CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2709 ราชาเทพทั้งสี่

  1. Home
  2. มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake
  3. บทที่ 2709 ราชาเทพทั้งสี่
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2709 ราชาเทพทั้งสี่

หลังจากสิ้นสุดการลงทะเบียนการแข่งขันรอบแรก ตระกูลเทียนฮวงก็ประกาศสถานที่จัดการแข่งขันรอบแรก ซึ่งตั้งอยู่บนแดนเทพโบราณที่ห่างจากเมืองเสว่น่า 38 ล้านไมล์!

ช่วงเวลาของการแข่งขันรอบแรกยังไม่ถึง ก็มีจอมยุทธ์จำนวนมากเร่งเดินทางไปแล้ว แต่พวกหลัวซิวกลับไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม

หากจะมุ่งหน้าไปยังแดนเทพโบราณ ก็ต้องออกจากเมืองเสว่น่า และทันทีที่ออกจากคูเมืองแห่งนี้ ก็เท่ากับเป็นความอันตรายต่อพวกเขา

ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเป็นคนแรกที่ออกจากคูเมืองก่อน จากนั้นผ่านไปไม่นานเขาก็กลับมา แล้วพูดด้วยสีหน้าอารมณ์ที่เข้มงวด: “ข้าพบคนในสำนักสรรพอสูรวนเวียนอยู่นอกเมือง แต่ไม่เห็นตาแก่ถังกู่สงนั่น”

แม้นลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจะไม่เห็นถังกู่สง ทว่าขอแค่มีคนในสำนักสรรพอสูรวนเวียนเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่นอกเมือง หลัวซิวก็แทบจะสามารถยืนยันได้ร้อยทั้งร้อยเลยว่าถังกู่สงก็เฝ้าอยู่นอกเมืองเช่นกัน

สำนักสรรพอสูรเสียเปรียบอยู่ในเงื้อมมือเขาติดต่อกันหลายครั้งแล้ว หากถังกู่สงยังไม่ออกโรงด้วยตนเองละก็ เช่นนั้นสมองของเขาที่เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักสรรพอสูรก็มีปัญหาแล้วล่ะ

“เมื่อผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าตั้งใจอำพรางตัว เจ้าก็ไม่มีทางค้นพบหรอก”หลัวซิวใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะไม้ตามจังหวะเบา ๆ โดยส่วนใหญ่แล้วขอแค่เขาทำท่าทางนี้ ก็หมายความว่าเขากำลังไตร่ตรองอยู่

“แล้วจะหดตัวอยู่แต่ในเมืองหรือ?”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนขมวดคิ้วลง เขาสามารถออกไปจากเมืองได้จริง ๆ เพราะเขาไม่ได้รุกรานสำนักสรรพอสูร แต่ถ้าเกิดหลัวซิวไม่ออกไปละก็ เขาไม่ค่อยมั่นใจต่อเรื่องที่จะทำในแดนเทียนฮวงคนเดียว

ปัจจุบันเรื่องราวดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว การที่จะหาผู้อื่นมาร่วมมือกันอีกนั้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“หนทางน่ะต้องมีอยู่แล้ว แต่ต้องใช้ระยะเวลาหน่อย”

สำหรับหลัวซิวแล้ว การหลบเลี่ยงการดักฆ่าของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด อย่างไรเสียฝ่ายตรงข้ามอยู่ในที่สว่าง ส่วนตัวเองอยู่ในที่ลับ ซึ่งเป็นฝ่ายรุกโดยสิ้นเชิง

ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าการแข่งขันรอบแรกจะเริ่มต้นขึ้น หลัวซิวให้พวกลิ่งฮู๋จื่อเซวียนไปรอที่ห้องพักของตัวเอง จากนั้นเขาก็ให้ลาร์เฝ้าอยู่หน้าห้องตน แล้วทำการจัดวางตัวต้องห้ามอยู่รอบห้องพัก

“สหายลิ่งฮู๋ ครั้งนี้ต้องรบกวนเจ้าออกเดินทางหนหนึ่งแล้วล่ะ เจ้าเดินทางจากเมืองเสว่น่าไปฝั่งแดนเทพโบราณก่อน จากนั้นก็จัดวางตามผังค่ายนี้ ใช้ธงค่ายที่ข้าให้เจ้าจัดวางค่ายกลออกมา”

