มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2720 หอคอยเทวะเสวียนเทียน
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2720 หอคอยเทวะเสวียนเทียน
“โครมคราม……”
หลัวซิวปิดขังได้ไม่นานเท่าไหร่นัก อย่างไรเสียผลการฝึกตนของเขาก็เป็นเพียงเทพมารระดับหก และกรองแก้วมรกตดั้งเดิมก็ถือเป็นทรัพยากรการฝึกตนที่ดีต่อผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับแปดมาก ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อเขาใช้กรองแก้วมรกตดั้งเดิมมาฝึกตน ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ผลการฝึกตนก็บรรลุจากเทพมารระดับหกช่วงปลายก้าวเข้าสู่เทพมารระดับหกขั้นสูง
ระดับความยากในการฝึกตนของตัวเขาเองนั้นเป็นอย่างไร ไม่มีผู้ใดเข้าใจดีไปกว่าตัวหลัวซิวแล้ว ขนาดเขายังสามารถบรรลุภายในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ เมื่ออาศัยพรสวรรค์ของลิ่งฮู๋จื่อเซวียน อย่างน้อยก็สามารถฝึกตนถึงเทพมารระดับหกขั้นสูงได้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือเขาอาจจะมีโอกาสบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเจ็ดเลยก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ในวันที่หลัวซิวออกจากการปิดขัง ทั้งแผ่นดินแดนเทียนฮวงก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ราวกับมีอสูรปีศาจบรรพกาลกำลังพยายามก่อความวุ่นวายอยู่ใต้แผ่นดินใหญ่นี้ยังไงอย่างนั้น ภูเขาหลายลูกที่เชื่อมต่อกันถล่มแตกสลาย เหมือนดั่งภาพเหตุการณ์ที่ภัยพิบัติวันสิ้นโลกกำลังจะมาเยือน
หลัวซิวรู้สึกตะลึง แม้แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังลั่นมาจากภูเขาที่อยู่ใต้เท้า แล้วระเบิดแตกเป็นฝุ่นผง
เขาลอยตัวขึ้นฟ้า ยืนอยู่กลางนภาสูงแล้วเบิ่งมองออกไปไกล ๆ เห็นเพียงแผ่นดินใหญ่ในตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลจากเขามาก ๆ เริ่มแตกร้าว จากนั้นก็มีแท่นบูชาที่มีพลังออร่าเก่าแก่คอย ๆ ลอยขึ้นมา
แท่นบูชาดังกล่าวใหญ่โตมโหฬารมากจนเหลือเชื่อ เมื่อทั้งแท่นบูชาปรากฏ ก็เหมือนมีสิ่งที่ใหญ่โตมหึบดบังท้องฟ้า
บริเวณรอบ ๆ แท่นบูชามีพลังเต๋าที่นับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมา แล้วกลายเป็นเกณฑ์ลูกโซ่ที่วิวัฒนาการปรากฏการณ์แปลกประหลาดนับหมื่น มีตะวันจันทร์ดารา ภูเขาและสายน้ำ อสูรโบราณดารา มหันตภัยฟ้าดิน……
ถึงแม้จะอยู่ไกลกันมาก ๆ แต่หลัวซิวก็ยังคงรู้สึกว่าตัวเองเล็กน้อยอย่างยิ่งอยู่ดี เนื่องจากพลังที่แฝงซ่อนอยู่ในแท่นบูชาดังกล่าว แข็งแกร่งมากจนอยู่เหนือแดนเกณฑ์ทั่วไปแล้ว
“พลังแห่งสวรรค์!”
ตั้งแต่โบราณกาลมา นอกจากพลังแห่งวัฏสงสารแล้ว พลังที่อยู่เหนือเกณฑ์ทั่วไปก็มีเพียงพลังแห่งสวรรค์ทั้ง 12 แล้วล่ะ
หลัวซิวไม่มีทางไม่รู้จักพลังแห่งวัฏสงสาร ทว่าเขากลับไม่คุ้นเคยต่อพลังดังกล่าวเลย ซึ่งมันต้องเป็นพลังแห่งสวรรค์อีกประเภทหนึ่งแน่นอน
ณ ตอนนี้วินาทีนี้ ไม่เพียงแค่หลัวซิวเท่านั้น สายตาของทุกคนที่อยู่ในแดนเทียนฮวงล้วนถูกแท่นบูชาอันใหญ่โตมหึมาที่ปรากฏกะทันหันนี้ดึงดูดไปแล้ว
“หอคอยเทวะเสวียนเทียนปรากฏแล้ว!”
