มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 274 สหายเก่าบุกมา
บทที่ 274 สหายเก่าบุกมา
ชายวัยกลางคนเข้าใจว่าเมื่อหนุ่มคนนี้ได้ยินว่า หมาป่าทมิฬที่มีระดับฝึกจิตขั้น5 จะหน้าเปลี่ยนสี และออกไปอย่างสิ้นหวัง ไม่ยอมไปเสี่ยง แต่สีหน้าของหลัวซิวยังคงสงบ ไม่สะทกสะท้านสักนิด
เขายังไม่ทันได้พูดคำอื่น จากนั้นชายวัยกลางคนรู้สึกว่าตัวเองตัวเบา โดนชายหนุ่มชุดคลุมดำ คว้าไหล่ลอยขึ้นไปบนฟ้า แถมยังบินไปด้วยความเร็วสูง
เหาะเหินเดินฟ้า แดนฝึกจิต!
ในตาของชายวัยกลางคน ดูมีความหวัง ไม่แน่คนๆ นี้อาจช่วยคุณหนูใหญ่ออกมาจริงๆ ก็ได้
ระยะเวลาสั้นๆ หลัวซิวบินมายังจุดหมายเร็วดั่งสายฟ้า เห็นพื้นที่รกร้างด้านล่าง นักยุทธ์ของหอหย่งชางสิบกว่าคน กำลังคุ้มกันหญิงสาวคนหนึ่งไว้ตรงกลาง
บริเวณรอบๆ นักยุทธ์เหล่านี้ เป็นอสูรกาย 30 กว่าตัว รูปร่างกำยำเหมือนวัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ ปกคลุมด้วยขนสีทองทั้งตัว เขี้ยวยาว กรงเล็บดุร้าย
ข้างหลังหมาป่าทมิฬฝูงนี้ มีหมาป่าทมิฬที่ร่างกายใหญ่ที่สุด 3 ตัว สูงประมาณ 2 เมตรกว่า ลมปราณที่แผ่ออกมาจากแต่ละตัว ทัดเทียมกับปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น5
พื้นดินบริเวณรอบๆ มีคราบเลือด อีกทั้งยังมีศพของหมาป่าทมิฬกับนักยุทธ์ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือดมาแล้ว จึงทำให้เกิดการเป็นปรปักษ์กัน
“โฮก!”
จากนั้นมีเสียงคำรามดังขึ้น ฝูงหมาป่าโจมตีอีกครั้ง แต่ละตัวกระโจนขึ้นมา ง้างเขี้ยวและกรงเล็บอันดุดัน
นักยุทธ์หอหย่งชางจำนวนมาก เหมือนเจอกับศัตรูตัวฉกาจ ในบรรดาพวกเขาสิบกว่าคน ส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์ขั้น 8 ถึงขั้น 9 มีเพียงผู้อาวุโสสองคน ที่ยืนอยู่ใกล้หลินเจียเอ๋อร์ มีผลการฝึกตนระดับฝึกจิตขั้น3
ส่วนตัวหลินเจียเอ๋อร์ ก็มีผลการฝึกตนระดับฝึกจิตขั้น3 เหมือนกัน
แต่ตอนนี้พวกเขาสามคน โดนลมปราณของหมาป่าทมิฬระดับฝึกจิตขั้น5 สามตัว เพ่งเล็งอยู่ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“ทุกคนไม่ต้องตกใจ หมิงต๋าหนีออกไปได้แล้ว อีกไม่นานก็จะมีคนมาช่วย” อาวุโสฝึกจิตขั้น 3 เอ่ยขึ้น
ตู้ม!
