มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2649
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2649
อย่างไม่รู้ตัว เวลาสี่สิบกว่าปีก็ได้ผ่านไป อัคคีเทพซิวหลัวได้เลื่อนระดับสำเร็จ บรรลุถึงขั้นอัคคีเทพระดับหก
กรองแก้วมรกตดั้งเดิมของหลัวซิวก็ได้ใช้ไปหมดแล้ว ผลการฝึกตนของเขาก้าวเข้าสู่เกณฑ์ของแดนจ้าวมหาเทพขั้นเก้าได้อย่างถู ๆ ไถ ๆ ไม่ได้บรรลุถึงจ้าวมหาเทพขั้นสูงอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้
เมื่อเทียบกับความล่าช้าของการเพิ่มระดับของผลการฝึกตน การกลั่นร่างของหลัวซิวกลับรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ได้บรรลุถึงจักรพรรดิเทพขั้นสูงเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้เคล็ดเทวกลั่นวิญญาณก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ผ่านพันธนาการในหลายปีที่ผ่านมา ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิเทพ และได้บรรลุถึงจักรพรรดิเทพขั้นที่สาม
กล่าวโดยรวม ความสามารถของหลัวซิวเมื่อเทียบกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ยังด้อยกว่าอีกมาก แต่ความจริงแล้ว ความสามารถของเขามีการเปลี่ยนแปลงเกือบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
อันดับแรกหลังจากที่อัคคีเทพซิวหลัวได้เลื่อนขั้น เขาสามารถใช้พลังแห่งอัคคีเทพจารึกลายค่ายยันต์ค่ายระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ยันต์ค่ายที่จารึกอยู่บนร่างเนื้อของเขาก็จะสามารถเลื่อนขึ้นถึงระดับหกได้ทั้งหมด ภายใต้การปลุกเสกเบิกเนตรของยันต์ค่ายระดับหกทั้งเก้าสิบเก้าสาย ร่างเนื้อระดับจักรพรรดิเทพขั้นสูงของเขา สามารถทัดเทียมได้กับร่างยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์!
เคล็ดเทวกลั่นวิญญาณที่เขาฝึกคือวรยุทธ์กลั่นวิญญาณเคล็ดวิชาแรกตั้งแต่โบราณมาถึงปัจจุบัน ใช้พลังแห่งญาณเทวะ ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสาม ในการประจัญบานด้านตัวสำนึก เพียงพอที่จะไม่ด้อยไปกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ธรรมดาทั่วไป
หากบอกว่าเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน หลัวซิวต้องใช้ไพ่ใบสำคัญทั้งหมดถึงจะมีพลังการต่อสู้ที่สามารถรับมือกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้
ทว่าตอนนี้ พลังการต่อสู้โดยรวมของเขา ก็ได้อยู่ในระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว เมื่อมาถึงระดับนี้ ในที่สุดหลัวซิวก็มีทุนที่จะยืนหยัดอยู่ในมหาโลกาพันสามแล้ว
การเพิ่มระดับของฝีมือแม้จะทำให้คนปลื้มปริ่ม แต่ที่หลัวซิวปวดหัวที่สุดยังคงเป็นความยากของการเพิ่มระดับผลการฝึกตน ความจริงปัญหาใหญ่ที่สุดที่กีดขวางการเพิ่มระดับผลการฝึกตนของเขานั้น ก็คือทรัพยากร
เมื่อก่อนตอนที่ผลการฝึกตนของเขายังต่ำอยู่ ตรงจุดนี้ยังไม่โดดเด่นอะไรนัก บัดนี้เขาได้บรรลุถึงขั้นผู้แข็งแกร่งขั้นสูงของมหาโลกาพันสาม ความขาดแคลนด้านทรัพยากรระดับสูง ถึงได้ปรากฏชัดออกมา
เขาเองก็รู้ว่าถ้าต้องการแก้ไขปัญหานี้โดยพื้นฐาน วิธีที่ดีที่สุดก็คือไปโลกมหาศักดิ์แปดด้าน ทรัพยากรของโลกมหาศักดิ์แปดด้านอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ หากเขาไปแล้วละก็ต้องไม่ต่างอะไรกับปลาได้น้ำแน่ ผลการฝึกตนก็จะเข้าสู่ช่วงเวลารุดหน้าอย่างก้าวกระโดด
ทว่าหลัวซิวกลับไม่มีแผนไปยังโลกมหาศักดิ์แปดด้าน เพราะเหยียนเยว่เอ๋อร์กับเหยียนซีโรว่ยังไม่ทันบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพ อย่างน้อยเขาก็ต้องรอให้พวกนางบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพเสียก่อน ถึงจะไปโลกมหาศักดิ์แปดด้าน
หากทิ้งพวกนางเอาไว้ที่มหาโลกาพันสาม ส่วนตนเดินทางไปยังโลกมหาศักดิ์แปดด้านเพียงลำพัง มันทำให้หลัวซิวรู้สึกวางใจไม่ลง อีกอย่างเขายังเคยรับปากพวกนาง ต่อไปไม่ว่าตนเองจะไปทำอะไรที่ไหน ก็จะไม่ทิ้งพวกนางเอาไว้แต่โดยง่าย
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลที่ยังไม่ได้จัดการ ทันทีที่เขาจากไป ลาร์ก็คงได้แต่กลับไปยังหุบเขาเล็ก ๆ แห่งนั้น
เวลาสี่สิบกว่าปี สำหรับผู้ฝึกตนในโลกยุทธ์แล้วเป็นเพียงแค่เวลาสั้น ๆ เท่านั้น ผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์จำนวนมากที่ปิดตนฝึกฝน ใช้เวลาเป็นหมื่นปีหรือมากกว่านั้น
นับตั้งแต่ระดับค่ายกลของหลัวซิวได้เลื่อนขั้นขึ้นมา เขาก็ได้สร้างค่ายกาลเวลาจำนวนมากขึ้นมาในแดนปริศนาเผ่าจี้ ศิษย์อายุน้อยที่มีพรสวรรค์ไม่เลวหลายคน ต่างมีระดับผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พอบรรลุถึงจ้าวมหาเทพ ฝึกตนอยู่ในค่ายกาลเวลาก็ไม่มีผลลัพธ์อะไรแล้ว หลังจากนั้นคนพวกนี้ก็จะกลายเป็นพลังสำคัญของเผ่าจี้ หากสามารถเลื่อนขั้นถึงแดนจักรพรรดิเทพได้ในอนาคต ก็จะสามารถกลายเป็นผู้อาวุโสได้
หลังได้ผ่านสงครามครั้งที่แล้วมา ตระกูลเทพสงครามก็ไม่ได้ออกไปเข่นฆ่าที่ด้านนอกต่อไปอีก แต่ได้อยู่พักรักษาตัวในแดนปริศนาเผ่าจี้ตามคำสั่งของหลัวซิว
ผ่านมาสี่สิบกว่าปี ตอนหลัวซิวกลับไปยังยอดอัมพร เขาก็ได้รับข่าวดีอย่างหนึ่ง นั่นก็คือซิงเฉินบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพเป็นที่เรียบร้อย