ในตระกูลเทียนฮวง ไม่ว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงและเหล่าผู้อาวุโสจักทำอะไรอยู่ ต่างก็ล้วนพากันหยุดกระทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่ละคนเดินออกมาจากสถานที่ฝึกตนปิดขังของตัวเอง แล้วมาถึงห้องโถงอภิปรายรายงาน
เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงคือผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพระดับเก้า เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างน้อยก็เป็นราชาเทพระดับเก้า ยิ่งกว่านั้นคือยังมีมกุฎเทพระดับเก้าอีกสามสี่คนด้วย
วินาทีนี้ ผู้อาวุโสทุกคนล้วนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 27 คนถ้วน จึงเผยให้เห็นภูมิฐานที่ลึกแน่นอย่างยิ่งของตระกูลเทียนฮวง
“ผู้อาวุโสทุกท่าน หอคอยเทวะเสวียนเทียนได้ปรากฏอีกครั้งแล้ว”เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงค่อย ๆ เอ่ยปากพูด อันที่จริงไม่ต้องให้เขาพูด ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ล้วนสามารถสัมผัสได้เช่นกัน
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์ หอคอยเทวะเสวียนเทียนไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย ส่งศิษย์ทั้งหมดที่ฝึกฝนอยู่ในแดนปริศนาดินแดนเก่าออกมาให้หมดเถอะขอรับ”มีผู้อาวุโสเสนอความเห็น
“จากข้อความที่บันทึกไว้ในตระกูลเทียนฮวงของข้า นี่เป็นครั้งที่สองที่หอคอยเทวะเสวียนเทียนปรากฏแล้ว เมื่อปีนั้นบรรพบุรุษผู้สูงส่งได้นำดินแดนเก่าผืนนี้กลับมาจากแดนบรรพกาล ซึ่งมูลเหตุก็เป็นเพราะหอคอยเทวะเสวียนเทียนนี่แหละ”
“เสวียนเทียน หนึ่งในสวรรค์ทั้ง 12 แห่งยุคไท่ชู ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับที่ห้า สวรรค์และจ้าววัฏสงสารเป็นการคงอยู่ที่อยู่เหนือผู้สูงส่ง!”
“……”
การปรากฏของหอคอยเทวะเสวียนเทียนทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่ง แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเขามหาเทพเสินหวง ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับสวรรค์และจ้าววัฏสงสารได้เลย
“ผู้อาวุโสทุกท่านก็อย่าเพิ่งดีใจเร็วไปหน่อยเลย ครั้นเมื่อหอคอยเทวะเสวียนเทียนปรากฏครั้งแรกเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน บรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ก็เคยลงมือด้วยตนเองหนึ่งครั้งแล้ว เวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน สภาพอาการบาดเจ็บก็เพิ่งฟื้นฟูกลับมาได้ไม่ถึงหมื่นปี”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวงถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่งแล้วพูด: “เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอคำสั่งกับท่านบรรพอาจารย์ก่อน มาตรแม้นว่ารวมข้าและผู้อาวุโสทุกท่านเข้าด้วยกัน ก็ไม่สามารถทำอะไรหอคอยเทวะนั่นได้”
หลัวซิวไม่ทราบแต่อย่างใดว่าแท่นบูชาที่อยู่ในแดนเทียนฮวงนี้คือหอคอยเทวะเสวียนเทียน อย่างไรเสียถึงแม้เขาที่เป็นไท่ซ่างฉิงเมื่อภพชาติก่อนจะเคยไปแดนบรรพกาลเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เข้าใจทุกอย่างในแดนบรรพกาล
เขายืนอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป เบิ่งมองแท่นบูชาที่สูงตระหง่านนั่น รอบแท่นบูชามีปรากฏการณ์แปลกประหลาดต่าง ๆ เกิดขึ้น ยิ่งใหญ่โอ่อ่า ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหลือเชื่อ
“ภายในปรากฏการณ์แปลกประหลาดเหล่านั้นมีวรยุทธ์ซ่อนอยู่หนึ่งวรยุทธ์ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเคล็ดเซียนมหาศักดิ์ทั้งสองวิชาที่ข้ายึดกุมมาก!”
