CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2748 ศิลาเทวมรณา

  1. Home
  2. มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake
  3. บทที่ 2748 ศิลาเทวมรณา
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2748 ศิลาเทวมรณา

“โฮก !”

เสียงมังกรคำรามดังสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า ดวงตาที่ไร้ซึ่งความปรานีของมังกรทองห้ากรงเล็บ จับจ้องมาที่หลัวซิว

บนร่างของมังกรตัวนี้ มีพลังชีวิตที่เข้มข้นแผ่ซ่านอยู่รอบตัว แต่กลับไม่ให้ความรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาและสงบสุข แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อันตรายจนเหลือประมาณ

สีหน้าของหลัวซิวดูเคร่งเครียดขึ้นมา หลังจากที่เข้ามาในแดนสุขาวดี เขาก็ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน และมังกรทองห้ากรงเล็บที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้ คงเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย

ฟิ้ว !

เตากลั่นยานภาจื่อเซียวลอยออกมาจากห้วงจักร และมาหยุดอยู่เหนือศีรษะ จากนั้นจึงปล่อยลูกโซ่อัคคีเทพลงมาป้องกันรอบด้าน ราวกับผ้าม่าน

จากนั้น หลัวซิวยกมือขึ้นคว้า กระบี่ร่องฟ้าก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาฟาดกระบี่ลงไป แสงกระบี่ราวกับสายรุ้ง ข้ามท้องฟ้า กรีดอนัตตา ส่งเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น หลัวซิวใช้กำลังรบทั้งหมดที่มีในตอนนี้ ด้วยพลังของกระบี่เดียว สามารถเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า ใช้อำนาจลงมืออย่างสุดกำลังแล้ว !

แสงกระบี่ราวกับขุนเขา พุ่งตรงเข้าไปใกล้ศีรษะของมังกรทองห้ากรงเล็บในชั่วพริบตา ในพลังชีวิตของมังกรทองตัวนี้มีออร่าวัฏสงสาร เขาจึงอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“โฮก !”

มังกรทองคำรามด้วยความโกรธ เขามังกรคู่หนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงกระบี่ฟันลงมาด้านบนอย่างแรง จนเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา

ถึงแม้กระบี่นี้ของหลัวซิวจะใช้พลังทั้งหมดที่มีแล้ว แต่กลับไม่อาจตัดเขามังกรทั้งสองข้างให้หักลงได้ แต่ให้เห็นว่าเขาของมังกรทองตัวนี้ มีความแข็งแกร่งมากเพียงใด

“อีกครั้ง กระบี่แรกปรปักษ์ !”

หลัวซิวเหยียบอนัตตา แล้วพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่เกรงกลัว พลังอมตะโลกกระบี่กระบวนท่านี้ เกิดจากพลังอมตะของตราประทับปรปักษ์สวรรค์ โดยมีกระบี่ร่องฟ้าคอยสนับสนุน จึงมีพลังที่เหนือกว่าการใช้ตราประทับปรปักษ์สวรรค์เพียงอย่างเดียว หลายเท่าตัวนัก

มังกรทองเจ็บปวด จึงคำรามด้วยความโกรธ และตะบบกรงเล็กลงมา

“กระบี่ที่สองจ้านเทียน !”

รอบตัวของหลัวซิว มีจิตวิญญาณการต่อสู้ปะทุขึ้นมา แสงกระบี่ที่ฟันลงไปก็พุ่งสูงขึ้น ไกลออกไปเป็นพันลี้ !

“กระบี่ที่สาม ปราบสวรรค์ !”

เจตนาฆ่าที่ไม่สิ้นสุดรวมตัวกันกลายเป็นแสงสีแดงสดเหมือนเลือด พลังอมตะของหอกโลหิตสังหารสวรรค์ถูกเขาใช้วิถีไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลง กลายเป็นปราณกระบี่สีเลือด มีความลึกลับของพลังเต๋าปราบสวรรค์

ในความเป็นจริงแล้ว พลังอมตะหอกโลหิตสังหารสววรรค์กระบวนท่านี้ หากใช้หอกรบที่ทรงพลังในการแสดงออกมา พลังถึงจะยิ่งใหญ่ที่สุด

แต่ตอนนี้ กระบี่ร่องฟ้าที่ถืออยู่ก็เป็นอาวุธมกุฎเทพระดับเก้า พลังอมตะกระบวนท่านี้ จึงถูกหลัวซิวผลักดันจนถึงขึ้นจำกัดของแดนในสตอนนี้แล้ว

“พรวด !”

เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น กระบี่ที่สามของหลัวซิวตัดเขามังกรจนหัก และทิ้งรอยกระบี่เอาไว้บนตัวของมังกรทอง และมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาเหมือนน้ำพุ

แต่หลัวซิวเองก็ลำบากไม่น้อย เขาถูกกรงเล็บของมังกรตะปบจนลอยออกไป ร่างกายยังไม่ทันยืนอย่างมั่นคง หางมังกรก็ฟาดตามมาอีกครั้ง แม้ว่าจะมีเตากลั่นยานภาจื่อเซียวคอยคุ้มกัน แต่ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า มีเลือดซึมออกมาที่มุมปาก เอ็นและกระดูกในร่างกายส่งเสียงแตกหักดังกรอบแกรบ

ความแข็งแกร่งของมังกรทองตัวนี้สูงถึงระดับเทพมารขั้นเก้าระดับสูงแล้ว เป็นรองแค่เพียงราชาเทพเท่านั้น

ในแดนสุขาวดี มังกรทองห้ากรงเล็บตัวนี้เกือบจะเป็นอมตะ อาการบาดเจ็บของมันฟื้นฟูด้วยความเร็วที่สายตามองเห็นได้ เขาที่หักลงก็งอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

นี่คือศึกอันยาวนาน แต่สำหรับหลัวซิวแล้ว ศึกครั้งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเขาจำเป็นต้องผ่านศึกที่ทุ่มเทอย่างสุดกำลังเช่นนี้สักครั้ง เพื่อทำให้ผลการฝึกตนของตนเองมั่นคง อย่างไรเสีย ผลการฝึกตนก่อนหน้านี้พัฒนาเร็วเกินไป ทำให้รากฐานวิถียุทธ์ได้รับผลกระทบ

มังกรทองห้ากรงเล็บสามารถดูดรับพลังชีวิตของแดนสุขาวดี มาใช้รักษาอาการบาดเจ็บ จนแทบจะมีร่างที่เป็นอมตะ ส่วนวิถีไร้ลักษณ์เปลี่ยนแปลงของหลัวซิวเอง ก็สามารถทำได้เช่นกัน ถึงแม้ความแข็งแกร่งของมังกรทองจะเหนือกว่าเขาหนึ่งขั้น แต่หลังจากที่รากฐานวิถียุทธ์ของเขาค่อย ๆ มั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สถานการณ์นี้เริ่มเปลี่ยนทิศทางไป

ศึกครั้งนี้ต่อเนื่องมาเกือบสองเดือนแล้ว หลัวซิวยืนอยู่กลางอากาศด้วยสภาพที่ผมเผ้ารุงรัง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เห็นได้ชัดว่าลำบากเป็นอย่างยิ่ง

แต่บนใบหน้าของเขากลับปรากฏรอยยิ้มออกมา เพราะเขาสามารถสัมผัสได้ว่าผลการฝึกตนของเขา บรรลุถึงแดนเทพมารระดับเจ็ดขั้นสูงอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว รากฐานวิถียุทธ์ที่แต่เดิมได้รับผลกระทบ ก็เปลี่ยนกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม

หากพูดว่า ในตอนแรกที่เขาบรรลุแดนเทพมารระดับเจ็ดขั้นสูง ความแข็งแกร่งของเขาสามารถเทียบได้กับเทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิ เช่นนั้นในตอนนี้ เขาก็ได้ครอบครองกำลังรบที่เทียบเท่ากับเทพมารระดับเก้าช่วงปลายอย่างสมบูรณ์แล้ว ถึงขั้นว่า หากอาศัยพลังอมตะวิถีไร้ลักษณ์ เขาก็สามารถต่อกรกับเทพมารระดับสูงขั้นเก้าได้แล้ว

พูดได้อย่างไม่ลังเลว่า ถ้าคู่ต่อสู้ที่ต่ำกว่าเทพมารระดับเก้าช่วงปลายลงมา เขาก็สามารถสังหารได้ !

