มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2728 การแย่งชิงของการประลองยุทธ์
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2728 การแย่งชิงของการประลองยุทธ์
“ฮ่าฮ่า สหายหลัว พวกเราโชคดีนัก เราเพิ่งมาถึงเมืองหยุนหลงทันเวลาพอดีที่นางอสูรฟ้าปรากฏตัวที่นี่” ฮวงหวูจี๋อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม
“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้” หลัวซิวไม่ได้ใช้ตัวสำนึกของเขาในการตรวจสอบ จากภาพนี้ ฐานะของนางอสูรฟ้านี้ไม่ง่ายเลย ถ้าเขาใช้ตัวสำนึกไปตรวจสอบอย่างหุนหันพลันแล่น อาจสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็นได้
“ฮ่าฮ่า มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางอสูรฟ้า นางเป็นเทพธิดาของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีมาร บางคนบอกว่าผลการฝึกฝนของนางถึงแดนเทพมารระดับแปดช่วงปลายแล้ว นางเคยเอาชนะคู่ต่อสู้ไร้เทียมทานรุ่นเยาว์มาก่อน!”
ฮวงหวูจี๋เคารพนับถือนางอสูรฟ้าคนนี้มาก เพราะสตรีอ่อนแอคนหนึ่งที่สามารถฝึกฝนจนถึงแดนดังกล่าว เป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ในขณะนี้ รถม้าของนางอสูรฟ้าบินข้ามท้องฟ้าแล้วหายไปในส่วนลึกของเมืองหยุนหลง หลังจากนั้น ออร่าแห่งการสังหารอันน่าเกรงขามก็แผ่กระจายออกไปและเรือสีแดงสดที่เหมือนเลือดก็แล่นเข้าไปในเมืองหยุนหลง
มีร่องรอยของดาบและกระบี่อยู่ทุกหนทุกแห่งบนเรือนี้ ตัวเรือดูเหมือนสร้างด้วยเลือด บางครั้งจะมีวิญญาณของเทพมารคำรามกลายเป็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวต่างๆของสนามรบแห่งนรก
ที่หัวเรือนี้ ชายหนุ่มที่มีใบหน้าที่มีเสน่ห์มากกว่าฮวงหวูจี๋กำลังยืนมือไพล่หลัง สวมด้วยชุดสีเลือด มีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก แต่มีจิตสังหารซ่อนอยู่ในรอยยิ้ม
“คนผู้นี้มีกลิ่นอายแห่งการสังหารที่รุนแรง เขาได้ฝึกฝนเกณฑ์แห่งการฆ่าถึงระดับสูง” หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย ได้ฝึกฝนวิถีแห่งการสังหารถึงระดับเกณฑ์ พลังการต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งนัก
ฮวงหวูจี๋อธิบายอยู่ข้างเขา “คนนี้เป็นนายน้อยของชนเผ่าเฉว่ซ่า เรียกตนเองว่า เป็นท่านชายเทพโลหิตเขายังเป็นอัจฉริยะระดับสูงในโลกร้างเขตกลาง ไม่อ่อนแอไปกว่าเจ้าและข้า”
ขณะที่เรือเปื้อนเลือดบินจากไป ปราณกระบี่ที่ใหญ่เท่ากับเสาก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ชายหนุ่มในชุดยุทธ์เต๋าที่ถือบวบเหล้าห้อยอยู่บนเอวก็บินอยู่เหนือปราณกระบี่
“คือตู๋กูเทียนหยาจาก อาณากระบี่หวูจี๋ คนผู้นี้เป็นผู้เก่งกาจคนหนึ่ง วิถีกระบี่ยุทธ์ของเขาไม่ธรรมดา”
เมื่อเห็นผู้เก่งกาจรุ่นเยาว์สามคนที่มีชื่อเสียงปรากฏขึ้น ฮวงหวูจี๋ก็อดไม่ได้ที่จะงงงวยเล็กน้อย “เหตุใดสามคนนี้ถึงมาที่เมืองหยุนหลงแห่งนี้กัน?”