มีรัศมีกระพริบระยิบระยับอยู่ในแววตาหลัวซิว เขาก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน เขาที่เป็นไท่ซ่างฉิงเมื่อชาติปางก่อนได้ริเริ่มเคล็ดเซียนมหาศักดิ์หนึ่งวิชา ซึ่งมีนามว่าเคล็ดไท่ซ่างวั่งฉิง และเขาก็ได้รับเคล็ดเซียนของมหาเทพเสินหวงมาจากสะพานวัฏสงสารในแดนเทพโบราณอีก เมื่อรวมเข้าด้วยกัน บวกกับมีการอนุมานจากวิถีไร้ลักษณ์ ทำให้ในใจเขามีแบบจำลองของเคล็ดเซียนอีกหนึ่งวิชาที่แข็งแกร่งมากกว่าแล้ว
วันใดวันหนึ่งในอนาคต หากเขาสามารถใช้วิถีไร้ลักษณ์หลอมรวมแก่นสารทั้งหมดของเคล็ดเซียนมหาศักดิ์ทั้งสองประเภทเข้าด้วยกัน ต้องสามารถริเริ่มเคล็ดเซียนที่แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าออกมาได้แน่นอน
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ มันก็อ่อนกว่าวรยุทธ์ที่สวรรค์ฝึกอยู่ดี!
เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วผู้สูงส่งก็คือผู้สูงส่ง แต่สวรรค์กลับเป็นการคงอยู่ที่อยู่เหนือผู้สูงส่ง
เขาพยายามใช้วิถีไร้ลักษณ์อนุมาน แต่ก็ไม่ได้รับอะไรเลย ระดับขั้นของวรยุทธ์ที่สวรรค์ฝึกนั้นสูงเกินไป ซึ่งอยู่เหนือขอบเขตที่เขาในปัจจุบันสามารถอนุมานได้
“สหายหลัว!”
จู่ ๆ หลัวซิวก็ได้ยินคนเรียกชื่อตน เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนกำลังบินตรงมาทางตัวเอง
“ขอแสดงความยินดีกับสหายลิ่งฮู๋ด้วยนะ นี่เพิ่งผ่านไปกี่วันเอง เจ้าก็บรรลุถึงแดนเทพมารระดับเจ็ดแล้ว”หลัวซิวยิ้มพลางพูด
“สหายหลัวพูดเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าบรรลุเป็นเทพมารระดับเจ็ด แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสหายหลัว”
เมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิว ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนลดทอนตำแหน่งของตัวเองลงไปต่ำมาก ถึงแม้ผลการฝึกตนบรรลุทำลายประตูแห่งกฎเกณฑ์จะทำให้ศักยภาพของเขาพุ่งพรวด แต่หลัวซิวก็ยังคงทำให้เขารู้สึกลึกซึ้งมากจนไม่อาจคาดเดาได้อยู่เช่นเคย
“สหายหลัวทราบหรือไม่ว่านี่คืออะไร?”
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเปลี่ยนประเด็นหัวข้อสนทนา ใช้นิ้วชี้ไปทางแท่นบูชาที่ตั้งตระหง่านสูงโดดเด่นนั่น แววตาดูไม่มีสมาธิไปครู่หนึ่ง
“โอ๊ะ? สหายลิ่งฮู๋รู้จักหรือ?”
หัวใจหลัวซิวเต้นเร็วขึ้นมาพลางมองไปทางลิ่งฮู๋จื่อเซวียนที่อยู่ข้างกาย ความทรงจำเมื่อชาติปางก่อนของเขาห่างจากปัจจุบันประมาณหนึ่งยุคตรีภพแล้ว แต่ตระกูลลิ่งฮู๋ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน จึงย่อมต้องทราบข้อมูลลับต่าง ๆ ที่เขาไม่ทราบเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“เจ้าสิ่งนั้นมีนามว่าหอคอยเทวะเสวียนเทียน ซึ่งเป็นสิ่งที่หนึ่งในสวรรค์ทั้ง 12 สร้างขึ้น เล่ากันว่าในยุคไท่ชูอันไกลโพ้น หลังจากเสวียนเทียนบรรลุมรรคผลแล้ว ก็ได้ยึดกุมเทียนเต้า และหอคอยเทวะนี้ก็ลอยอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของดาราจักรวาล เมื่อนั่งอยู่ด้านบน ก็จะสามารถมองเห็นทั่วห้วงดาราของสรรพโลกาจักรวาล!”
