มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 266 นายหนีไม่รอดหรอก
บทที่ 266 นายหนีไม่รอดหรอก
กู้เค่ออานกับซือโคงสวี่ ที่กำลังจะเตรียมเข้าไปบนทางเดิน ตกใจกับภาพที่เกิดขึ้นกะทันหัน อสูรกายสีเงินตัวนั้น เข้ามาตอนไหนกัน
“เขากวาง กรงเล็บอินทรีย์ ร่างงู เกล็ดปลา อย่าบอกนะว่านี่คือตระกูลมังกรในตำนาน” กู้เค่ออานอุทานอย่างตกใจ
“แฮ่!”
หลงหมิงคำรามเสียงดัง ตัวมังกรยาวสิบเมตรเคลื่อนไหว ต่อสู้กับรูปปั้นหุ่นเชิดที่พุ่งเข้ามา
“ทางเดินนี้มีผนึกค่าย ตัวสำนึกกับพลังจิตแท้จะโดนควบคุม” หลงหมิงใช้ตัวสำนึก ส่งเสียงคุยกับหลัวซิว จากนั้นก็เข้าไปในการต่อสู้
“ทั้งสองท่าน เราใช้โอกาสนี้เข้าไปกันเถอะ”
หลัวซิวพูดกับกู้เค่ออานและซือโคงสวี่ จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในทางเดิน ปี้เซียนเสว่ก็ทำตามที่เขากำชับ เดินตามหลังไปติดๆ
ตระกูลมังกร เป็นราชาในบรรดาอสูรกาย ร่างกายแข็งแกร่งตั้งแต่เกิด มังกรไร้ร่างเป็นสิ่งที่โดดเด่นในตระกูลมังกร นอกจากมีพรสวรรค์ในการหลอมรวมกับพื้นว่าง ร่างกายก็แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าหลัวซิวสักเท่าไร
รูปปั้นทั้งสองข้างทางฟื้นคืนชีพ เป็นหุ่นเชิด ที่สร้างจากค่ายกลชนิดหนึ่ง แต่ละตัวล้วนมีพละกำลังระดับร่างยุทธ์สูงสุด
หลัวซิวเพิ่งเข้ามาในทางเดิน รู้สึกว่าพลังจิตแท้กับตัวสำนึกของตัวเอง โดนควบคุมอยู่ในร่างกาย มีเพียงพลังในร่างกาย ที่ไม่ได้รับผลกระทบใด
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นจุดประสงค์ของการทดสอบร่างกายด่านที่สอง
ตู้ม!
หลัวซิวใช้กระบี่ฟันรูปปั้นหุ่นเชิดจนแยกเป็นสอง และมารวมกับหลงหมิงอย่างรวดเร็ว
หนึ่งคน หนึ่งมังกร อยู่หน้าและหลัง โดยมีปี้เซียนเสว่อยู่ตรงกลาง เพราะถึงเธอมีผลการฝึกตนฝึกจิตขั้น6 แต่เธอไม่ได้ฝึกวิชากลั่นร่าง ร่างกายอย่างมากก็เท่ากับร่างยุทธ์ชั้นกลางไม่สามารถทำอะไรที่นี่ได้
นอกทางเดิน กู้เค่ออานกับซือโคงสวี่เห็นภาพตรงหน้า ต่างมีสีหน้าตกตะลึง ทั้งสองมองหน้ากัน ดวงตาเป็นประกาย
“อสูรกายร่างมังกรตัวนั้น น่าจะมาด้วยกันกับหลัวซิว”
“ระหว่างทางที่เราเดินมาก่อนหน้านี้ ไม่เห็นอสูรกายร่างมังกรตัวนี้เลย หลัวซิวซ่อนไว้ลึกจริงๆ”
“ได้ยินว่าเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 2 ปี บนตัวต้องมีความลับแน่ ฉันกับนายร่วมมือกันกำจัดเขา แบ่งปันความลับของเขาด้วยกัน เป็นไง”
ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ตัวสำนึกของกู้เค่ออานกับซือโคงสวี่แอบส่งเสียง เห็นพ้องต้องกัน
จากนั้นทั้งสองพุ่งไปบนทางเดิน ล้วนมีพละกำลังร่างกายระดับร่างยุทธ์สูงสุดขั้นต้น
“ศิษย์พี่หลัว พวกเราพุ่งเข้าไปพร้อมกัน” ทั้งสองเข้าใกล้หลัวซิว พลางพูดเสียงดัง
“ได้!” หลัวซิวตอบรับ เขาพบว่าเมื่อรูปปั้นหุ่นเชิดที่นี่ถูกทำลาย จะประกอบขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จะไปทางเดินอีกด้านหนึ่งเป็นเรื่องยาก ถ้ามีกู้เค่ออานกับซือโคงสวี่ช่วย คงแบ่งเบาได้ไม่น้อย
ทว่าตอนที่ทั้งสองเดินไปข้างหลัวซิว กลับลงมือกะทันหัน กระบี่กับดาบฟันลงไปที่ตัวหลัวซิว
ในนี้ตัวสำนึกกับพลังจิตแท้โดนควบคุม หลัวซิวไม่ได้ตั้งตัวไว้ก่อน ตัวเขาโดนฟันจนกระเด็นออกไป
เสียงกระดูกหักดังขึ้นมา ถึงร่างกายของเขาถึงระดับร่างยุทธ์สูงสุด ที่ถึงขีดสุดแล้ว แต่เจอกับแรงฟันทั้งหมดของนักยุทธ์ระดับชั้นล่าง ก็ต้องบาดเจ็บเหมือนกัน
“หลัวซิว!”
