มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2627
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2627
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“……”
หลัวซิวรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในห้วงความฝันที่ยาวนานมาก ๆ ภายในห้วงความฝันของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยการเข่นฆ่า ผู้คนที่คอยติดตามอยู่ข้างกายเขารบจนตายไปทีละคน สุดท้ายก็เหลือเพียงเขาคนเดียวที่เดินบนวิถีธรรมอันยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ตามหากเหลือเพียงตัวเองแล้ว ต่อให้เดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของวิถียุทธ์ แล้วมันจะมีความหมายอะไร?
ไม่มีผู้ใดที่เขาสามารถแบ่งปันความสำเร็จนี้ เกียรติยศนี้ได้อีกแล้ว
“ตื่นแล้ว! พระสวามีตื่นแล้ว……”
เมื่อหลัวซิวลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏในม่านตาคือใบหน้าที่ดีใจมากจนร้องไห้ของเหยียนเยว่เอ๋อร์ แล้วก็ความอบอุ่นที่ส่งมาจากมือเหยียนซีโรว่ที่นั่งกุมมือเขาอยู่ข้าง ๆ อย่างประหม่า
หลัวซิวกอดพวกนางเอาไว้ เขาไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ เนื่องจากความฝันในเมื่อครู่นี้มันสมจริงมากเกินไปแล้ว เขาสูญเสียทุกคนที่อยู่ข้างกาย
ลาร์ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนอนหนึ่งหลัง พวกจีเสี่ยวจื่อ ช่าจื่อเยียน เสี่ยวเจียงหมิง ซิงเฉินและหนิงหานยู่ล้วนอยู่รอบกายเขา
สีหน้าอารมณ์ของทุกคนล้วนดูหนักอึ้งเล็กน้อย เนื่องจากนายแห่งเผ่าจี้สละชีพไปแล้ว นายแห่งเผ่าจี้เผาผลาญอัคคีแห่งชีวีเพื่อแลกกับพลังอันแข็งแกร่ง จากนั้นก็มอบพลังนั้นให้แก่หลัวซิว ทำให้เขาใช้ศิลาผนึกปีศาจกดอัดชายชุดคลุมยาวเทานั่นจนตายในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อช่วงสุดท้าย
ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้ เขาทราบแค่ว่าชายชุดคลุมยาวเทานั่นมาจากตำหนักเสินหยู ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าฝ่ายตรงข้ามชื่ออะไร
หลังจากสังหารคู่ต่อสู้เสร็จ หลัวซิวก็นอนสลบไสลไปเช่นกัน ลาร์พาเขากลับมายังแดนปริศนาเผ่าจี้ ในขณะเดียวกันก็แจ้งข่าวการตายของนายแห่งเผ่าจี้ให้แก่เหล่าผู้อาวุโสในเผ่าจี้ทราบด้วย
หลังจากนายแห่งเผ่าจี้ตายไปแล้ว ก็ทิ้งไว้แค่เถ้ากระดูกกองหนึ่ง แล้วก็รูปปั้นบรรพบุรุษนั่น รวมไปถึงแหวนเก็บของหนึ่งวง และแหวนปานจื่อบุษราคัมที่เป็นสัญลักษณ์ตัวตนนายแห่งเผ่าจี้
สำหรับเผ่าจี้แล้ว การดับสลายสูญสิ้นของนายแห่งเผ่าจี้เป็นผลกระทบที่รุนแรงมาก วินาทีนี้เหล่าผู้อาวุโสในเผ่าจี้ล้วนรวมตัวกันอยู่ในตำหนักอภิปรายรายงาน พวกเขายังจำได้อยู่ว่าขณะที่นายแห่งเผ่าจี้จะจากไป เขาเคยบอกว่าจะให้พวกเขาที่เป็นผู้อาวุโสควบคุมสถานการณ์ใหญ่
บางทีเวลานั้นนายแห่งเผ่าจี้ก็อาจจะทราบความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของคู่ต่อสู้แล้ว ยิ่งกว่านั้นคือเขาวางแผนไว้แล้วว่าตนอาจจะไม่มีวันได้กลับมาอีก
และนายแห่งเผ่าจี้ก็ไม่ได้กลับมาจริง ๆ เขาใช้ความตายของเขาแลกกับความเป็นของหลัวซิว
หากรบติดพันเช่นนั้นต่อไปเรื่อย ๆ ผู้ที่จะตายก่อนต้องเป็นหลัวซิวที่ควบคุมศิลาผนึกปีศาจแน่นอน บางทีลาร์อาจจะลงมือสังหารชายชุดคลุมยาวเทาในเวลานั้น นายแห่งเผ่าจี้ก็สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้เช่นกัน
แต่นายแห่งเผ่าจี้กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาเลือกที่จะสละชีพอย่างไม่ลังเลใจ ช่วยเหลือสนับสนุนหลัวซิวเต็มที่
แม้นจะฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายของหลัวซิวก็ยังต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกระยะหนึ่ง ขณะที่นายแห่งเผ่าจี้เสียสละเผาผลาญอัคคีแห่งชีวี พลังและเลือดที่อยู่ในร่างกายเขาก็ถูกใช้ไปเยอะมาก ๆ แล้ว ซึ่งการที่จะฟื้นฟูสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้น ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกช่วงหนึ่ง
เขามาถึงตำหนักสรุปอภิปรายภายใต้การประคองจากเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ และได้พบกับเหล่าผู้อาวุโสที่ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้า
มีป้ายวิญญาณสำหรับบูชาตั้งอยู่บนตำแหน่งที่นั่งเดิมของนายแห่งเผ่าจี้ ด้านบนมีคำว่าตำแหน่งหัวหน้าเผ่ารุ่นที่ 136 สลักอยู่ ไม่มีแม้แต่ชื่อ ด้านหน้าของป้ายวิญญาณสำหรับบูชามีกล่องเก็บอัฐิวางอยู่หนึ่งใบ ซึ่งสิ่งที่อยู่ภายในก็คืออัฐิของนายแห่งเผ่าจี้
หลัวซิวก้าวเท้าเดินตรงไป ก่อนจะก้มคำนับบูชาเซ่นไหว้นายแห่งเผ่าจี้ที่ล่วงลับไปแล้ว เขาไม่มีวันลืมคำพูดที่นายแห่งเผ่าจี้พูดขณะตัดสินใจสละชีพ เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าเผ่าที่กล้าหาญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าจี้อย่างแน่นอน เพื่อเป็นการทำให้เผ่าจี้มีโอกาสฉุดคว้าอนาคตอันรุ่งโรจน์ เขาเลือกที่จะเสียสละตนเองอย่างแน่วแน่
หลัวซิวรู้อยู่ว่าที่นายแห่งเผ่าจี้ช่วยเขานั้น ไม่ได้ทำเพื่อเขา แต่ทำเพื่ออนาคตของเผ่าจี้ แต่ชั่วชีวิตนี้หลัวซิวจักไม่มีวันลืมบุญคุณในครั้งนี้
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าสุดท้ายตนก็ถือดีมากเกินไป ภพชาตินี้เขาค่อย ๆ ปีนป่ายจากความอ่อนแอจนขึ้นมาแข็งแกร่งอย่างปัจจุบัน ผ่านพ้นสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมามากจนนับไม่ถ้วน เพราะความถือดีของตัวเอง เขาก็เสียเปรียบไปหลายครั้งเช่นกัน และยิ่งเกือบเสียชีวิตด้วย