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนพูดพึมพำ: “ข้าก็ทราบข้อมูลทั้งหมดนี้มาจากตำราโบราณในตระกูลเช่นกัน ตั้งแต่มหาเทพเสินหวงนำดินแดนเก่าผืนหนึ่งออกมาจากแดนบรรพกาล นี่เป็นครั้งที่สองที่หอคอยเทวะเสวียนเทียนปรากฏแล้ว บนหอคอยเทวะมีกระบี่เทพหนึ่งเล่ม ซึ่งมีนามว่ากระบี่เสวียนเทียน ตำนานเล่าขานกันว่าหากผู้ใดได้ครอบครองกระบี่เล่มนั้น ก็จะได้ครอบครองพลังเทพสุดล้ำที่สามารถควบคุมเทียนเต้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หลัวซิวจึงเพ่งมองไป แล้วพบว่าในรัศมีเทวอันนับไม่ถ้วนที่อยู่บนแท่นบูชานั่น มีกระบี่เทพเล่มหนึ่งที่โผล่ ๆ หาย ๆ ลอยอยู่หนึ่งเล่มจริง ๆ ด้วย
มองเพียงแวบเดียว หลัวซิวก็รู้แล้วว่ากระบี่ร่องฟ้าของเขาเทียบเคียงกับกระบี่เสวียนเทียนเล่มนั้นไม่ได้เลย ทั้งสองสิ่งเป็นศัสตราวุธที่ไม่ได้อยู่ในระดับขั้นเดียวกันเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งกว่านั้นคือเตากลั่นนภาจื่อเซียวของเขาก็เทพเคียงกับกระบี่เล่มนั้นไม่ได้เช่นกัน พวกสมบัติที่มีพลานุภาพแข็งแกร่งที่สุดที่เขาเมื่อชาติก่อนฝึกเซ่นก็ต้องหม่นหมองลงไป เมื่อเปรียบเทียบกับกระบี่เล่มนั้น
“ไม่นึกเลยว่าจะสามารถมองเห็นหอคอยเทวะเสวียนเทียนอุบัติขึ้นมาด้วยสายตาตนเอง แต่ว่าสหายหลัว เราอย่าไปมุ่งหวังกระบี่เสวียนเทียนที่อยู่บนหอคอยเทวะเลย ข้าได้ยินมาว่าครั้นเมื่อหอคอยเทวะเสวียนเทียนปรากฏครั้งก่อน บรรพอาจารย์มหาจักรพรรดิยุทธ์ของตระกูลเทียนฮวงได้ลงมือด้วยตนเอง ไม่เพียงไม่สามารถเอากระบี่เทพเล่มนั้นกลับไป ตัวเขาเองก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ปิดขังไปเป็นสิบ ๆ ล้านปี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติหรือยัง”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนกล่าวเช่นนี้
สำหรับเรื่องนี้นั้น หลัวซิวก็รู้จักตนเองดีอยู่ว่าเป็นเช่นไร บางทีสักวันหากศักยภาพผลการฝึกตนของเขาฟื้นฟูกลับคืนไปเป็นเหมือนเมื่อชาติปางก่อน ก็สามารถมาลองดูได้เช่นกัน
“เราจะถูกส่งออกไปแล้ว”
ทันใดนั้นเอง ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็เอ่ยปากพูดกะทันหัน ต่อมาหลัวซิวก็สังเกตเห็นว่าร่างกายเขาค่อย ๆ เลือนรางขึ้น
“เวิ่ง! ……”
ทั้งสองคนยังไม่ทันได้พูดคุยกันมากกว่านี้ ความรู้สึกที่เหมือนห้วงเวลากลับตาลปัตรก็พุ่งขึ้นมาถึงหัวใจ ต่อมาหลังจากภาพฉากรอบกายฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติ เขาและลิ่งฮู๋จื่อเซวียน รวมไปถึงอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศคนอื่น ๆ ก็ล้วนปรากฏบนสนามจัตุรัสแห่งตระกูลเทียนฮวงอีกครั้งแล้ว
“เหล่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทุกท่าน การฝึกปรือในแดนเทพโบราณได้สิ้นสุดลง ณ บัดนี้ นอกจากศิษย์ในตระกูลเทียนฮวงของเราแล้ว อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก หากผู้ใดยินดีเข้าร่วมตระกูลเทียนฮวงของเรา สามารถเข้าไปในแดนปริศนาพร้อมกับข้าได้ หากไม่ยินดีที่จะเข้าร่วมตระกูลเทียนฮวงของเรา ข้าก็จะไม่บังคับเช่นกัน สามารถจากไปได้เลย”
มีเสียงของราชาเทพนิศากรสะท้อนมาจากนภาสูง ในส่วนของผู้อาวุโสราชาเทพอีกสามคนที่เหลือนั้น กลับไม่ปรากฏที่นี่
ในด้านนี้ตระกูลเทียนฮวงทำได้ตรงไปตรงมามาก ไม่มีความคิดเห็นแก่ตัว ยังไม่เคยมีเรื่องที่ว่าไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เข้าร่วมตระกูลเทียนฮวงจากไปเกิดขึ้นมาก่อน
“ข้ายินดีเข้าร่วมตระกูลเทียนฮวงขอรับ!”