สังหารกับเอาชนะ เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง !

“สรรพวิถีล้วนว่าง ทะยานเซียน !”

หลัวซิวฟันกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป โคจรวิถีไร้ลักษณ์ สรรพวิถีล้วนว่าง กฎและพลังอมตะทั้งหมด หายวับไปในความว่างเปล่าภายใต้การปกคลุมของพลังลักษณะนี้ ถึงแม้จะเป็นเกณฑ์ชีวีนิรันดร์ หรือแม้กระทั่งพลังแห่งวัฏสงสาร ล้วนต้องล่าถอยและสลายไป !

ภายใต้การสนับสนุนของสรรพวิถีล้วนว่างเปล่า แสงกระบี่ที่แฝงไปด้วยความลึกลับของทะยานเซียนฟาดฟันออกไป เสียงพรวดดังขึ้น เลือดสดสาดกระเซ็น หัวของมังกรทองห้ากรงเล็บ ถูกหลัวซิวฟันจนขาดสะบั้นทันที !

“เจิ้น !”

เตากลั่นนภาจื่อเซียวลอยขึ้นมา แล้วปล่อยพลังดูดกลืนออกมา ดูดเอาร่างที่ไร้หัวของมังกรทองห้ากรงเล็บเข้าไปกลั่นแปรในเตา

ผ่านไปหลายชั่วยาม ศพของมังกรทองห้ากรงเล็บถูกเตากลั่นนภาจื่อเซียวของหลัวซิวกลั่นแปร กลับคืนสู่แหล่งกำเนิด และกลั่นเอาพลังแห่งวัฏสงสารหนึ่งกำมือที่แฝงอยู่ในตัวออกมา

“ข้าเข้าใจแล้ว……”

เมื่อเห็นพลังแห่งวัฏสงสารหนึ่งกำมือ ท่านตาของหลัวซิวก็หดแน่นลงทันที และพึมพำกับตนเอง

ประวัติความเป็นมาในการมีอยู่ของแดนสุขาวดี ต้องย้อนกลับไปถึงยุคของจ้าววัฏสงสารผู้ปกครองสวรรค์รุ่นที่สาม ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า แดนสุขาวดีที่มีออร่าวัฏสงสารแห่งนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สามอย่างแน่นอน

หลัวซิวถึงขั้นกล้าคาดเดาไปว่า แดนสุขาวดีแห่งนี้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นสุสานของจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สาม !

“จะต้องเข้าไปดูในส่วนที่ลึกยิ่งกว่านี้จึงจะดี”

หลัวซิวมีสีหน้าเคร่งขรึม ตอนที่เขาเป็นซ่างไท่ฉิงในชาติก่อน ยังไม่เคยเดินทางมาที่แดนสุขาวดี แต่ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้แข็งแกร่งปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จึงย่อมต้องมีคนอื่นเคยเดินทางมาที่นี่อย่างแน่นอน

หากที่นี่เป็นสุสานของจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สามจริง เช่นนั้นเมื่อคิดเชื่อมโยงไปถึงสุสานของรุ่นที่แปดที่อยู่ตรงใจกลางของโลกร้าง สุสานขงอจ้าววัฏสงสารจำนวนหลายรุ่นสามารถอยู่ยั้งยืนยงมาได้หลายปีขนาดนี้ แต่กลับมาปรากฏตัวต่อสายตาชาวโลกในยุคนี้ หรือว่าเป็นเรื่องบังเอิญจริงหรือ ?

