มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2644
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2644
หลัวซิวเพิ่งขับเคลื่อนรากฐานของเผ่าจี้เพื่อสังหารซือถูเซิ่งเจี๋ย รูปปั้นของบรรพบุรุษหวูชวงก็ได้สูญเสียพลังทิพย์ไป แล้วตอนนี้เขาควรจะต่อต้านอย่างไรดี?
“รากฐานของเผ่าจี้ ใช่สิ่งที่มดตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้าจะจินตนาการได้หรือ?”
มองไปยังหลู่ซิวเหวินที่กำลังโจมตีเข้ามาหาตัวเอง ไอสังหารอันเย็นยะเยือกได้กะพริบอยู่ในดวงตาของหลัวซิว
เขาได้ใช้วิถีไร้ลักษณ์แสดงวิชาอาถรรพณ์ของเผ่าจี้ออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็มีร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาข้างกายของเขาอีกครั้ง เป็นบุรุษที่สวมในชุดคลุมยาวสีขาว ท่าทางเหมือนนักปราชญ์รูปร่างสูงโปร่ง
คนผู้นี้คือจี้อีสุ่ย เพียงโบกมือก็ได้แสดงพลังอมตะอันมีชื่อเสียงของเผ่าจี้ วิชาดาบห้าดัชนีออกมา!
เห็นเพียงเขาได้ยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ นิ้วทั้งห้ากลายเป็นดาบรบ ดาบทั้งห้ากลายเป็นค่ายกล ชั่วพริบตา ก็ได้กลายเป็นเหมือนดั่งภูเขาดาบอันสูงตระหง่านห้าลูก ขังร่างของหลู่ซิวเหวินเอาไว้ตรงกลาง
วินาทีต่อมา ภูเขาดาบทั้งห้าก็ได้ปล่อยห้วงดาบมหาศาลไม่อาจคาดเดาออกมา หลู่ซิวเหวินกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เลือดไหลอาบไปทั่วร่างกาย กลายร่างเป็นแสงกลสายหนึ่งหลบหนีออกมาจากวิชาดาบห้าดัชนี การเคลื่อนไหวเร็วอย่างน่าตกตะลึง
หลู่ซิวเหวินผู้นี้ ได้ฝึกฝนกฎธาตุลมนั่นเอง และได้ฝึกฝนกฎธาตุลมจนถึงแดนบริบูรณ์ขั้นที่สิบ
หลู่ซิวเหวินหนีไปได้ หลัวซิวก็ไม่ประหลาดใจนัก เขาไม่สามารถทำให้รูปปั้นของจี้อีสุ่ยแสดงพลังการต่อสู้ออกมาเหมือนกับจี้หวูชวงได้ อีกอย่างในชีวิตของจี้อีสุ่ย ก็ไม่ได้สร้างวิชาดาบที่น่าอัศจรรย์อย่างทะยานเซียนออกมาได้
เพียงชั่วพริบตา การต่อสู้ที่เดิมทีไม่เอื้อต่อเผ่าจี้นัก ก็ได้พลิกสถานการณ์ทันที ซือถูเซิ่งเจี๋ยสิ้นชีพ มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงผู้แข็งแกร่งที่สุดอย่างหลู่ซิวเหวินก็ได้หลบหนีไป
“ฆ่า!”
ลาร์เองก็ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้ ขี่ม้าห้อเหยียดไปทั่วสนามรบ มองเห็นคนของเขาดึกดำบรรพ์ ตระกูลหงสำนักจักรพรรดิแสงดาวรวมทั้งสำนักจักรพรรดิจ้านเทียนก็ลงมือโจมตีทันที
เห็นเพียงว่าทุกที่ที่ลาร์ห้อม้าผ่านนั้นไม่มีศัตรูที่สมบูรณ์แบบอยู่เลย ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคนแล้วคนเล่าตายในเงื้อมมือเขา บางคนได้ถูกเขาจับเข้าปากขบเคี้ยว ความกระหายเลือดและโหดเหี้ยมของยักษ์ตรีภพ ปรากฏออกมาจนหมด
“ลาร์ ไปช่วยเร็ว”
หลัวซิวกล่าวขึ้นมาอย่างช้า ๆ สี่หน้าซีดเซียว ขับเคลื่อนรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าจี้ติดต่อกันสองครั้ง ก็ได้ทำให้เขาเสียพลังไปมากเหมือนกัน
เมื่อได้ยินเสียงของหลัวซิว ดวงตาสีเลือดของลาร์ก็ค่อย ๆ สงบลง แล้วหันมองไปทางบรรพอาจารย์ตระกูลหง
ผลการฝึกตนของตันเม่ยด้อยกว่าบรรพอาจารย์ตระกูลหงเล็กน้อย เห็นว่าเกือบจะต้านทานเอาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างศิษย์ของวังเซียนมหาวาลก็ได้บาดเจ็บล้มตายไปจำนวนมาก
บรรพอาจารย์ตระกูลหงเห็นลาร์บุกโจมตีเข้ามา เขาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และเตรียมที่จะปลีกตัวถอยออกไป
ทว่าในตอนนี้เอง หลัวซิวก็ได้ขับเคลื่อนค่ายกลที่ได้วางเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมา ภายใต้ตราประทับและการคลุกเคล้าของลายค่ายยันต์ค่ายนับไม่ถ้วน ลูกแก้วสีขาวดำประสานกันลูกหนึ่งได้ลอยขึ้นมาจากดารายอดอัมพร เสียงปังดังขึ้น กระแทกโดนศีรษะด้านหลังของบรรพอาจารย์ตระกูลหง
ลูกแล้วชิ้นนี้ เป็นลูกแก้วความเป็นตายนั่นเอง ถูกหลัวซิวใส่ลงไปในใจกลางของค่ายกล ภายใต้แรงขับเคลื่อนและควบคุมค่ายกลใหญ่อย่างต่อเนื่อง มันสามารถมีบทบาทที่ไม่คาดคิดในช่วงเวลาสำคัญ
การโจมตีนี้ยังไม่สามารถเอาชีวิตของบรรพอาจารย์ตระกูลหงได้ แต่ก็สามารถทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะ ในตอนนี้เอง ลาร์ก็ได้โจมตีเข้ามา ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปและจับบรรพอาจารย์ตระกูลหงเอาไว้ เสียงพลัวะดังขึ้น ฉีกร่างของเขาออกเป็นสองชิ้น เลือดกระจายไปในอากาศ
ทันทีที่บรรพอาจารย์ตระกูลหงตายไป ทางด้านตระกูลหงก็อลหม่านขึ้นมา วังเซียนมหาวาลโต้กลับทันที เลือดย้อมกระโปรงขาวของเสิ่นปิงหยู กวัดแกว่งกระบี่ตรีภพ บุกอยู่ด้านหน้า ฟาดฟันศัตรูภายใต้กระบี่คนแล้วคนเล่า
หลัวซิวมองทั่วทั้งสนามรบอยู่ไกล ๆ ได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมด บนใบหน้าไม่มีความดีอกดีใจอะไรอยู่เลยสักนิด เพราะตั้งแต่เริ่มแรก เขาก็ไม่คิดว่าศึกครั้งนี้เผ่าจี้จะแพ้อยู่แล้ว