เมื่อหลัวซิวและฮวงหวูจี๋มาถึงเมืองหยุนหลง พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ พวกเขาสอบถามผู้คนในเมือง เพราะว่ามีการประลองยุทธ์ในเมืองหยุนหลง ได้ยินมาว่านางอสูรฟ้าจะประลองยุทธ์ด้วย เลยได้ดึงดูดท่านชายเทพโลหิตและตู๋กูหวูหยารุ่นเยาว์ที่เก่งกาจ
ย้อนกลับไปเมื่อนางอสูรฟ้าได้ผลักจอมยุทธ์ไร้เทียมทานรุ่นเยาว์ของโลกร้างเขตกลางลงไป เช่นท่านชายเทพโลหิตและ ตู๋กูหวูหยาต่างก็กำลังปิดกั้นฝึกตน แม้ว่าโลกจะยอมรับว่านางอสูรฟ้านั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก็มีผู้เก่งกาจรุ่นเยาว์หลายคนที่ไม่ยอมรับว่านางแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งระดับรุ่นเยาว์ในโลกร้างเขตกลาง
“หากสตรีคนหนึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้เก่งกาจรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งในโลกร้าง อัจฉริยะที่ไร้เทียมทานเหล่านั้นอาจฆ่าตัวตายก็ได้” ฮวงหวูจี๋พูดเล่น
“ไปกันเถอะ ไปดูความสนุกด้วยกันเถอะ”
ขณะที่คุยกัน ทั้งสองนั่งบนไหล่ของลาร์และมาถึงสถานที่ประลองยุทธ์ เวทีประลองยุทธ์เป็นแท่นหินที่ลอยอยู่กลางอากาศ แต่มีค่ายกลอยู่รอบ ๆ แท่นหิน และพื้นที่ด้านในนั้นใหญ่กว่าพื้นที่ที่มองจากภายนอกหลายเท่านัก
เมื่อหลัวซิวและฮวงหวูจี๋มาที่นี่ มีร่างของสตรีคนหนึ่งสวมกระโปรงผ้าโปร่งสีดำ เห็นร่างกายของนางเล็กน้อยและมีผ้าคลุมปิดหน้ายืนอยู่บนเวทีแล้ว
“รีบดูสิ นางก็คือนางอสูรฟ้า!” ฮวงหวูจี๋ชี้ไปที่สตรีในชุดสีดำบนเวที
หลัวซิวจ้องมองไป บนเวทีประลองยุทธ์มีค่ายกลกีดขวางรอบๆ เขายังคงเห็นเพียงร่างที่คลุมเครือ ไม่สามารถบอกได้ว่านางคือฮู๋ชิงชิงที่เขารู้จักหรือไม่
ตามข่าวที่หลัวซิวและฮวงหวูจี๋ได้ฟังมาหลังจากที่มาถึงเมืองหยุนหลง ครั้งแรกที่นางอสูรฟ้าปรากฏตัวก็คือในเมืองหยุนหลง หลังจากนั้น นางจะปรากฏตัวที่เมืองหยุนหลงเป็นระยะๆ สม่ำเสมอ
ต่อมานางอสูรฟ้าได้เอาชนะผู้เก่งกาจรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถมากกว่าสิบคนในเมืองหยุนหลงและชื่อเสียงของนางก็ไม่มีใครเทียบได้ไปชั่วขณะ หลายคนที่ชื่นชมและชื่นชอบนางถึงกับมองว่านางเป็นผู้เก่งกาจอันดับหนึ่งในหมู่รุ่นเยาว์ที่โลกร้างเขตกลาง และเป็นผู้เก่งกาจอันดับหนึ่งในโลกร้าง!
เป็นผลให้ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่รู้ว่าตนเองเก่งกาจนั้นไม่ยอมรับ ดังนั้นการประลองยุทธ์ครั้งนี้ในเมืองหยุนหลงจึงเกิดขึ้น
การประลองยุทธ์นี้ นางอสูรฟ้าเป็นผู้สร้างที่ประลองยุทธ์เอง ใครก็ตามที่ไม่ยอมรับ สามารถขึ้นไปประลองยุทธ์ได้
“นางอสูรฟ้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเอาชนะผู้เก่งกาจรุ่นเยาว์มานับไม่ถ้วน บางคนบอกว่าเจ้าเป็นผู้เก่งกาจไร้เทียมทานรุ่นเยาว์ ข้าไม่ยอมรับ!”