หลัวซิวเดินตรงต่อไปด้านหน้า และมองเห็นศิลาจารึกแผ่นหนึ่งเข้า มีคนจำนวนมากห้อมล้อมอยู่รอบแผ่นศิลาจารึก และชี้นิ้วไปมาอยู่ตรงนั้น

เมื่อเข้าไปใกล้ หลัวซิวก็เพิ่งจะมองเห็นอย่างชัดเจนว่า บนแผ่นศิลาจารึกนี้ มีตัวอักษรคำว่า “สยบ” อยู่ ส่วนด้านหลังมีตักอักษรคำว่า “ฆ่า”

เมื่อนำตัวอักษรทั้งสองตัวมารวมกันคือมรณา สยบและพิฆาต

ทันใดนั้นเอง มีนักยุทธ์วัยหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้าไปด้านหน้าด้วยความสงสัย ดูเหมือนอยากเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น เพื่อสังเกตความลับที่ซ่อนอยู่ในคำว่ามรณาในระยะใกล้

“อย่าเข้าไป !”

นักยุทธ์คนหนึ่งที่มีประสบการณ์เอ่ยเตือน แต่กว่าที่เขาจะเอ่ยปากก็สายไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นเดินเข้าไปยังไม่ทันจะถึงสองก้าว ร่างเนื้อของเขาก็สบายไปทันที ถึงขั้นว่า แม้แต่ช่องจิตที่อยู่ลึกเข้าไปในตัวหยั่งรู้ยังสลายไปด้วย และกลายเป็นเถ้าถ่านไปในชั่วพริบตา

เมื่อเห็นภาพนี้ นักยุทธ์คนอื่น ๆ ที่เพิ่งมายังแดนสุขาวดีเป็นครั้งแรก ต่างก็หน้าถอดสี ทุกคนล้วนหวาดกลัวจนถอยร่นไป

“ในรัศมีหนึ่งร้อยจ้างจากศิลาเทวมรณาถือเป็นที่ต้องห้าม !” ชายชราที่เคยมาแดนสุขาวดีหลายครั้งพูดขึ้นอย่างสงบ

“บอกพวกเจ้าไว้ตั้งแต่ตอนเข้ามาในแดนสุขาวดีแล้ว เมื่อครู่สวีเฟิงไม่ยอมฟังคำเตือน นั่นถือว่าเขารนหาที่ตายเอง !”

ศิษย์วัยหนุ่มสาวของกองกำลังใหญ่ที่มาหาประสบการณ์ที่แดนสุขาวดี ล้วนมียอดฝีมือคอยดูแล ก่อนที่จะเข้ามาในแดนสุขาวดี ทุกข้อห้ามที่เกี่ยวข้องกับแดนสุขาวดี ล้วนบอกกล่าวให้ฟังหลายรอบ

แต่คนหนุ่มสาวมักจะหักห้ามความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ด้วยเหตุนี้จึงมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่ต้องจบชีวิตลง”

นอกรัศมีร้อยจ้าง หลัวซิวยืนเอามือไพล่หลัง และจ้องเขม็งไปที่คำว่า “สยบ” ที่อยู่ด้านหน้า ตัวอักษรนี้ดึงดูดสายตา ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีเขาเซียนลูกใหญ่กำลังกดทับลงมา ความรู้สึกอึดอันนี้เกิดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ราวกับว่าจะกดทับตัวธรรมของเขา กดทับจิตตั้งของเขา และกดทับจิตวิญญาณของเขา !

“ออร่าวัฏสงสาร……”

ศิลาเทวมรณาแผ่นนี้ ทำให้หลัวซิวนึกถึงวังดับฟ้าที่เขาเคยเห็นที่มหาโลกาสามพันในตอนนั้น ตอนนั้นเขาไม่ได้เดินทางไปวังดับฟ้า เพราะตอนนั้นผลการฝึกตนของเขายังอ่อนแอมาก จึงทำเพียงชุบร่างอยู่ที่สถานตรีภพด้านนอกวังดับฟ้า

ต่างกันตรงที่ สิ่งที่ภายในวังดับฟ้าสยบก็คือสวรรค์ แต่ที่นี่ กลับเป็นจ้าววัฏสงสารสยบผู้อื่น !