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็หยิบแหวนเก็บของวงหนึ่งออกมายื่นให้ลิ่งฮู๋จื่อเซวียน

ภายในแหวนเก็บของวงนี้มีม้วนหยกและธงค่าย ซึ่งสิ่งที่บันทึกอยู่ในม้วนหยกก็คือผังค่าย

เมื่อได้ยินหลัวซิวพูดคำพูดเหล่านี้ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็เข้าใจความหมายของเขาทันที “สหายหลัวนี่ปราดเปรื่องเสียจริง วิธีการเช่นนี้เจ้าก็คิดออกมาได้อย่างนั้นรึ”

ที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนพูดคำพูดเช่นนี้นั้น ก็ไม่ได้เป็นการสรรเสริญเยินยอเช่นกัน ยิ่งสนิทใกล้ชิดกับหลัวซิวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งค้นพบว่าบนตัวคนดังกล่าวมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ลึกลับมาก และยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้มากเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากเท่านั้น และยิ่งหวาดหวั่นมากด้วย

“แต่ทว่าสหายหลัว ข้าไม่ค่อยเข้าใจในด้านค่ายกลเลย ถ้าเกิดข้าจัดวางค่ายกลผิดพลาดล่ะจะทำอย่างไร?”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนถามเช่นนี้

“ผังค่ายที่ข้าให้เจ้าได้อธิบายรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกอย่างไว้แล้ว ถ้าเกิดแม้แต่การลอกเลียนแบบเจ้ายังทำไม่ได้ละก็ เช่นนั้นเจ้าก็โง่เง่าจนอับอายไปถึงตระกูลแล้วล่ะ!”หลัวซิวเบ้ปากแล้วตอบกลับ

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว จิตใจลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็สั่นไหวขึ้นมา ก่อนจะรีบหยิบม้วนหยกออกมา แล้วใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจภายใน จากนั้นวินาทีต่อไปสีหน้าเขาก็ดูตื่นเต้นดีใจขึ้นมา

“เรื่องนี้ฝากให้ข้าจัดการได้เลย รับประกันเลยว่าภารกิจจะสำเร็จลุล่วงแน่นอน!”

ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนไม่พูดพร่ำทำเพลง นำของที่หลัวซิวมอบให้เขาออกจากเมืองเสว่น่าอย่างรวดเร็ว

“สหายหลัว เจ้ามอบอะไรให้เขาหรือ? ถึงทำให้เขาดีใจเช่นนั้น?”ถูโยวหมิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ค่อยเข้าใจ ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตกลงหลัวซิวคิดวิธีอะไรได้ ราวกับมีเพียงลิ่งฮู๋จื่อเซวียนคนเดียวเท่านั้นที่ฟังเข้าใจ

“ผังค่ายวาร์ฟล่องหน”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง

วิธีที่เขาคิดได้นั้นเรียบง่ายมาก นั่นก็คือจัดวางค่ายวาร์ฟล่องหนระหว่างเมืองเสว่น่าและแดนเทพโบราณ

ในส่วนของเรื่องที่ว่าเหตุใดลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจึงดีใจขนาดนั้นนั้น เป็นเพราะผังค่ายวาร์ฟล่องหนที่หลัวซิวให้เขาละเอียดมากเกินไป ละเอียดถึงขั้นที่แม้นจะเป็นคนที่ไม่เข้าใจเรื่องค่ายกลเลย ก็สามารถจัดวางมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อเป็นเช่นนี้ มูลค่าของผังค่ายนั้นก็ไม่ธรรมดามาก ๆ แล้ว โดยส่วนใหญ่แล้วอุบายค่ายกลระดับสูงที่เป็นทำนองเดียวกันกับค่ายวาร์ฟล่องหน ล้วนถูกนักค่ายเทพจำนวนมากมองเป็นท่าไม้ตายสุดยอด ตลอดจนการถ่ายทอดสืบสานที่เป็นแกนกลาง ของประเภทนี้จึงได้มาไม่ง่ายอยู่แล้ว

ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว เขาไม่สนใจมูลค่าของของประเภทนี้เลยด้วยซ้ำ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็ถือว่าช่วยเหลือตัวเองไปไม่น้อยเช่นกัน การมอบผลประโยชน์บางอย่างให้เขาก็ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณเขาแล้ว

กลางท้องฟ้าที่ว่างเปล่านอกเมืองเสว่น่า เงาร่างของถังกู่สงอยู่ในสภาวะที่หลอมรวมเข้ากับอนัตตามาโดยตลอด นอกเสียจากมีผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนเดียวกันกับเขาตลอดจนแข็งแกร่งกว่าเขา มิเช่นนั้นก็จะไม่มีคนค้นพบพลังออร่าของเขาเลยแม้แต่น้อย

ไม่เพียงแค่ในเขตพื้นที่ที่เขาอยู่เท่านั้น ทุกเขตพื้นที่ที่อยู่รอบเมืองเสว่น่าล้วนมีเส้นสายของสำนักสรรพอสูร อีกทั้งจากเมืองเสว่น่าถึงแดนเทพโบราณก็ไม่มีค่ายวาร์ฟที่สามารถใช้งานได้เช่นกัน นอกเสียจากคนกลุ่มนั้นยืนยันที่จะหลบซ่อนอยู่ในเมืองเสว่น่า แล้วไม่ไปเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกอัจฉริยะ มิเช่นนั้นไม่เร็วก็ช้าพวกเขาก็ต้องออกมาอยู่ดี

อย่างไรก็ตามถังกู่สงคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเขาเฝ้าคอยอยู่ที่นี่หลายวัน เมื่อเห็นว่าการแข่งขันคัดเลือกอัจฉริยะรอบแรกใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่กลับไม่พบคนกลุ่มนั้นออกมาจากเมืองเสว่น่าเลย

และในเวลานี้ บนภูเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากแดนเทพโบราณ คลื่นปริภูมิที่สั่นสะเทือนก็แผ่ขยายออกไป บนแท่นบูชาวาร์ฟขนาดเล็กที่ถูกก่อสร้างขึ้นมาชั่วคราว มีเงาร่างหลายร่างที่เลือนลางค่อย ๆ ดูสมจริงขึ้น ก่อนจะเผยให้เห็นพวกหลัวซิว

ตำแหน่งที่ตั้งของแดนเทพโบราณคือป่ารกร้างว่างเปล่าที่กว้างใหญ่มาก อัจฉริยะสองแสนกว่าคนที่เข้าร่วมการแข่งขันรอบแรก รวมไปถึงจอมยุทธ์จากแดนต่าง ๆ ที่มาประสมโรง ทำให้ป่าที่รกร้างว่างเปล่านี่เต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนจนน่าทุกข์ใจ มองเห็นศีรษะของคนที่ถี่ยิบขยับไปมาอยู่ทั่วทุกแห่งหน

พวกหลัวซิววาร์ฟมาแล้วถูกคนจำนวนไม่น้อยมองเห็น แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน เพราะมีกองกำลังใหญ่บางส่วนยิ่งก่อสร้างแท่นบูชาวาร์ฟขนาดใหญ่ไว้ในละแวกใกล้เคียงเสียอีก มีคนนับร้อยนับพันวาร์ฟมาในทีเดียว

“ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่แห่งตระกูลเทียนฮวงจะย่างกรายมาแดนเทพโบราณ มาชมการแข่งขันรอบแรกด้วยตนเอง!”

พวกหลัวซิวเดินเข้ามาในกลุ่มคน จากนั้นก็ได้ยินจอมยุทธ์วัยรุ่นคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดอย่างตระกูลเทียนฮวงแล้ว การที่จะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเทียนฮวงได้นั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้า!