ร่างหนึ่งบินขึ้นไปบนเวทีประลองยุทธ์ ทันทีที่เท้าของเขาแตะลงบนเวทีประลองยุทธ์ เวทีประลองยุทธ์ก็สั่นเล็กน้อย
นี่คือยักษ์ตัวเล็กที่เหมือนหอคอยเหล็ก สูงเกือบสองฟุต คล้ายกับการแปลงร่างที่เล็กที่สุดของลาร์
“เขาเป็นผู้เก่งกาจของเผ่าร่างทอง!” ฮวงหวูจี๋พูดอยู่ข้างๆเขา
หากปราศจากคำอธิบายของฮวงหวูจี๋ หลัวซิวก็รู้จักเผ่าร่างทอง ตั้งแต่ไท่ชูจนถึงปัจจุบัน เผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นในดาราจักรวาล แม้ว่าชื่อจะต่างกัน แต่พวกมันล้วนแยกมาจากมนุษย์ มาร และอสูร
ในหมู่พวกเขา เผ่าพันธุ์มนุษย์มีมากที่สุด และต้นกำเนิดของเผ่าร่างทองก็คือเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้แข็งแกร่งในสมัยโบราณที่ได้ฝึกฝนวิชาพิเศษหนึ่ง ซึ่งทำให้ร่างกายและเลือดของพวกเขากลายพันธุ์ ดังนั้นพวกเขาจึงวิวัฒนาการมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์
พื้นผิวของเผ่าร่างทองดูเหมือนจะเคลือบด้วยทองคำ เผ่านี้นำเหล็กเศษณ์ทองเซียนทุกชนิดเป็นอาหารโดยกำเนิด และสายเลือดพิเศษของพวกเขาช่วยให้พวกเขาสามารถย่อยเหล็กเศษณ์ทองเซียนเหล่านี้ได้ แล้วร่างกายก็ค่อยๆกลายเป็นเหล็กเศษณ์ทองเซียนชิ้นหนึ่ง
วิธีการฝึกฝนนี้คล้ายกับวิชากลั่นร่างกลืนเศษณ์ของหลัวซิวมาก แต่มีความประณีตน้อยกว่าวิชากลั่นร่างกลืนเศษณ์ ร่างกายของเผ่าร่างทองนั้นแข็งแกร่ง แต่ไม่มีวิชาแห่งการชุบร่าง ไม่เหมือนกับวิชากลั่นร่างกลืนเศษณ์ของหลัวซิวที่สามารถกลั่นร่างกายให้กลายเป็นของขลังศัสตราวุธได้!
เหล็กเศษณ์ทองเซียนก้อนหนึ่งกับของขลังศัสตราวุธชิ้นหนึ่ง แตกต่างกันนัก
ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าร่างทองยังมีข้อบกพร่อง นั่นคือร่างกายแข็งแกร่ง แต่ร่างกายนั้นหนักมากและความเร็วค่อนข้างช้าเนื่องจากการกลืนเหล็กเศษณ์ทองเซียนจำนวนมาก
เห็นเพียงทุกกระบวนท่าของผู้แข็งแกร่งจากเผ่าร่างทองทรงพลังและหนักมาก ปริภูมิถูกกดขี่บิดเบี้ยวผิดรูป พังทลายและแตกหัก แต่ท่วงท่าของเขาทรงพลัง แต่เขากลับไม่สามารถสัมผัสโดนแม่แต่มุมชุดของแม่นางอสูรฟ้าได้เลย
“ชายคนนี้จากเผ่าร่างทองได้กลั่นสภาพร่างกายของเขาให้เทียบได้กับทองเซียนระดับแปด ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากจนสามารถยืนหยัดอยู่ยงคงกระพันได้” ฮวงหวูจี๋แสดงความคิดเห็น
“เหอะเหอะ ฮวงหวูจี๋ ปกติเจ้าจะซ่อนอยู่ในเมืองต้าฮวงโบราณตลอด เหตุใดวันนี้เจ้าถึงยอมออกมาเดินเล่นเล่า?”
ทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากด้านหลัง หลัวซิวและฮวงหวูจี๋หันไปมอง เห็นชายหนุ่มในชุดผ้าราคาแพงเดินมาใกล้ ดวงตาของชายหนุ่มนั้นเฉียบคมมาก ราวกับดาบเทพสองเล่มที่ตัดร่างและวิญญาณของคนๆ หนึ่ง!
“เป็นเทพมารระดับแปดอีกคนหนึ่ง!”
ดวงตาของหลัวซิวหรี่ลงเล็กน้อย ในบรรดาห้าเขตในโลกร้าง โลกร้างเขตกลางนั้นเจริญรุ่งเรืองที่สุด มีผู้เก่งกาจมากมาย เขาไม่เห็นผู้ที่แข็งแกร่งมากเกินไปในเขจตะวันออกและเขตเหนือ แต่หลังจากมาถึงเขตกลางก็ได้พบหลายคนแล้ว
“หยุนยี่เทียน! เจ้าออกจากการปิดกั้นฝึกตนแล้วรึ?”