ศิลาเทวมรณาแฝงไปด้วยออร่าวัฏจักร ต้องเกิดขึ้นจากฝีมือของจ้าววัฏสงสารโดยไม่ต้องสงสัย เขาสยบศัตรูผู้แข็งแกร่งเอาไว้ที่นี่ ก็เพื่อเตือนผู้ที่มาเยือนจากด้านนอก ให้ทุกคนหวาดกลัวในใจ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามที่นี่

ผ่านเวลามาเนิ่นนาน คำว่า “มรณา” ที่อยู่บนศิลาเทวเริ่มเลือนลางไปแล้ว จึงหลงเหลือพลังอยู่อีกไม่มาก สามารถยับยั้งได้เพียงเทพมารระดับเก้าธรรมดา ๆ เท่านั้น

แต่พลังอำนาจระดับนี้ หลัวซิวกลับไม่ได้สนใจ เขาเดินตรงเข้าไป แรงกดขี่และเจตนาฆ่าอันรุนแรงพุ่งตรงไปต้านหน้า ศิลาเทวชิงเทียนที่ซ่อนอยู่ในห้วงจักรเปล่งรัศมีเทวออกมา เขาเดินเพียงไม่กี่ก้าว ก็มาถึงด้านหน้าของศิลาเทว

“หลีกทางให้ข้า !”

ห้วงจักรของหลัวซิวเปิดออก เตากลั่นนภาจื่อเซียวปล่อยพลังดูดกลืนออกมา หลังจากเสียงที่ดังสนั่น ศิลาเทวมรณาถูกดึงขึ้นจากพื้น และหดเล็กลงเรื่อย ๆ แล้วถูกเก็บเข้าไปในเตากลั่นนภาที่อยู่ในห้วงจักร

“แม้ศิลาเทวชิ้นนี้จะผ่านการศึกหรอมานาน แต่ก็เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ถึงแม้ข้าอาจไม่ได้ใช้ แต่ก็สามารถมอบให้ผู้อื่นได้”

ทุกคนที่ถอยหลังออกไปไกลล้วนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง คนปกติต่างหลีกหนีศิลาเทวมรณา แต่เจ้าหมอนี่กลับย้ายศิลาเทวไปเสียแล้ว ?

โดยปกติแล้ว ผู้ที่ไม่เกรงกลัวพลังอำนาจของศิลาเทวมรณา อย่างน้อยต้องเป็นราชาเทพระดับเก้า แต่ผู้แข็งแกร่งที่บรรลุถึงระดับนี้ ไม่มีทางเห็นค่าของสมบัติที่สึกหรอตามกาลเวลาเช่นนี้ ดังนั้น ศิลาเทวแผ่นนี้จึงถูกตั้งอยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน โดยที่ไม่มีใครสนใจ

ศิลาเทวถูกย้ายไป หลัวซิวจึงเห็นโครงกระดูกที่ถูกทับอยู่ด้านล่าง โครงกระดูกนี้ไม่หลงเหลือความแวววาวใด ๆ อีก เมื่อถูกลบพัดก็สลายกลายเป็นฝุ่นผง

สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตนเอง เมื่อนานมาแล้ว จ้าววัฏสงสารรุ่นที่สองได้สังหารศัตรูของเขาที่นี่ และสร้างศิลาเทวขึ้นมา เพื่อเตือนทุกคนว่า ศักดิ์ศรีของจ้าววัฏสงสารไม่อาจลบหลู่และล่วงเกินได้ง่าย ๆ

หลังจากที่หลัวซิวเข้ามาที่ส่วนลึกยิ่งขึ้นของแดนสุขาวดี นักยุทธ์ที่สามารถข้ามาถึงตรงนี้ได้ แต่ละคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง

ที่นี่ มีทะเลสาบขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางด้านหน้า น้ำในทะเลสาบล้วนเป็นสีดำสนิท ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของความตายอันน่าสะพรึงกลัว

หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว ในแดนสุขาวดีที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตอันเข้มข้น ไม่น่าจะมีกลิ่นอายของความตายที่รุนแรงเช่นนี้ แต่หลัวซิวกลับรู้ดีว่า ความลับของวัฏสงสาร อยู่ที่แก่นแท้ของห้วงเวลาความเป็นและความตาย ถ้าหากที่นี่เป็นสุสานของจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สองจริง เช่นนั้น พลังชีวิตที่เข้มข้นเหลือประมาณ ย่อมมีกลิ่นอายของความตายอันเข้มข้นโดยธรรมชาติเช่นกัน

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 2748 ศิลาเทวมรณา"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์