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสตระกูลเทียนฮวง เทพมารระดับเก้าอย่างเจ้าสำนักแห่งสำนักสรรพอสูรก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ต่อให้บรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าขั้นสูง เมื่อเปรียบเทียบกับราชาเทพระดับเก้าแล้ว ก็ยังแตกต่างกันมากอยู่ดี

สามารถพูดได้เลยว่าแดนของผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนระดับนี้ เป็นสิ่งที่จอมยุทธ์จำนวนมากแสวงหาทั้งชีวิต ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินว่าจะมีราชาเทพระดับเก้าสี่คนย่างกรายมาพร้อมกัน คนจำนวนมากจึงตื่นเต้นดีใจมาก รู้สึกว่าต้องได้เปิดหูเปิดแน่นอน

อีกทั้งสำหรับคนจำนวนมากแล้ว ผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้าก็แทบจะเป็นผู้แข็งแกร่งในตำนานเลย อย่าว่าแต่จอมยุทธ์ในหมู่ผู้บำเพ็ญตนอิสระเลย ต่อให้เป็นอัจฉริยะจำนวนมากจากแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งชั่วชีวิตก็ใช่ว่าจะมีสิทธิ์ได้เข้าเฝ้าผู้แข็งแกร่งประเภทนี้เสมอไป

แน่นอนอยู่แล้วว่าก็มีอัจฉริยะวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยดูกระตือรือร้นอยากทดลองอย่างเห็นได้ชัด เมื่อถึงเวลานั้นต่างก็อยากแสดงด้านที่เลิศล้ำออกมา ไม่แน่อาจได้รับความสนใจจากผู้อาวุโสแห่งตระกูลเทียนฮวง เช่นนั้นก็จะสามารถชุบตัวเป็นหงส์ได้แล้วจริง ๆ การฝึกยุทธ์ในชั่วชีวิตนี้ต้องก้าวหน้าอย่างพรวดพราดแน่นอน!

ถูโยวหมิงและซูเสว่หลันที่มาพร้อมกับหลัวซิวก็ต่างตื่นเต้นดีใจมาก ทว่าลาร์และลิ่งฮู๋จื่อเซวียนกลับสงบเสงี่ยมมาก ซึ่งนี่ก็คือโลกทัศน์และสิ่งที่เคยได้พบเห็นรู้จัก

คนนับแสนรวมตัวเข้าด้วยกัน จึงเอะอะเสียงดังมาก ทว่าจากการที่มีเสียงระฆังดังก้องมาจากสุดปลายขอบฟ้า ทั้งป่าที่รกร้างว่างเปล่าก็เงียบกริบลงไปทันที มาตรแม้นว่าเป็นผู้คนที่จะอ้าปากพูดในตอนแรก เมื่อได้ยินเสียงระฆังดังกล่าว ต่างก็จะหุบปากอย่างควบคุมไม่ได้

“เป็นออร่าพลังเต๋าที่ไม่เลวเลย……”หลัวซิวหรี่ตาลง แค่เสียงระฆังเสียงเดียวก็สามารถเกิดประสิทธิผลเช่นนี้แล้ว การตระหนักรู้ในแดนยุทธ์ของคนดังกล่าวบรรลุถึงแดนที่สูงมากจริง ๆ

ราชาเทพระดับเก้าที่อยู่ในยุคสมัยที่ไท่ซ่างฉิงคงอยู่ก็เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดเหมือนกัน

และในเวลานี้เอง ก็มีรอยแยกปริภูมิฉีกกระชากปรากฏบนอนัตตาหนึ่งจุด จากนั้นก็มีรัศมีเทวสี่ดวงจุติลงมาจากฟ้า ราวกับเทพสวรรค์จุติ มีพลังอันน่าเกรงขามที่มโหฬารพันลึกแผ่กระจายออกมา

ในขณะเดียวกัน ก็มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งม้วนซัดฟ้าดิน ราวกับเงาร่างทั้งสี่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนนภาสูงคือเทียนเต้า และยึดกุมความเป็นความตายของทุกคนที่อยู่ที่นี่

แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็อดแหงนหน้าขึ้นไปมองไม่ได้ เห็นเพียงบนอนัตตามีเงาดำปรากฏสี่ร่าง ด้านหลังของทุกคนล้วนมีกงล้อเทพปรากฏห้าวง!