ปี้เซียนเสว่เห็นภาพตรงหน้า ก็ส่งเสียงตกใจออกมา ขณะเดียวกันสีหน้าเธอโมโห เธอคิดไม่ถึงว่ากู้เค่ออานกับซือโคงสวี่ จะลอบทำร้ายในเวลาแบบนี้
หลัวซิวโดนกระแทกจนกระเด็น ทันใดนั้นมีรูปปั้นหุ่นเชิดกรูกันเข้าไป กลบตัวของเขาจนมิด
ไฟโกรธพลุ่งพล่านในอก หลัวซิวคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ ดูภายนอกสุภาพ มีมารยาท แต่เมื่อได้โอกาสก็แอบแทงข้างหลัง คนหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้ หลัวซิวรังเกียจที่สุด
“โฮก!”
ตอนกู้เค่ออานกับซือโคงสวี่กระแทกหลัวซิวจนกระเด็น หางมังกรสีเงินกะพริบฟาดเข้ามา ทำให้พวกเขาสองคนกระเด็นออกไป
แต่หลงหมิงไม่ได้ลงมือทำร้ายทั้งสองคนต่อ แต่ทำตามความต้องการของหลัวซิว ขดร่างกายและลอยขึ้น คุ้มกันปี้เซียนเสว่เอาไว้
“หลีกไป!”
ภายใต้การล้อมโจมตีของรูปปั้นหุ่นเชิดสิบกว่าตัว หลัวซิวตวาดอย่างโมโห ทำให้รูปปั้นหุ่นเชิดบริเวณรอบๆ สั่นสะเทือนจนปลิว
ความอาฆาตและลมหายใจแห่งความตายแผ่ซ่านออกมา ตัวสำนึกกับพลังจิตแท้ถูกกดดัน แต่นักยุทธ์ที่ตระหนักรู้ด้านห้วงยุทธ์ กลับไม่โดนควบคุม
“ไปตายซะ!”
หลัวซิวก้าวออกมา ฟันกระบี่ไปทางซือโคงสวี่ ความอาฆาตอันน่ากลัวกับลมหายใจแห่งความตาย ถาโถมเข้ามา ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี
“นายเป็น……” สีหน้าของซือโคงสวี่ไม่อยากเชื่อ เขากับกู้เค่ออานลงมือสุดกำลัง อีกทั้งยังใช้กองทัพดิน แต่ไอ้หมอนี่แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเหรอ
เขารีบยกดาบรบในมือขึ้นมากันเอาไว้ ทันใดนั้นเกิดเสียงระเบิด กระบี่ยุทธ์ของหลัวซิวฟันลงบนดาบรบที่ยกขึ้นมา พลังอันดุดัน ทำให้ซือโคงสวี่รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า กระเด็นออกไป เลือดทะลักออกทางปาก
“แข็งแกร่งมาก……” ทันใดนั้น ในใจของซือโคงสวี่หวาดกลัวเป็นกังวล พละกำลังของหลัวซิว เหนือจินตนาการของเขา ต้องเป็นร่างยุทธ์สูงสุดตอนปลายอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ขั้นขีดสุด!
“หนี!”
หลังตกลงมาบนพื้น ซือโคงสวี่รู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างไร้ความรู้สึก ไม่มีความคิดจะเดินไปทางนี้อีกแล้ว เขาตะเกียกตะกายขึ้นมา ความคิดแรกคือหนี
แต่การกระทำของหลัวซิวเร็วกว่าเขา กระโดดเด้งตัวตามเขาไป กระบี่ยุทธ์สะบัดแนวขวาง เกิดเสียงดังพรวด เลือดสาดกระจาย
“เป็น……เป็นไปไม่ได้……” ซือโคงสวี่เบิกตาโพลง ร่างล้มจมกองเลือด
หลัวซิวสีหน้าไร้อารมณ์ เก็บดาบรบและแหวนเก็บของของเขาขึ้นมา จากนั้นก็มองไปยังกู้เค่ออาน อีกฝ่ายเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ใช้โอกาสตอนสู้กับซือโคงสวี่ ถอยไปที่ปากทางเดินแล้ว
“หลงหมิง นายคุ้มกันเซียนเสว่กลับไปส่งที่ปากทาง เดี๋ยวเราค่อยเข้ามาใหม่” ตัวสำนึกของหลัวซิวส่งเสียงบอกหลงหมิง จากนั้นเขาถอยออกจากทางเดิน ตามไปฆ่ากู้เค่ออาน
เขารู้ดีว่าถ้ากู้เค่ออานหนีออกไปได้ ตอนเขาออกไป ต้องป่าวประกาศว่าซือโคงสวี่ตายคามือเขาแน่นอน ในเมื่อแตกหักกันแล้ว หลัวซิวยอมไม่ไปค้นหาสมบัติในถ้ำลึก เพื่อกำจัดขวากหนาม
ตอนนี้กู้เค่ออานไม่มีท่าทีสง่างามอีกแล้ว วิ่งเหมือนสุนัขจนตรอก ออกจากทางเดิน ไม่กล้าชะลอฝีเท้าสักนิด เขาวิ่งไปยังทางออกปากถ้ำ
ตอนเขามาถึงในสำนัก ถ้ามีตัวสำนึกที่ก่อตัวเป็นแสงดำจู่โจมเข้ามา หยกที่เขาแขวนไว้ตรงอก จะปล่อยม่านแสง ต้านทานแสงดำออกไป
“กู้เค่ออาน นายหนีไม่รอดหรอก!”
ขณะนั้น ระหว่างที่เขากำลังจะออกจากอุโมงค์ ความรู้สึกแห่งความตายอันน่ากลัว แผ่ซ่านมาทางด้านหลัง ปกคลุมมาทั้งตัว
########################