ขณะที่การเข่นฆ่าของทั้งสองฝ่าย กำลังจะปะทุขึ้น ความแหลมคมแหวกอากาศ ปรากฏขึ้นมา เงาดำจากท้องฟ้า ลงมาตรงกลางระหว่างนักยุทธ์หอหย่งชางกับหมาป่าทมิฬ
ฝุ่นตลบอบอวล เศษหินกระจายไปทั่ว คนรูปร่างค่อนข้างซูบผอม ในชุดคลุมดำ ค่อยๆ ปรากฏขึ้น ในมือของเขายังหิ้วอีกคนอยู่ด้วย บนพื้นที่สองเท้าสัมผัสลงไป กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ แถมยังแตกร้าวเป็นรอยใยแมงมุม
ชายหนุ่มชุดคลุมดำ ที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ทำให้ฝูงหมาป่าทมิฬกับนักยุทธ์หอหย่งชาง พากันตกใจทั้งสองฝ่าย
โดยเฉพาะหลุมขนาดใหญ่กับรอยแตกร้าว ใต้เท้าของอีกฝ่าย ทำให้คนอดตกใจกับพละกำลังอันน่ากลัวของหนุ่มคนนี้ไม่ได้
เพราะบนตัวของเขาไม่มีลมปราณใดๆ เคลื่อนไหว ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย สร้างสิ่งที่สะเทือนขวัญเช่นนี้
จากนั้น นักยุทธ์หอหย่งชาง สังเกตเห็นคนที่ชายหนุ่มชุดคลุมดำหิ้วอยู่ เป็นหมิงต๋าที่หนีออกไปขอความช่วยเหลือ
นี่ทำให้คนของหอหย่งชาง แสดงสีหน้าดีใจอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของคนๆ นี้ ต้องเป็นยอดฝีมือที่หมิงต๋าเชิญมาแน่นอน
หลินเจียเอ๋อร์ที่โดนนักยุทธ์จำนวนมาก คุ้มกันไว้ตรงกลาง ขมวดคิ้วขึ้นมา มองเงาดำข้างหน้าเขม็ง รู้สึกคุ้นเล็กน้อย
แต่ฝูงหมาป่าทมิฬที่อยู่ตรงข้าม ไม่เกรงใจสักนิด หมาป่าทมิฬสิบกว่าตัวด้านหน้า กระโจนเข้ามา โหดเหี้ยมดุดันอย่างเห็นได้ชัด
หลัวซิวยกยิ้มเย็นชา ง้างมือขึ้นมาสะบัด โยนชายวัยกลางคนที่หิ้วอยู่ ไปทางนักยุทธ์หอหย่งชาง ที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็ขยับตัว พุ่งเข้าไปข้างหน้า การกระทำเร็วดั่งสายฟ้าสีดำ
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!……
ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หมาป่าทมิฬสิบกว่าตัวที่กระโจนเข้ามา กระเด็นออกไปเหมือนโดนฟ้าผ่า ร่างขนาดประมาณวัว ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ กลางอากาศ
ขณะนั้น หลัวซิวจึงชักหมัดกลับมาช้าๆ ใช้พละกำลังของร่างกาย จัดการกับหมาป่าทมิฬสิบกว่าตัว ที่พละกำลังทัดเทียมกับฝึกจิตขั้น1 จนราบคาบ!
หมาป่าทมิฬ เป็นอสูรกายขั้น4 หมาป่าทมิฬทั่วไป ทัดเทียบกับปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตขั้น1
ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว การกระทำเร็วดั่งสายฟ้า ทำให้พวกนักยุทธ์หอหย่งชาง ที่อยู่ด้านหลัง อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
ผู้อาวุโสฝึกจิตขั้น3 ทั้งสองคน ที่คุ้มครองข้างกายหลินเจียเอ๋อร์ ก็มีสีหน้าเคร่งครึม ถึงแม้เป็นพวกเขา ก็ไม่สามารถระเบิดหมาป่าทมิฬสิบกว่าตัว ภายในเวลาเดียวกันได้ ถึงกระทั่งที่ปะทะกัน จัดการหมาป่าทมิฬด้วยกำลังทั้งหมด ก็ไม่สามารถทำได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวแบบนี้
“แข็งแกร่งมาก” หลินเจียเอ๋อร์ก็ยกมือมาปิดปากแดงระเรื่อ ตกใจเป็นอย่างมาก
“หมิงต๋า นายไปหาคนแบบนี้มาจากไหนกัน” สายตาของคนหอหย่งชาง ต่างพากันมองไปยังชายวัยกลางคน ที่โดนหลัวซิวโยนมา
“ฉันหนีไปได้ไม่ไกลก็เป็นลม คนนี้ช่วยฉันเอาไว้ เดิมทีเขาจะไม่ช่วยเรา แต่พอฉันพูดว่าคุณหนูใหญ่อยู่ที่นี่ เขาก็มา” หมิงต๋าพูดอธิบาย
“เป็นสหายเก่าของคุณหนูใหญ่เหรอ” ผู้อาวุโสฝึกจิตขั้น3 ทั้งสองคน หันไปมองหลินเจียเอ๋อร์
หลินเจียเอ๋อร์จ้องชายหนุ่มชุดคลุมดำเขม็ง ในหัวของเธอ มีภาพของคนที่ชอบสวมชุดคลุมดำแบบเดียวกัน ผุดขึ้นมา ทั้งสองค่อยๆ ซ้อนทับกัน
“เป็นเขาเหรอ”
ริมฝีปากแดงระเรื่อสั่นเบาๆ หลินเจียเอ๋อร์เม้มปาก พูดเบาๆ ว่า “ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร”
“ใครเหรอ” ทุกคนอดแสดงสีหน้าสงสัยออกมาไม่ได้
“หลัวซิว เขายังมีชื่ออื่นอีกหนึ่งชื่อ ซิวหลัว!” หลินเจียเอ๋อร์เอ่ยขึ้น
“เป็นเขาเหรอ คนที่ฝ่าฟันเข้าไปในหอคอยมังกรบินชั้นที่ 7 ตอนอายุ 15 ปี ชายหนุ่มที่ฆ่าผู้ฝึกจิตนับไม่ถ้วน ซิวหลัวคนนั้นเหรอ” ทุกคนอดเบิกตาโตไม่ได้
ในประเทศเทียนหวู มีข่าวลือเกี่ยวกับหลัวซิวเยอะมาก โดยเฉพาะเขามีพลังไอสังหารที่น่ากลัว และใช้สิ่งนี้ฝึกเป็นห้วงยุทธ์โลกกระบี่ ว่ากันว่าปรมาจารย์ยุทธ์ระดับฝึกจิตที่ตายในมือเขา อย่างน้อยๆ ก็เกิน 20 คนขึ้นไป
“ได้ยินว่าเขาฆ่ายอดฝีมือของอำนาจใหญ่ต่างๆ ในแดนปริศนาเป็นจำนวนมาก”
“พละกำลังของเขา อย่างน้อยทัดเทียมกับฝึกจิตขั้น7 ครั้งนี้พวกเรามีหวังแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มชุดคลุมดำที่มาช่วย ได้ฉายาในประเทศเทียนหวูว่า อัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบหลายปี บนใบหน้าของนักยุทธ์หอหย่งชางจำนวนมาก ถึงกับโล่งใจ
ในใจหลินเจียเอ๋อร์อดหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้ คิดย้อนไปตอนที่เธอเจอหลัวซิวครั้งแรก ได้ยินอาจารย์ของเธอชื่นชมเขา ตัวเองยังรู้สึกไม่พอใจ ถึงกับไม่สนใจอะไร
แต่ต่อมามีการต่อสู้แย่งชิงโควต้าจำนวนคน เขามีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดิน ส่วนตัวเองกลับโดนคัดออก ไม่มีโชคเข้าไปในแดนปริศนา
……
หลังหลัวซิวระเบิดหมาป่าทมิฬสิบกว่าตัวด้วยหมัดเดียว หมาป่าสามตัวข้างหลังฝูงหมาป่า คำรามอย่างโมโห
ทันใดนั้น ฝูงหมาป่าบริเวณรอบๆ กระโจนเข้ามาพร้อมกัน ล้วนกระโจนเข้ามาหาเขา
ต่อมาเกิดภาพที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง
หลัวซิวเผชิญกับการกระโจนเข้ามาของหมาป่าทมิฬสิบตัว เขายืนนิ่งที่เดิม และเอ่ยปากแค่คำเดียว
“ตาย!”
เสียงคำว่าตายดังก้อง เหมือนสัญญาณแห่งความตายของเทพมรณะ แค่พริบตา ในหัวของหมาป่าทมิฬทุกตัว ปรากฏเงากระบี่สีดำ
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!……
ครั้งนี้ไม่ใช่การโจมตีจากพละกำลังของร่างกาย แต่เป็นการจู่โจมวิญญาณทำลายตัวหยั่งรู้ หน้าผากของหมาป่าทมิฬแต่ละตัว ระเบิดออก เลือดกับไขสมองปะปนกัน กระจายไปทั่ว