มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2606
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2606
แน่นอนอยู่แล้วว่าหลัวซิวไม่มีทางคิดว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเดินทางมาจากที่ไกลเพียงเพราะจะเรียกตนว่าสหาย
“มหาจักรพรรดิยุทธ์พูดเช่นนี้ข้าแบกรับไม่ไหวหรอกนะ ปัจจุบันผลการฝึกตนของข้าเป็นเพียงจ้าวมหาเทพ ระยะเวลาที่ฝึกตนก็ไม่ถึงหนึ่งพันปี แต่ท่านกลับเป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกหล้าตั้งแต่เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนแล้ว สรรพนามสหายมันไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”หลัวซิวกล่าว
ในทางตรงกันข้าม กลับมีความดูหมิ่นปรากฏบนใบหน้าลาร์ที่ยืนอยู่ข้างกายหลัวซิว เทพมารระดับหกกระจอก ๆ คนหนึ่ง ก็มีสิทธิ์เรียกนายท่านว่าสหายอย่างนั้นหรือ?
ในมุมมองของลาร์ อย่าว่าแต่เทพมารระดับหกเลย ต่อให้เทพมารระดับเก้ามาถึงก็ไม่มีคุณสมบัตินั้น
“สหายหลัวพูดเช่นนี้มันไม่ถูกเลยนะ จอมยุทธ์ในยุคข้า ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ระยะเวลาในการฝึกตนไม่นาน ไม่ได้หมายความว่าศักยภาพไม่แข็งแกร่ง แม้ปัจจุบันผลการฝึกตนของเจ้าจะเทียบเคียงกับข้าไม่ได้ แต่ข้าเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน สหายหลัวก็จะอยู่เหนือข้าแล้ว”มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิยิ้มพลางพูด
ทั้งหมดที่เขากล่าวมานั้นก็เป็นความจริงอยู่ หลังจากผ่านการคบค้าสมาคมกันมาหลายครั้ง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความลึกลับของหลัวซิว ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ปราดเปรื่องมากเพียงใด ก็ไม่มีทางฝึกตนถึงขั้นนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงร้อยปีแน่นอน
เพราะฉะนั้นในใจมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิจึงมีการคาดเดาที่กล้าหาญตั้งนานแล้ว นั่นก็คือมีความเป็นไปได้สูงมากว่าหลัวซิวนี่เป็นร่างที่ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคกลับชาติมาเกิด!
การกลับชาติมาเกิดผ่านวัฏสงสารนั้นดูเหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝัน ทว่าเมื่อบรรลุถึงแดนอย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ ก็ต่างทราบอยู่ว่าการกลับชาติมาเกิดผ่านวัฏสงสารคงอยู่จริง ซึ่งมีเพียงคำอธิบายอย่างการกลับช่างมาเกิดผ่านวัฏสงสารเท่านั้น ถึงจะสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดผลการฝึกตนศักยภาพของหลัวซิวถึงยกระดับได้เร็วปานปีศาจเช่นนี้
อ้างอิงจากความเข้าใจของมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่สามารถกลับชาติมาเกิดผ่านวัฏสงสารได้นั้น ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือการจินตนาการของเขาแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าถึงจะสามารถทำได้
ในอดีต มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิคิดว่าหลัวซิวอ่อนแอ เพราะฉะนั้นจึงอยากแก่งแย่งเศษกงล้อวัฏจักรธรรมมาจากเขามาโดยตลอด แต่จากการที่หลัวซิวยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิก็รู้แล้วว่าในอนาคตอันใกล้ หลัวซิวก็จะอยู่เหนือตน ถึงครานั้นหากตนยังมีความคิดที่จะแก่งแย่งกงล้อวัฏจักรธรรมกลับคืนมาอีกละก็ เกรงว่าคงต้องได้ดับสลายสูญสิ้นแน่!
มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอันแรงกล้า เขาไม่อยากเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานในห้วงดาราที่เกณฑ์ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนอย่างมหาโลกาพันสาม เมื่อปีนั้นสาเหตุที่เขาอยากเข้าสู่โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดผ่านเส้นทางดารานั้น ก็เพื่อแสวงหาวิถียุทธ์ที่เหนือชั้นยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตามเขากลับทำล้มเหลวเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ไม่เพียงไม่สามารถเข้าไปในเส้นทางดารา ยังบาดเจ็บสาหัสในเขาดึกดำบรรพ์ด้วย ก่อนจะบุกเข้าไปในวังเทียนหมิงโดยบังเอิญ และเกือบกลายเป็นหุ่นเชิดของชางเทียนหมิง
เขานอนหลับใหลมาหลายร้อนล้านปีแล้วฟื้นตื่นขึ้นมา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเจอโอกาสเสี้ยวหนึ่งในการหลุดพ้นจากการควบคุมของชางเทียนหมิง เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ยื่นข้อเสนอกับหลัวซิว มีความคิดที่อยากร่วมมือกับเผ่าจี้เพื่อบุกเข้าไปยังเส้นทางดาราของเขาดึกดำบรรพ์
หลัวซิวไม่ทราบแต่อย่างใดว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิมีความคิดแผนการที่มากมายเช่นนี้ หากเขาทราบละก็ คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมินี่สมกับเป็นเฒ่าประหลาดที่คงอยู่มาหลายร้อยล้านปีจริง ๆ มีหลายสิ่งอย่างที่ถูกเขาคาดเดาได้แม่นยำเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
แต่ทว่าเขาก็สามารถสัมผัสได้อยู่ว่าจากการคบค้าสมาคมกับมหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิในช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายตรงข้ามประสงค์ดีต่อเขาจริง ๆ โดยเฉพาะการเร่งเดินทางมาให้การช่วยเหลือเขาในครั้งนี้ อีกทั้งจะเรียกแทนกันและกันว่าสหาย จุดประสงค์ที่หวังดีนั้นชัดเจนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“แม้นระหว่างข้าและสหายหลัวจะเคยมีความขัดแย้งกันเล็กน้อย แต่ปัจจุบันข้าล้มเลิกความคิดที่จะแก่งแย่งเศษกงล้อวัฏจักรธรรมกลับมาตั้งนานแล้ว ข้าอยากเป็นสหายกับสหายหลัวด้วยความสัตย์จริงจริง ๆ”มหาจักรพรรดิยุทธ์แห่งนรกภูมิพูดอีกหนึ่งประโยค