เมื่อฮวงหวูจี๋เห็นอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาก็แสดงความยินดีออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าเขาและหยุนยี่เทียนรู้จักกัน และความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขาก็ค่อนข้างดี
“สหายหลัว ให้ข้าแนะนำเจ้า นี่คือเพื่อนของข้า ชื่อของเขาคือหยุนยี่เทียน และเขาเป็นเจ้าเมืองน้อยของเมืองหยุนหลง”
ฮวงหวูจี๋แนะนำตัว ตามที่ว่ากันว่าอยู่ในฐานะอะไรก็มีเพื่อนในระดับเดียวกัน ฮวงหวูจี๋เป็นเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองต้าฮวงโบราณและผู้ที่สามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา
“ยี่เทียน ให้ข้าแนะนำแก่เจ้าด้วย นี่คือสหายหลัว ชื่อหลัวซิว เขาเป็นเพื่อนที่เหมือนรู้จักกันมานานข้า เรียกอย่างพี่น้องกัน อย่ามองว่าผลการฝึกตนของเขาจะไม่สูง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่า เจ้าและข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหยุนยี่เทียนหดลงอย่างกะทันหัน เพราะเขาสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าผลการฝึกฝนของหลัวซิวอยู่ที่เทพมารระดับหกขั้นสูงเท่านั้น เดิมทีเขาคิดว่าเป็นเพียงผู้ติดตามของฮวงหวูจี๋เท่านั้น
เทพมารระดับหกขั้นสูงคนหนึ่ง สามารถเทียบได้กับอัจฉริยะเทพมารระดับแปดอย่างเขาและฮวงหวูจี๋ นี่ไม่ใช่คนธรรมดา!
ด้วยฐานะของฮวงหวูจี๋ หยุนยี่เทียนรู้อย่างแน่นอนว่าเขาไม่จำเป็นต้องยกย่องคนแบบนี้ แม้ว่ากฮวงหวูจี๋จะกล่าวว่าหลัวซิวเก่งกาจนักก็ต้องเป็นเรื่องจริง
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หยุนยี่เทียนก็ประสานมือเข้าด้วยกัน “สวัดดีสหายหลัว!”
“สวัดดีสหายหยุน”
หลัวซิวกำหมัดเป็นทักทาย สายตามองดูสถานการณ์บนเวทีประลองยุทธ์
ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ บนเวทีประลองยุทธ์ ผู้ชนะได้รับการตัดสินออกมาแล้ว ผู้เก่งกาจจากเผ่าร่างทองโจมตีหลายครั้งก็แม้แต่ชายเสื้อของนางอสูรฟ้าก็แตะไม่โดน เมื่อนางอสูรฟ้าโจมตีใช้เพียงหนึ่งนิ้วมือขาวเรียว ผู้เก่งกาจเผ่าร่างทองก็ถูกโจมตีกระเด็นออกไป กระอักเลือดแล้วล้มลงกับพื้นด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส
“พวกเจ้าทั้งสอง โปรดตามข้ามา”
ภายใต้การนำทางของหยุนยี่เทียน หลัวซิวและฮวงหวูจี๋มาถึงห้องใต้หลังคาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเวทีประลองยุทธ์
เมื่อมองจากภายนอกห้องใต้หลังคานี้ดูไม่ใหญ่ แต่ภายในห้องใต้หลังคานั้นเหมือนแดนปริศนาปริภูมิ ที่นี่แม้แต่ตัวสูงๆ ของลาร์ก็ยังดูไม่เกะกะ
ในห้องใต้หลังคาที่มีโลกที่แตกต่างกัน มีโต๊ะเรียงต่อกัน ในพื้นที่เปิดโล่ง สตรีสวยหลายสิบคนกำลังร้องเพลงและเต้นรำ เมฆและหมอกลอยสูงขึ้น เบื้องหลังโต๊ะเหล่านั้น ผู้เก่งกาจที่มีรูปร่างหน้าตาดีหลายคนล้วนนั่งขัดสมาธิอยู่
นั่งอยู่ที่นี่มีค่ายกลอยู่ที่จัดเรียงบนท้องฟ้าเหนือศีรษะ ฉายภาพบนเวทีประลองยุทธ์ ในตอนแรกหลัวซิวเห็นท่านชายเทพโลหิตและ ตู๋กูหวูหยาก็นั่งอยู่ที่นี่
ผู้เก่งกาจจากกองกำลังหลักมามากมายในโลกร้างเขตกลางต่างมาที่นี่ ในฐานะเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองหยุนหลง หยุนยี่เทียนต้องการทำให้ดีที่สุดในฐานะเจ้าของบ้านโดยธรรมชาติ
เมื่อหยุนยี่เทียนมาที่นี่พร้อมกับหลัวซิวและฮวงหวูจี๋ ผู้เก่งกาจหนุ่มหลายคนที่นั่งต่างก็หันมามอง
สำหรับฮวงหวูจี๋ ผู้เก่งกาจเหล่านี้รู้จักอยู่แล้ว เมืองต้าฮวงโบราณมีอิทธิพลอย่างมากในโลกร้างและแม้แต่สำนักตระกูลที่เคยมีผู้แดนสูงส่งก็ยังด้อยกว่ามาก
แต่หลัวซิวเป็นคนหน้าใหม่ สำหรับผู้เก่งกาจรุ่นเยาว์หลายคน และก็สงสัยกันว่าคนๆนี้ที่สามารถมาพร้อมกับหยุนยี่เทียนและฮวงหวูจี๋เจ้าเมืองน้อยสองคนเป็นใครมาจากไหนกัน?