“ทุกคนต่างไม่อ่อนกว่าฉินอ๋อง!”หลัวซิวพูดทอดถอนใจในใจ ยุคสมัยในอดีตชาติที่เขาคงอยู่ยังไม่มีตระกูลเทียนฮวง ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลเทียนฮวง

แต่เขากลับรู้จักตระกูลต้าฉินอยู่ ในฐานะที่ฉินอ๋องเป็นนายท่านแห่งตระกูลต้าฉินในยุคปัจจุบัน เขาเคยพบเจอตั้งแต่ครั้นเมื่ออยู่ในหุบเขาสยบปีศาจแล้ว ซึ่งเป็นราชาเทพระดับเก้าที่มีกงล้อเทพห้าวงจริง ๆ

ส่วนวินาทีนี้ ผู้ที่ปรากฏตรงหน้าเขากลับเป็นผู้อาวุโสแห่งตระกูลเทียนฮวง ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่เป็นราชาเทพห้ากงล้อแล้ว เช่นนั้นนายท่านของพวกเขา ตลอดจนบรรพอาจารย์ที่ซ่อนเร้นจากโลกาภายนอกก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่ามิใช่หรือ?

สายตาของหลัวซิวมองเห็นผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายสุดก่อน ขนคิ้วของผู้อาวุโสคนดังกล่าวยาวมาก ปลิวลอยไปพร้อมกับสายลม สวมใส่ชุดคลุมยาวสีขาวบนตัว ทำให้ดูเหมือนเทพที่จุติลงมาจากสวรรค์มาก ราวกับผู้สูงส่งไร้เทียมทานที่ไม่แก่งแย่งอะไรกับโลกาภายนอก

ในบรรดาผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่แห่งตระกูลเทียนฮวง ก็มีเพียงคนดังกล่าวเท่านั้นที่พลังออร่าไม่ชัดเจนมากที่สุด แต่กลับทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้มากที่สุด

ถัดจากนั้นคนที่สองก็เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งเช่นกัน เส้นผมสีขาวปลิวลอย หุ่นร่างสูงใหญ่ แม้นจักสูงอายุแล้ว แต่กลับยังคงดูสง่าผ่าเผยอยู่เช่นเคย แววตาทั้งสองข้างดั่งสายฟ้า บนตัวก็สวมใส่ชุดคลุมยาวสีแดง กงล้อเทพทั้งห้าวงที่อยู่ด้านหลังล้วนเหมือนกงล้อเทพที่แผดเผา ราวกับจักแผดเผาฟ้าดินผืนนี้ให้กลายเป็นเถ้าธุลี

ในบรรดาทั้งสี่คน พลังออร่าของผู้อาวุโสคนดังกล่าวแข็งแกร่งมากที่สุด อีกทั้งเห็นได้ชัดเจนมากเลยว่าเกณฑ์ที่เขาฝึกคือเพลิงอัคคี เมื่อบรรลุถึงแดนราชาเทพระดับเก้า พลังแห่งเกณฑ์แทบจะไม่มีการแบ่งแข็งแกร่งและอ่อนแอแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนคนหนึ่งจะตระหนักรู้ในเกณฑ์ได้ลึกซึ้งมากเพียงใด

ต่อให้เป็นเกณฑ์เพลิงอัคคีที่ธรรมดามากที่สุด หากสามารถตระหนักรู้ถึงแดนที่สูงลึก มันก็ไม่ด้อยกว่าเกณฑ์ชั้นยอดอย่างการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลาเช่นกัน

หลัวซิวได้ยินเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก่อนจะทราบว่าทั้งสองคนนี้คนหนึ่งคือราชาเทพนิศากร ส่วนอีกคนหนึ่งคือราชาฟ้าเฉินหยาง

แน่นอนอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่ชื่อของพวกเขา แต่เป็นสรรพนามประเภทหนึ่ง มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่บรรลุถึงราชาเทพระดับเก้าเป็นต้นไป ถึงจะถูกผู้คนในโลกเทิดทูน ได้รับสรรพนามในทำนองนี้

นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว ยังมีอีกสองคน คนหนึ่งคือชายร่างยักษ์ที่มีรูปร่างลักษณะเป็นชายวัยกลางคน คนหนึ่งคือหญิงวัยกลางคนที่สุภาพและเป็นสง่าเลิศล้ำ

