิดขึ้นติดต่อกันหลายอย่าง หลัวซิวก็ไม่กล้าให้คนรอบกายตนออกไปฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแดนไกลอีกแล้ว
เขาอาศัยอุบายค่ายกลของตนเอง บุกเบิกปริภูมิค่ายกลแห่งหนึ่งในเผ่าจี้ และภายในปริภูมิค่ายกลจะมีการขัดเกลาและบททดสอบต่าง ๆ นานา ซึ่งสามารถบรรลุประสิทธิผลด้านการฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์เช่นกัน
ภายในแหวนเก็บของมีทรัพยากรการฝึกตนจำนวนมาก หลัวซิวทิ้งมันไว้ให้เหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ จีเสี่ยวจื่อ หนิงหานยู่แล้วก็ช่าจื่อเยียน เสี่ยวเจียงหมิงส่วนหนึ่ง ส่วนทรัพยากรที่มากกว่านั้น เขาได้ให้ดูดจิตส่งไปยังตระกูลเทพสงคราม
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ซิงเฉินนำพาตระกูลเทพสงครามเข่นฆ่าทำสงครามอยู่ด้านนอกตลอดทั้งปี ตระกูลเทพสงครามที่อยู่ในมหาโลกาพันสามในปัจจุบันมีชื่อเสียงที่โด่งดังมาก แทบจะไม่เคยพ่ายแพ้เลย ท่าทีในการเจริญรุ่งเรืองขึ้นมานั้นชัดเจนมาก ยิ่งกว่านั้นคือหลัวซิวได้ยินว่าซิงเฉินฝึกถึงจ้าวมหาเทพขั้น 6 และใกล้จะบรรลุสู่จ้าวมหาเทพขั้น 7 แล้ว
ความเร็วในการเจริญเติบโตของซิงเฉินทำให้หลัวซิวรู้สึกพึงพอใจมาก ปัจจุบันผลการฝึกตนของผู้คนที่อยู่รอบกายถึงขั้นสูงกว่าเขาแล้ว นี่จึงทำให้หลัวซิวอยากยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองอย่างอดใจรอไม่ไหว
แต่ทรัพยากรที่อยู่ในมือเขามีเยอะมาก ทว่าสิ่งที่สามารถทำให้เขานำมายกระดับผลการฝึกตนของตัวเองกลับมีน้อยมาก ถึงแม้เขาจะสามารถกลั่นยา แต่หลังจากบริโภคยาประเภทหนึ่งจนถึงระดับที่แน่นอนแล้ว ร่างกายก็จะเกิดการดื้อยา สำหรับจุดนี้ แม้แต่เขาที่ยึดกุมคัมภีร์โอสถก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ณ สำนักเผ่าจี้ หลัวซิวและนายแห่งเผ่าจี้นั่งประจันหน้ากัน ยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบชาหนึ่งอึก
ตั้งแต่นายแห่งเผ่าจี้บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว เผ่าจี้ก็กลายเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาโลกาพันสาม
ในเผ่าจี้ในปัจจุบัน ก็มีเพียงหลัวซิวเท่านั้นที่มีสิทธิ์นั่งอยู่ในระดับเดียวกันกับนายแห่งเผ่าจี้
“ไยจึงมีเวลามาหาข้าได้เล่า?”นายแห่งเผ่าจี้จิบชาหนึ่งอึกพลางยิ้มพลางถาม เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อหลัวซิวเหมือนผู้น้อยคนหนึ่งแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ล้มล้างตำหนักเสินหยู หรือบุญคุณที่หลัวซิวให้เขายืมลูกแก้วความเป็นตายบรรลุสู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ เขาก็จักไม่วางมาดต่อหน้าหลัวซิวเพียงเพราะผลการฝึกตนของตนบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว