CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2679 หุบเขาสยบปีศาจ

  1. Home
  2. มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake
  3. บทที่ 2679 หุบเขาสยบปีศาจ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2679 หุบเขาสยบปีศาจ

“อีกนานเท่าไรหุบเขาสยบปีศาจจึงจะเปิดออก ?” หลัวซิวถาม

“สามปี” ลวี่โหลวตอบ

เมื่อได้ยินดังนั้น หลัวซิวก็พยักหน้า ภายในเวลาสิบปี สามารถบรรลุกฎเกณฑ์แดนใหญ่ได้ ความเร็วนี้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง

“สิ่งที่เจ้าฝึกตนคือกฎปริภูมิ วิชากลั่นร่างอนัตตาที่ข้าถ่ายทอดให้กับเจ้า เหมาะสำหรับการฝึกตนของเจ้าอย่างยิ่ง เจ้ามีความคิดและการวางแผนเช่นไรเกี่ยวกับวิถียุทธ์ในอนาคตของตนเองบ้าง ?”

หลัวซิวสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานของผลการฝึกตนของลวี่โหลว ระยะเวลาสิบปี นางแทบไม่มีการพัฒนาเลยสักนิด ยังคงอยู่ในระดับเทพมารระดับแปดช่วงกลาง ซึ่งยังอยู่ห่างจากการบรรลุช่วงปลายอีกไกลนัก

พรสวรรค์ของนางนับว่าใช้ได้ ตามหลักเหตุผลแล้วไม่ควรเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น ทว่าตอนนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าตัวธรรมของนางกำลังสับสน

ในความเป็นจริง การคาดเดาของหลัวซิวไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนหน้านี้ ตอนที่ลวี่โหลวก้าวเข้าสู่วิถียุทธ์ ก็ฝึกตนด้วยกฎปริภูมิ ภายหลังเปลี่ยนแปลงเป็นพลังแห่งกฎ ตัวธรรมก็เสถียรมาโดยตลอด จึงคิดจะฝึกกฎปริภูมิจนถึงขั้นสูงสุด หวังว่าสักวัน จะสามารถบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าได้ และทำให้การสืบทอดนิรันดร์ของภูเขาว่านเริ่นยังคงอยู่ต่อไป เพื่อรอการมาถึงของท่านนาย

แต่ตอนนี้ท่านนายกลับมาแล้ว และให้เคล็ดวิชาพลังอมตะ รวมถึงวิชาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกับนาง นี่ทำให้ตัวธรรมของนางเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อมีวิชาที่แข็งแกร่งและพลังอมตะ จะสามารถก้าวเข้าสู่วิธีแห่งยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นได้หรือไม่นะ ?

“ข้า……ข้าอยากฝึกคู่ห้วงเวลา……” ลวี่โหลวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พูดความคิดที่แท้จริงของตนเองออกมา

“วิถีห้วงเวลาเติมเต็มซึ่งกันและกัน ในอดีตไม่มีวิชาชั้นยอดและเคล็ดวิชา เจ้าจึงจำต้องเลือกทางเดินของวิถีห้วงเวลา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า หากมีวิชาที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน ก็สามารถฝึกคู่ห้วงเวลาได้ และกลายเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่ครอบครองสองพลังแห่งเกณฑ์ใหญ่” หลัวซิวพยักหน้า

“ท่านนายเองก็รู้สึกว่าข้าทำได้หรือ ?” เมื่อได้รับความเห็นด้วยจากหลัวซิว ตัวธรรมของลวี่โหลวที่แต่เดิมรู้สึกสับสน กลับร่าเริงขึ้นมาในทันที ราวกับเมฆหมอกในท้องฟ้าจางหายจนท้องฟ้ากระจ่างใส

“ได้แน่นอน เจ้าขาดเพียงแค่วิชาชั้นยอดที่เหมาะสมกับเจ้าเท่านั้น”

หลัวซิวพูดด้วยรอยยิ้ม “วิชากลั่นร่างอนัตตาที่ถ่ายทอดให้เจ้าก่อนหน้านี้ เป็นเพราะการฝึกตนของเจ้าอยู่ในวิถีห้วงเวลา วิชากลั่นร่างอนัตตาจะทำให้ความสามารถของเจ้าพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ภายในระยะเวลาอันสั้นได้

แต่ถ้าหากพิจารณาถึงความสำเร็จและวิถียุทธ์ในอนาคต ข้าเองก็อยากให้เจ้าเดินในวิถีฝึกคู่ห้วงเวลา”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลัวซิวก็ยกมือขึ้น ปลายนิ้วมือของเขาสัมผัสไปที่ห้วงจักรของลวี่โหลว

ด้วยผลการฝึกตนของลวี่โหลว สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย หรืออาจใช้ หรืออาจใช้ค่ายกลในการป้องกันตนเอง แต่นางกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะทั้งแต่รุ่นอาจารย์ปู่ มีการถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่นว่า ท่านนายคือคนที่พวกเขาต้องคอยติดตามไปชั่วชีวิต ศิษย์รุ่นหลังที่เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขเขาในทุกรุ่น ล้วนต้องให้คำสัตย์ปฏิญาณว่าจะคอยติดตามท่านนายอย่างจงรักภักดี

เรื่องเหล่านี้ หลัวซิวไม่เคยรู้มาก่อน หากเขารู้ คงต้องประหลาดใจกับสิ่งที่เทพราชาว่านเริ่นทำเพื่อเขาทั้งหมด

ลวี่โหลวไม่ได้ตอบโต้ สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากนางมีท่าทีคิดตอบโต้แล้วละก็ ถึงแม้จะไม่มีจุดประสงค์ร้ายใด ๆ แต่นั่นก็พอจะแสดงให้เห็นได้ว่าระหว่างเขาและนาง ยังไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันอย่างสมบูรณ์

ความไว้วางใจเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง ทำให้คนรู้สึกคิดถึง

วิชาพลังอมตะวิชาหนึ่ง ถ่ายทอดจากปลายนิ้วของหลัวซิวเข้าสู่ความทรงจำของตัวหยั่งรู้ของลวี่โหลว นี่เป็นวิชาอธิบายวิถีแห่งเวลา เริ่มตั้งแต่กฎเวลาไปจนถึงเกณฑ์เวลาครอบคลุมหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด

ถึงขั้นที่ว่า หากวิชานี้เข้ากันได้กับวิชากลั่นร่างอนัตตา และสามารถฝึกคู่กฎห้วงเวลาทั้งสองได้ หากสามารถเดินไปถึงจุดสูงสุดของวิถียุทธ์ในอนาคต จะต้องมีที่สำหรับลวี่โหลวอย่างแน่นอน

ส่วนคนที่อยู่รอบกาย หลัวซิวก็มีความแตกต่างในการบ่มเพาะ ถึงแม้เขาจะรู้สึกกับทุกคนรอบข้างโดยเท่าเทียมกัน ขอเพียงแค่เป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากเขา เขาย่อมปฏิบัติต่อทุกคนอย่างดีแน่นอน

แต่ทุกคนที่อยู่รอบกายเขา ล้วนมีพรสวรรค์สูงต่ำแตกต่างกันไป ใช่ว่าทุกคนจะมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม หากคนที่มีพรสวรรค์ ย่อมบ่มเพาะเป็นพิเศษ ส่วนคนที่ค่อนข้างด้อยพรสวรรค์ เขาก็จะสรรหาวิชาและทรัพยากรมาให้พวกเขาได้ฝึกตน แต่จะไม่มีการบ่มเพาะเป็นพิเศษ

เหยียนเยว่เอ๋อร์กับเหยียนซีโรว่ต่างมีพรสวรรค์ที่ค่อนข้างดี อีกทั้งยังเป็นภรรยาของเขา ย่อมต้องบ่มเพาะเป็นพิเศษอย่างแน่นอน ส่วนซิงเฉิน เสิ่นปิงหยู ลวี่โหลว และหงเหยียนทั้งสี่คน ล้วนเป็นคนที่ควรค่าแก่การบ่มเพาะเป็นพิเศษ

ส่วนเจ้าหนูลาร์ ถึงแม้จะเป็นยักษ์ตรีภพ แต่เติบโตค่อนข้างช้า ทำให้การบ่มเพาะด้วยการให้ทรัพยากรจำนวนมากนั้น ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

ยังมีช่าจื่อเยียนอีกคน ถึงแม้ในใจของหลัวซิว เขามองนางเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด แต่พรสวรรค์ของนางกลับค่อนข้างต่ำ ถึงแม้จะมีวิชาและทรัพยากรที่ดี การฝึกตนได้ถึงแดนเทพมารระดับเจ็ดก็นับว่าดีมากแล้ว ส่วนเทพมารระดับเก้านั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ส่วนลวี่โหลว หลัวซิวค่อนข้างให้ความสำคัญ ถึงแม้นางจะเป็นทายาทของราชาเทพว่านเริ่น แต่พรสวรรค์กลับเหนือกว่าราชาเทพว่านเริ่นไปหนึ่งระดับ

ดังนั้นหลัวซิวไม่เพียงถ่ายทอดวิชาการกลั่นร่างและวิถีห้วงเวลาให้นางเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดเคล็ดลับของวิถีไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงห้วงเวลา ให้นางเกิดการสัมผัสรู้ขึ้นมาจากในนั้น

ผ่านไปครึ่งเดือน ลวี่โหลวที่อยู่ในกระบวนการสัมผัสรู้ความลึกลับของห้วงเวลาอยู่ตลอดเวลา ก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมา

นางมองเห็นหลัวซิวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็คิดจะขอบคุณในความเมตตาของท่านนายทันที

“ไม่ต้องมากพิธีหรอก” หลัวซิวโบกมือ แล้วพูดว่า “พวกเรามาคุยเรื่องหุบเขาสยบปีศาจกันดีกว่า”

เมื่อพูดถึงหุบเขาสบยปีศาจ ลวี่โหลวก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “ท่านนาย ทันทีที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออก จะต้องเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน และสำนักเซียนต้าโหลวก็ต้องเดินทางไปด้วยแน่นอน”

“ไม่ต้องกังวลเรื่องสำนักเซียนต้าโหลว พวกเขาก็เป็นแค่ตัวตลกตัวหนึ่งเท่านั้น พาตราเขามังกรชิวไปด้วย ขอเพียงเทพมารระดับเก้ายังไม่ปรากฏตัวขึ้น ใครจะสามารถขัดขวางพวกเราได้ ?”

หลัวซิวพูดขึ้นอย่างสงบ “ส่วนหุบเขาสยบปีศาจ ขอเพียงพวกเราเขาไปข้างในได้ ต่อให้เทพมารระดับเก้ามาถึง ข้าก็สามารถทำให้เขาไม่อาจกลับไปได้อีกเลย !”

ตอนที่พูดเช่นนี้ออกมา เจตนาฆ่าแผ่ซ่านออกมาจากแววตาของหลัวซิวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะหุบเขาสยบปีศาจแห่งนั้น เขาเป็นคนทิ้งเอาไว้เอง

ไม่มีใครจะรู้จักหุบเขาสยบปีศาจได้ดีไปกว่าเขาอีกแล้ว ถึงขั้นว่า ที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออกในครั้งนี้ ก็เกี่ยวข้องกับการมาถึงภูเขาว่านเริ่นของเขา

สำหรับกองกำลังใหญ่จำนวนมากในห้วงดาราโลกร้าง หุบเขาสยบปีศาจถือเป็นแดนปริศนาที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ทุกครั้งที่เปิดออก ก็จะสามารถกอบโกยสมบัติและทรัพยากรจำนวนมากจากในนั้นได้

แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว หุบเขาสยบปีศาจถือเป็นอาณาเขตส่วนตัวของเขา เขาจึงเป็นผู้นำในการเดินทางไปครั้งนี้ ใครกล้าขวางทางเขา เขาก็จะสังหารโดยไร้ความปรานี !

“แจ้งเผ่าจี้กับตระกูลเทพสงคราม สามวันให้หลังทั้งเผ่าออกเดินทาง มุ่งหน้าไปยังหุบเขาสยบปีศาจ” หลัวซิวพูด

“ทั้งเผ่า ?” ลวี่โหลวตกตะลึง

“ถูกต้อง ทั้งเผ่า อีกทั้งทุกคนในภูเขาว่านเริ่นก็ต้องไปด้วย ส่วนสถานบรรพบุรุษว่านเริ่นแห่งนี้ ไม่จำเป็นอีกแล้ว”

ในตอนแรกที่เขาให้ราชาเทพว่านเริ่นทิ้งผู้สืบทอดไว้ที่นี่ ก็เพื่อรอการกลับชาติมาเกิด ตอนนี้เขากลับชาติมาเกิดแล้ว ก็เท่ากับว่าภารกิจของภูเขาว่านเริ่นเสร็จสิ้นลงแล้ว และหุบเขาสยบปีศาจก็จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งใหม่