เจียนอันเหมินเป็นคนแรกที่ตะโกนพูดเสียงดังก่อน ถัดจากนั้นคนอื่นที่เหลือก็ต่างพากันเอ่ยปากพูด ต่างแสดงว่าอยากเข้าร่วมตระกูลเทียนฮวง
หลัวซิวและลิ่งฮู๋จื่อเซวียนย่อมไม่มีทางเข้าร่วมตระกูลเทียนฮวงอยู่แล้ว นอกจากพวกเขาสองคน ก็มีวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศบางส่วนที่ไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมตระกูลเทียนฮวงเช่นกัน จุดประสงค์ที่พวกเขาเข้าร่วมการคัดเลือกอัจฉริยะในครั้งนี้ ก็เพื่อแดนเทียนฮวง ซึ่งมีจุดประสงค์เดียวกันกับหลัวซิวและลิ่งฮู๋จื่อเซวียน
“สหายหลัว หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกนะ!”
เมื่อออกจากตระกูลเทียนฮวงแล้ว ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจึงประสานมือทำท่าคารวะบอกลาหลัวซิว กรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่เขาได้รับในแดนเทียนฮวงมีมากกว่าหลัวซิว วินาทีนี้เขาอยากหาสถานที่ปิดขังอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้ว เพื่อยกระดับผลการฝึกตนให้ขึ้นไปถึงเทพมารระดับเจ็ดช่วงปลายตลอดจนขั้นสูงก่อนค่อยว่ากันอีกที
หลังจากที่ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจากไปแล้ว หลัวซิวก็วางแผนที่จะกลับมหาโลกาพันสามเที่ยวหนึ่งเช่นกัน ศิลาผนึกปีศาจยังคงอยู่ในหุบเขาเล็ก ๆ แห่งเทือกเขาลั่วหยุน จากศักยภาพของเขา ณ วินาทีนี้ มีความมั่นใจที่จะทลายมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาลนั่นในระดับหนึ่งแล้ว
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็นำตัวเจ้าลาร์นั่นเข้าไปในตำหนักวัฏสงสารเช่นกัน เดิมทีสาเหตุที่พาลาร์เข้าไปในแดนเทียนฮวงนั้น ก็เพื่ออยากดูว่าจะเจอสถานตรีภพในดินแดนเก่าไท่ชูหรือไม่ เนื่องจากลาร์เป็นยักษ์อัสนีที่กำเนิดจากสถานตรีภพ มีเพียงเจอสถานตรีภพ เขาถึงจะมีโอกาสเลื่อนระดับ
จากกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา ลาร์อยู่ในแดนเทพมารระดับเจ็ดมาโดยตลอด ไท่ซ่างฉิงเมื่อชาติปางก่อนไม่ค่อยสนใจเขามากเท่าไหร่นัก แต่ภพชาตินี้ ในฐานะที่เป็นหลัวซิว หากมีความเป็นไปได้ หลัวซิววางแผนที่จะบ่มเพาะลาร์พร้อมกัน ทำให้เขากลายเป็นผู้ช่วยเข้มแข็งที่อยู่ข้างกายตน