หลัวซิวได้ยินผู้อื่นบอกว่าพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยากัน หญิงงามอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำแข็ง ซึ่งถูกเรียกขานว่าราชาเทพเสว่น่า เนื่องจากนางเป็นผู้แข็งแกร่งที่กำเนิดจากเมืองเสว่น่า และชื่อของเมืองเสว่น่าก็มาจากชื่อนางนั่นเอง

ส่วนชายวัยกลางคนร่างยักษ์คนสุดท้ายที่เหลือนั้น คือคู่ครองของราชาเทพเสว่น่า เล่ากันว่าเขาเป็นผู้อาวุโสที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลเทียนฮวง ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่เดินบนวิถีแห่งการกลั่นร่าง ผู้คนเรียกขานเขาว่ามหาเทวะวัชรยักษ์!

หลังจากทั้งที่เกิดเหตุเงียบกริบลงไปแล้ว ต่อมาเนื่องจากการย่างกรายมาของผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสี่ ทำให้ทั้งที่เกิดเหตุฮือฮาขึ้นมา

“ทุกคนสงบก่อน”

ราชาเทพนิศากรเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุด เขายืนอยู่บนก้อนเมฆ เท้าย่ำเมฆมงคล แล้วพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เมตตาอ่อนโยน: “ทุกหนึ่งล้านปี ตระกูลเทียนฮวงของข้าจะจัดการแข่งขันคัดเลือกอัจฉริยะหนึ่งครั้ง ก็เพื่อไม่ให้เหล่าอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์แต่กลับไม่ได้รับการบ่มเพาะถูกกลบฝังอยู่ใต้ดิน การที่ทุกคนสามารถได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการคัดเลือกรอบแรกนั้น แสดงว่าพวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น ดังนั้นข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะแสดงความสามารถออกมาในการแข่งขันรอบแรกดี ๆ ขอแค่ถูกเลือก ก็จะได้รับการบ่มเพาะที่ทุ่มสุดกำลังสามารถของตระกูลเทียนฮวงของเรา!”

ราชาเทพนิศากรให้ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง ไม่มีมาดของผู้แข็งแกร่งเลยแม้แต่น้อย หลังจากเขาพูดจบแล้ว ราชาฟ้าเฉินหยางที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดต่ออีกว่า “มีเพียงผ่านการแข่งขันรอบแรก ถึงจะมีสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันคัดเลือกในรอบถัดไป และพวกเจ้าทุกคนจะได้พบกับศิษย์แห่งตระกูลเทียนฮวงของข้าในการแข่งขันคัดเลือกรอบที่สอง ขอแค่เจ้ามีศักยภาพและพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งมากพอ ก็จะมีโอกาสได้แข่งขันอยู่บนเวทีเดียวกันกับศิษย์แห่งตระกูลเทียนฮวงของข้า หากเจ้าสามารถโค่นล้มพวกเขาได้ เช่นนั้นเจ้าก็จะได้รับสวัสดิการที่ดียิ่งกว่าพวกเขาแน่นอน!”

ศิษย์แห่งตระกูลเทียนฮวงก็เข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกอัจฉริยะเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ปีอยู่แล้ว อันที่จริงมันก็เป็นการประเมินของตระกูลเทียนฮวงที่มีต่อคนในตระกูลเช่นกัน หากมีคนพ่ายแพ้ในการแข่งขันรอบคัดเลือก เช่นนั้นการประเมินของตระกูลที่มีต่อตัวคนคนนั้นก็จะลดลงอย่างแน่นอน ไม่สามารถได้รับทรัพยากรและการบ่มเพาะที่มากกว่าจากตระกูล

โลกของจอมยุทธ์มันเหี้ยมโหดเช่นนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผู้อ่อนแอจะตกรอบทุกวินาที มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับขวัญกำลังใจอันฮึกเหิม แล้วแสวงหาจุดสูงสุดและขั้นสูงสุดบนวิถียุทธ์

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 2709 ราชาเทพทั้งสี่"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์