เช่นเดียวกัน หุบเขาสยบปีศาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่ง สำหรับการก้าวขึ้นสู่เวทีโลกมหาศักดิ์แปดด้านอย่างแท้จริงของเขา ในขณะที่มีฐานะเป็นหลัวซิวในชาตินี้

ธาตุดาราว่านเริ่นและธาตุดาราต้าโหลว ล้วนตั้งอยู่ในอาณาจักรบูรพาของโลกร้าง หุบเขาสยบปีศาจเอง ก็เป็นแดนปริศนาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรบูรพาของโลกร้าง ทุกครั้งที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออก ทุกกองกำลังในอาณาจักรดาราทิศบูรพา ล้วนแห่กันมาที่นี่เพื่อแบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์

การเปิดของหุบเขาปีศาจไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ส่วนใหญ่จะเปิดออกทุก ๆ หนึ่งล้านปี ถึงขั้นที่ว่า บางครั้งสองล้านปีจะเปิดออกสักครั้ง

ไม่มีใครรู้ว่าหุบเขาสยบปีศาจมีที่มาที่ไปอย่างไร มีเพียงหลัวซิวเท่านั้นที่รู้ ทุกครั้งที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออก อันที่จริงแล้วเป็นการรับรู้ร่วมกันกับการเกิดใหม่ของเขา

หุบเขาสยบปีศาจ เป็นแดนปริศนาที่ชาติไท่ซ่างฉิงเปิดขึ้นมาเอง อีกทั้งยังเป็นปริภูมิอันกว้างใหญ่ ที่ไท่ซ่างฉิงเปิดขึ้นหลังจากที่กลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาศักดิ์

ในยุคนั้น เป็นจุดสิ้นสุดของยุควัฏจักร และยุคมหาศักดิ์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น การตกต่ำของเจ้าวัฏจักรและผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก ทำให้สถานการณ์ของโลกมหาศักดิ์เกิดความสั่นคลอน

ไท่ซ่างฉิงเป็นคนแรกที่กลายเป็นมหาศักดิ์ ข้างกายเขามีผู้แข็งแกร่งคอยติดตามจำนวนมาก และออกพิชิตใต้หล้าร่วมกับเขา หากเป็นไปตามคาด เขาก็จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด และได้รับความเคารพจากอาณาจักรทั้งแปด !

หุบเขาสยบปีศาจเป็นฐานที่มั่นของเขา ด้านในมีความมั่งคั่งและทรัพยากรอันน่าตกตะลึงอยู่นับไม่ถ้วน เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไปนานขนาดนี้ การสะสมของหุบเขาปีศาจคงต้องถึงในระดับที่มากพอสมควรแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ตั้งชื่อว่าหุบเขาสยบปีศาจ เป็นเพราะตอนนั้นเขาตัดขาดอารมณ์ทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหก มีใจฝักใฝ่ในเต๋าเพียงอย่างเดียว เขาเห็นอารมณ์ทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหกเป็นเหมือนมารในใจ จึงตัดขาดด้วยกระบี่ ทำให้ตัวธรรมแจ่มใส

ด้วยระดับผลการฝึกตนของไท่ซ่างฉิงในกาลก่อน โซนแดนปริศนาที่เขาเปิดขึ้น แทบจะมีกฎและเกณฑ์ของฟ้าดินอยู่อย่างสมบูรณ์

ในตอนนั้น เขาปลูกเมล็ดยาเซียนเอาไว้ในหุบเขาสยบปีศาจจำนวนมาก และตั้งค่ายกลจำนวนมากเพื่อบ่มเพาะสมุนไพรเพิ่มพลัง นอกจากนี้ยังมีอสูรพิลึกนานาชนิด ที่เพิ่มจำนวนขึ้นในหุบเขาสยบปีศาจ

พูดอย่างไม่ต้องลังเลเลยว่า หุบเขาสยบปีศาจ ที่เป็นอิสระจากห้วงดาราของโลกร้าง และแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว

ในตอนแรก หลัวซิวไม่ได้มอบหุบเขาสยบปีศาจให้กับราชาเทพว่านเริ่น ถึงแม้เขาจะมีผลการฝึกตนถึงระดับราชาเทพระดับเก้า ก็ไม่มีทางดูแลหุบเขาสยบปีศาจได้ ในทางกลับกัน อาจนำภัยพิบัติครั้งใหญ่มาให้กับภูเขาว่านเริ่นอีกด้วย

สามวันให้หลัง ตระกูลเทพสงครามและเผ่าจี้ ค่อย ๆ มารวมตัวกันอยู่ที่ภูเขาว่านเริ่น โดยมีซิงเฉินและจี้หานยู่เป็นผู้นำ ภูเขาว่านเริ่นเองก็ทำตามประสงค์ของหลัวซิว ศิษย์ทั้งหมดออกมารวมตัวกันในชุดพร้อมรบ ภายใต้การนำของลวี่โหลว หงเหยียนและจงหลีโป๋

ในขณะเดียวกันนี้ กองกำลังอื่น ๆ เองก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว เพราะในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ สถานที่ที่หุบเขาสยบปีศาจตั้งอยู่ มักเกิดอุลตร้าขึ้นมาบ่อย ๆ อุลตร้าเหล่านี้บ่งบอกว่าหุบเขาสยบปีศาจกำลังจะเปิดออกโดยไม่ต้องสงสัย

และที่อุลตร้าเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาบ่อยครั้ง ย่อมเกี่ยวข้องกับการมาถึงโลกร้างของหลัวซิว

การเคลื่อนไหวของภูเขาว่านเริ่น เผ่าจี้ และตระกูลเทพสงครามนับว่ารวดเร็วแล้ว แต่กำลงัพลที่มาถึงทางเข้าของหุบเขาสยบปีศาจก่อนพวกหลัวซิวก็คือสำนักเซียนต้าโหลว

ทุกครั้งที่หุบเขาสยบปีศาจเปิดออก ล้วนเป็นโอกาสอันดี กองกำลังต่าง ๆ จะส่งกำลังคนจำนวนหนึ่งเพื่อมาตรวจสอบสถานการณ์ มีเพียงช่วงขณะที่หุบเขาสยบปีศาจกำลังจะเปิดออกเท่านั้น ทัพใหญ่จึงจะเดินทางมา

หลังจากสำนักเซียนต้าโหลวมาถึง ก็ตามมาด้วยหอชิงหยุน หอที่มีดวงประทีปส่องสว่างลอยมากลางอากาศ มีศิษย์จำนวนมากของสำนักตามมาโดยรอบ แต่ละคนล้วนดูไม่ธรรมดา ศิษย์จำนวนมากล้วนบรรลุถึงแดนเทพมารระดับหกแล้ว

นักยุทธ์รุ่นเยาว์ สามารถบรรลุถึงแดนเทพมารระดับหกได้ นับว่าเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาแล้ว ส่วนผู้ที่สามารถบรรลุได้ถึงแดนเทพมารระดับเจ็ดและแปด คงไม่สามารถเรียกว่ารุ่นเยาว์ได้แล้ว แต่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้แข็งแกร่งแห่งบู๊ลิ้ม

“ประเทศสรรพมาร !”

เสียงคำรามดังก้องขึ้นในท้องนภาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เมฆอสูรมารม้วนเป็นเกลียวคลื่นมาบนท้องฟ้า เต่าเสวียนตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากเมฆสีดำราวกับเกาะ บนกระดองเต่ามีอสูรยักษ์ยืนอยู่จำนวนมาก

ในโลกมหาศักดิ์แปดด้านไม่ได้มีเพียงนักยุทธ์ในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ยังมีเผ่าอสูร เผ่ามาร รวมไปถึงเผ่าต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลเทพสงคราม ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ ความแข็งแกร่งของสายเลือดที่พวกเขาสืบทอดลงมานั้น แตกต่างจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั่วไปโดยสิ้นเชิง

เผ่าจี้เองก็เช่นเดียวกัน บรรพบุรุษของพวกเขา ล้วนไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นเผ่าเผ่าหนึ่งที่แยกตัวเป็นอิสระจากเผ่าพันธุ์มนุษย์

เพียงแต่ในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเทพสงครามหรือเผ่าจี้ก็ดี ล้วนแต่งงานกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทำให้สายเลือดในสมัยโบราณค่อย ๆ เจือจางลง ดังนั้นจึงมีลักษณะภายนอกที่ไม่ต่างจากเผ่าพันธุ์มนุษย์

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 2679 หุบเขาสยบปีศาจ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์